Wat Chedi, also known as Wat Chedi (Ai Khai), is one of the most famous spiritual destinations in Nakhon Si Thammarat Province, southern Thailand. The temple has gained nationwide attention because of the legend of “Ai Khai,” a spirit child who is deeply respected by Thai people. According to local belief, Ai Khai was a young boy who accompanied a revered monk named Luang Pu Thuad on his journey. After passing away, his spirit remained at Wat Chedi and became known for granting wishes and protecting devotees.
Today, thousands of visitors travel to Wat Chedi each year to pay their respects and seek blessings, particularly in matters of luck, prosperity, business success, and protection from harm. Offerings commonly include firecrackers, toy soldiers, and roosters, which are symbols closely associated with Ai Khai. Many believers return to fulfill their vows by presenting these items once their wishes are granted.
The atmosphere of Wat Chedi is vibrant and filled with faith. Pilgrims light incense, pray, and make offerings, while the sound of firecrackers echoes through the temple grounds as a sign of gratitude. The temple has also become an important cultural landmark, blending traditional Buddhist practices with unique local beliefs.
For visitors, Wat Chedi offers not only a chance to explore Thai spirituality but also an opportunity to witness living traditions of faith and devotion. Whether one seeks blessings or simply wishes to experience local culture, Wat Chedi (Ai Khai) is a remarkable and meaningful...
Read moreคณะงานบุญคุณอาคม ทันนิเทศได้พามาเยี่ยมชมวัดเจดีย์ (ท่านไข่) เมื่อ (พฤ. 24 เม.ย. 2568)
🌅 วัดเจดีย์ (ไอ้ไข่) หรือที่นิยมเรียกกันว่า วัดเจดีย์ไอ้ไข่ ตั้งอยู่ ณ ตำบลฉลอง อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ชื่อวัด "ไอ้ไข่" มาจากชื่อของเด็กชายที่ได้ติดตามหลวงปู่ทวด ซึ่งกำลังเดินทางจากสงขลาไปยังกรุงศรีอยุธยา
ชื่อสามัญ วัดเจดีย์(ไอ้ไข่) ที่ตั้ง 103 หมู่ 7 ตำบลฉลอง อำเภอสิชล นครศรีธรรมราช ประเทศไทย 80120 นิกาย เถรวาท มหานิกาย เจ้าอาวาส พระครูพุทธเจติยาภิมณฑ์ กิจกรรม ช่วงเทศกาลสงกรานต์ (13 -17 เมษายน ของทุกปี) มีการจัดงานบุญ โดยคณะกรรมการวัดนำรูปหล่อมาประดิษฐานยังปะรำพิธี ให้คนสรงน้ำพระแล้วอาบน้ำ ไอ้ไข่ ขอพรด้วยความเชื่อมั่นและความศรัทธา
ประวัติและตำนาน ย้อนกลับไปยังสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย หลวงพ่อทวดพระเถระ ผู้เปี่ยมด้วยญาณบารมี ได้เดินทางไปยังกรุงศรีอยุธยา ในการนั้นท่านได้นำพา เด็กชายผู้หนึ่ง อายุราว 9 ถึง 10 ขวบมาด้วย หมายใจให้คอยปรนนิบัติรับใช้ เมื่อเดินทางมาถึงยังฐานถิ่นวัดเจดีย์ ก็หยุดรั้งรอหมายพบเจอสหธรรมิกครั้งศึกษาพระธรรม ยังเมืองนครศรีธรรมราช นามว่า ขรัวทอง ผู้เป็นสมภารวัด หมายสนทนาพาที ด้วยจิตอันเป็นไมตรีต่อกัน ดังมีหลักฐานนามถิ่นโพธิ์เสด็จ ไว้เป็นประจักษ์พยานว่ากาลหนึ่ง พระโพธิญาณ (หลวงพ่อทวด) ได้เดินทางมายังธรรมสถานแห่งนี้
ด้วยญาณแห่งพระผู้มีบารมี จึงรับรู้ได้ว่าในภายภาคหน้า สถานที่แห่งนี้จะเป็นหลักสำคัญแห่งพระพุทธศาสนา จึงบอกเด็กชายผู้คอยติดตามว่า
"เจ้าจงอยู่ที่นี่เถิด จะก่อเกิดผลดีศรีสดใสในภายภาคหน้านั้นต่อไป จะเป็นหลักชัยในทางธรรม"
เด็กชายรับปากพระอาจารย์ แล้วตั้งสัตย์ปฏิญาณตามพระอาจารย์สั่ง หลวงพ่อทวด จึงฝากเด็กชายไว้กับ ขรัวทอง เด็กชายกลายเป็นเด็กวัดเจดีย์ คอยอยู่รับใช้สมภาร และดูแลวัดเจดีย์
ดังในตำนานเมืองนครศรีธรรมราช ได้กล่าวถึง เหตุการณ์ครั้นเจ้าพระยาคืนเมืองมีท้องตรามายังเมือง "อลอง" (ตำบลฉลอง ในปัจจุบัน) มีบันทึกว่า
"...มาถึงเมืองอลอง แวะพักหนึ่งคืน นมัสการสมภารทอง มีศิษย์เกะกะชื่อไอ้ไข่เด็กวัด..."
