HTML SitemapExplore
logo
Find Things to DoFind The Best Restaurants

San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng — Attraction in Phra Pradaeng District

Name
San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng
Description
Nearby attractions
Wat Songtham Worawihan
1200 Phetchahung Rd, Talat, Phra Pradaeng District, Samut Prakan 10130, Thailand
Lat Pho Park
MG8Q+42M, Song Khanong, Phra Pradaeng District, Samut Prakan 10130, Thailand
Nearby restaurants
Rabeang Rimnum
458 ศรีเขื่อนขันธ์ ศรีเขื่อนขันธ์ - ซอย ศรีเขี่อนขันธ์ 2 Song Khanong, Phra Pradaeng District, Samut Prakan 10130, Thailand
Baanborn Cafe'
1522 ถนน ลัดตะนง ต.ตลาด Phra Pradaeng District, Samut Prakan 10130, Thailand
Nearby hotels
Related posts
Keywords
San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng tourism.San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng hotels.San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng bed and breakfast. flights to San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng.San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng attractions.San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng restaurants.San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng travel.San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng travel guide.San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng travel blog.San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng pictures.San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng photos.San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng travel tips.San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng maps.San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng things to do.
San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng things to do, attractions, restaurants, events info and trip planning
San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng
ThailandSamut Prakan ProvincePhra Pradaeng DistrictSan Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng

Basic Info

San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng

49 Nakhon Kuan Kan Rd, Tambon Talat, Phra Pradaeng District, Samut Prakan 10130, Thailand
4.7(568)
Open 24 hours
Save
spot

Ratings & Description

Info

Cultural
Family friendly
Accessibility
attractions: Wat Songtham Worawihan, Lat Pho Park, restaurants: Rabeang Rimnum, Baanborn Cafe'
logoLearn more insights from Wanderboat AI.
Phone
+66 81 855 2355

Plan your stay

hotel
Pet-friendly Hotels in Phra Pradaeng District
Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.
hotel
Affordable Hotels in Phra Pradaeng District
Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.
hotel
The Coolest Hotels You Haven't Heard Of (Yet)
Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.
hotel
Trending Stays Worth the Hype in Phra Pradaeng District
Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

Reviews

Nearby attractions of San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng

Wat Songtham Worawihan

Lat Pho Park

Wat Songtham Worawihan

Wat Songtham Worawihan

4.6

(546)

Open 24 hours
Click for details
Lat Pho Park

Lat Pho Park

4.5

(924)

Open 24 hours
Click for details

Things to do nearby

Must-Try: Hidden Bangkok Bike and Food tour
Must-Try: Hidden Bangkok Bike and Food tour
Fri, Dec 12 • 1:00 PM
Khlong San, Bangkok, 10600, Thailand
View details
Secret of Sak Yant Tattoo
Secret of Sak Yant Tattoo
Sat, Dec 13 • 9:30 AM
Bang Khen, Bangkok, 10220, Thailand
View details
BestBangkok Floating market-Boat&Bites food tour
BestBangkok Floating market-Boat&Bites food tour
Sat, Dec 13 • 8:00 AM
Taling Chan, Bangkok, 10170, Thailand
View details

Nearby restaurants of San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng

Rabeang Rimnum

Baanborn Cafe'

Rabeang Rimnum

Rabeang Rimnum

4.4

(467)

Click for details
Baanborn Cafe'

Baanborn Cafe'

4.6

(5)

Click for details
Get the Appoverlay
Get the AppOne tap to find yournext favorite spots!
Wanderboat LogoWanderboat

Your everyday Al companion for getaway ideas

CompanyAbout Us
InformationAI Trip PlannerSitemap
SocialXInstagramTiktokLinkedin
LegalTerms of ServicePrivacy Policy