แต่ถึงจะเป็นเด็กเกะกะซุกซนแต่เด็กชายก็เปี่ยมด้วยอานุภาพพิเศษ แปลกแตกต่างจากเด็กทั่วไป ชอบช่วยเหลือผู้คน หากใครมีปัญหาที่หมดปัญญาจะแก้ไข จะต้องมาออกปาก (ไหว้วาน) ทุกคราไป จึงไม่มีใครเกลียดชังถึงจะซุกซนเกเร ด้วยเป็นเด็กที่จริงจังทั้งวาจา และจิตใจ รับปากใครแล้วเป็นต้องทำให้ได้ ถึงจะเป็นอันตรายก็ตาม ว่ากันว่าควายตัวไหนพยศ หากเด็กวัดจับหางติดจะไม่ปล่อยเป็นเด็ดขาด ถึงควายจะวิ่งอย่างไร จนควายตัวนั้นต้องละพยศหมดฤทธิ์
เมื่อเวลาล่วงผ่านไป ด้วยจิตอันแสดงถึงอานุภาพพิเศษ ก็รับรู้ได้ว่าพระอาจารย์ (หลวงพ่อทวด) กำลังจะเดินทางกลับจากกรุงศรีอยุธยา ด้วยกลัวว่าหากพระอาจารย์กลับมาถึง จะนำพาตนกลับสู่ถิ่นฐานที่จากมา ด้วยคำสั่งของพระอาจารย์ ที่สั่งให้เฝ้าและดูแลรักษาวัดเจดีย์ และด้วยสัจจะวาจาที่ให้ไว้ เด็กชายจึงเดินลงสระน้ำภายในวัด เป็นการปลดชีวิตตัวเอง ตามภาษาทางศาสตร์ เรียก การเสด็จ หมายสละร่างเหลือไว้แต่ดวงวิญญาณ ไว้คอยปกปักษ์รักษาวัดเจดีย์ สืบมาจนถึงปัจจุบันนี้
ด้วยบารมี ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ แก้ จากวัดร้างห่างผู้คน สู่วัดที่มีความเจริญรุ่งเรือง, จากศรัทธาท้องถิ่น สู่ศรัทธามหาชน, จากเทพประจำถิ่น สู่เทพระดับนานาชาติ ก็ด้วยบารมี ของไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ จากเด็กไล่วัว ตามหาควายหายของคนในท้องถิ่น มาเป็นเทพผู้ให้ความช่วยเหลือ มนุษย์ผู้ตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ จากทั่วสารทิศ ทั้งในประเทศ รวมถึงจากต่างชาติ ต่างแดนยังมาขอพึ่งบารมีของเด็กวัดผู้นี้
ตั้งแต่ก่อนมาจนถึงทุกวันนี้ ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ ได้ผ่านกาลสมัยมาเป็นหลายร้อยปี กลายเป็นประวัติศาสตร์ของท้องถิ่นอันดีงาม ของชาวชุมชนตำบลฉลอง และพื้นที่ใกล้เคียง ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ ได้ฝังอยู่ในรากเหง้า เปรียบเสมือนบรรพบุรุษของชาวชุมชน
"ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ ไม่เลือกชนชั้น ไม่เลือกวรรณะ ไม่ว่าคุณคือใคร ขอแค่คุณบอกกล่าวมา ขอแค่คุณมีจิตอันเป็นศรัทธา ขอแค่คุณเป็นผู้ปฏิบัติดี บารมี ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์พร้อมที่จะคุ้มครอง พร้อมที่จะช่วยเหลือทุกผู้ทุกคน ดังนิยามที่เรียกขานกันว่า ขอได้ ไหว้รับ"[6]
ดังจะเห็นประจักษ์พยานได้จาก การพัฒนาวัด ทั้งการสร้างอุโบสถ วิหาร เสนาสนะ พัฒนาสาธารณูปโภค การขยายที่ดิน เพื่ออำนวยความสะดวก เพื่อต้อนรับผู้มีจิตศรัทธาที่เดินทางมากราบไหว้ ขอพร จากทั่วทุกมุมของประเทศ อีกยังสร้างรายได้ ให้ชาวชุมชน อำเภอ ตลอดถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางด้านความเชื่อความศรัทธาที่สำคัญ อีกแห่งของจังหวัดนครศรีธรรมราช
รวมถึงสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงพลังศรัทธาสาธุชน อย่างเช่น กองประทัดกองใหญ่, ไก่เต็มลานวัด (ไก่ปั้น), เสียงประทัดสนั่นทั้งวัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้...
Read moreWat Chedi Ai Kai is a well-known temple in Sikhiu District, Nakhon Si Thammarat Province, with a famous reputation related to "Ai Kai," a disappeared temple boy without a trace. Visitors to Wat Chedi Ai Kai often speak to "Ai Kai" and wish for themselves in something they desire. Many people believe that "Ai Kai" can fulfill their wishes and bring good luck. There are many people who come to pay their respects to "Ai Kai" and get what they pray for.
Wat Chedi Ai Kai is located in Moo 7, Chalong Sub-district. According to legend, the temple was built on the site where Luang Pu Tuad, a famous southern monk, stopped to rest and meditate. As for "Ai Kai," it is believed to be the spirit of a child aged around 9-10 years old who was a student following the old monk. When the old monk arrived at the site, he found a significant amount of property and important religious sites. Therefore, he assigned "Ai Kai" to guard and protect the property. Since then, the spirit of "Ai Kai" has been taking care of and guarding the property of the land and has resided at this temple. Due to the popular belief of "Ask and you shall receive," many people come to pay their respects to "Ai Kai" and ask for blessings and wealth. They also often leave offerings such as toy soldiers, stickers, and chicken fighting sets to...
Read more