Get the app

© 2025 Wanderboat. All rights reserved.
logo

Posts

Arinrada RukchobthumArinrada Rukchobthum
“พระประแดง” เป็นเมืองหน้าด่านโบราณเก่าแก่ คำว่า “พระประแดง” ว่ากันว่ามาจากภาษาขอมว่า “บาแดง” หมายถึงคนเดินหมาย คนส่งข่าว จึงเป็นเมืองที่มีหน้าที่เฝ้าปากน้ำสายสำคัญนี้ ซึ่งสมัยก่อนเรียกกันว่า “ปากน้ำพระประแดง” แล้วส่งข่าวความเคลื่อนไหวไปยังเมืองลพบุรี ปัจจุบันยังมีสิ่งที่ตกทอดมาจากขอมอีกอย่าง ก็คือ “คลองสำโรง” ที่ขุดจากตำบลสำโรงไปจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นชื่อขอมอีกเหมือนกันทั้งคลองและจังหวัด เชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำบางปะกง ขุดมาตั้งแต่สมัยขอมครอบครองเช่นกัน เพื่อใช้เดินทางไปถึงทะเลสาบเขมรที่เสียมราฐ ต่อมาในปี ๒๐๔๑ สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ แห่งกรุงศรีอยุธยา มีการขุดลอกคลองสำโรง ได้พบเทวรูปขอมในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ๒ องค์หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ มีอักขระจารึกชื่อไว้ว่า “พระยาแสนตา” องค์หนึ่ง กับ “บาทสังขกร” อีกองค์หนึ่ง โปรดให้สร้างศาลประดิษฐานไว้ที่ริมแม่น้ำปากคลองสำโรง แต่เมื่อครั้งพระยาละแวกยกทัพเรือจะมาปล้นกรุงศรีอยุธยา เมื่อปล้นไม่ได้เลยถือโอกาสขนเอาเทวรูป ๒ องค์นี้ไป เมืองพระประแดงเดิมนั้นตั้งอยู่บริเวณที่เป็นท่าเรือคลองเตยในปัจจุบัน ตอนนั้นปากแม่น้ำเจ้าพระยาอยุ่แถวพระโขนงนี่เอง ไม่ได้อยู่ที่เมืองสมุทรปราการเหมือนเดี๋ยวนี้ วัดหน้าพระธาตุ ศูนย์กลางของเมืองพระประแดงก็อยู่ในบริเวณที่เป็นท่าเรือคลองเตย แต่เมื่อจะสร้างท่าเรือในปี ๒๔๗๘ จึงได้รื้อวัดในบริเวณนี้ออกทั้งหมด และสร้างวัดใหม่ทดแทนให้ ก็คือ วัดธาตุทองในปัจจุบัน ตอนที่สร้างท่าเรือคลองเตย ไม่ได้รื้อเมืองพระประแดง รื้อแต่วัดประจำเมือง ก็เพราะเมืองพระประแดงได้ย้ายไปก่อนแล้ว เนื่องจากแผ่นดินปากแม่น้ำเจ้าพระยางอกออกไปเรื่อยๆ เมืองพระประแดงมีหน้าที่เฝ้าปากแม่น้ำ จึงต้องย้ายตามออกไปอยู่ที่ตำบลราษฎร์บูรณะ ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาเช่นเดียวกัน แถววัดบางนางเกรงในปัจจุบัน แต่ไม่เหลือร่องรอยในวันนี้ เพราะตอนที่พระเจ้าตากสินสร้างกรุงธนบุรี ได้รื้ออิฐกำแพงเมืองพระประแดงแห่งนี้ ที่ถูกทิ้งร้างมาตั้งแต่ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา ไปสร้างราชธานีใหม่ ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดให้สร้างเมืองหน้าด่านปากแม่น้ำแห่งใหม่ขึ้นที่บริเวณลัดโพธิ์ ทรงเห็นว่าเป็นทำเลเหมาะสำหรับเฝ้าระวังปากแม่น้ำเจ้าพระยาที่งอกออกไปอีก มีหน้าที่เช่นเดียวกับเมืองพระประแดง แต่เมื่อลงมือสร้างป้อมปราการก็เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงทรงดำเนินการต่อ สร้างป้อมปืนขึ้นทั้งสองฝั่งเจ้าพระยา พระราชทานนามว่า “นครเขื่อนขันธ์” โปรดเกล้าให้ สมิงทอมา บุตรเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) เป็นเจ้าเมือง มีตำแหน่งเป็น “พระยานครเขื่อนขันธ์รามัญชาติเสนาบดีศรีสิทธิสงคราม” นำชาวมอญที่ติดตามพระยาเจ่ง อดีตเจ้าเมืองมอญ ที่พาผู้คนนับหมื่นเข้ามาสวามิภักดิ์ในสมัยพระเจ้าตากสิน และได้รับพระราชทานที่อยู่อาศัยแถวปากเกล็ด สามโคก จนถึงปทุมธานี ย้ายบางส่วนมาอยู่นครเขื่อนขันธ์ โดยมีพิธีฝังเสาหลักเมืองเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๓๕๘ เสาหลักเมืองของเมืองนครเขื่อนขันธ์ มีการอัญเชิญพระพิฆเนศสลักด้วยหินองค์ใหญ่มาตั้งทับบนยอดของเสาหลักเมือง เพื่อเป็นเคล็ดในการปกปักษ์รักษาเมือง มีการวิเคราะห์กันว่า การที่พระยานครเขื่อนขันธ์ คือ สมิงทอมา ทำยอดเสาหลักเมืองเป็นพระพิฆเนศ หรือช้างนั้น ก็เพื่อเป็นที่ระลึกถึงบิดา คือ พระยาเจ่ง ซึ่งแปลว่าช้าง ซึ่งต่อมาบรรดาลูกหลานที่สืบจากเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) ก็ได้รับพระราชทานนามสกุลในสมัยรัชกาลที่ ๖ ว่า “คชเสนี” ลูกหลานของพระยาเจ่งยังคงรับตำแหน่งเจ้าเมืองนครเขื่อนขันธ์มาหลายชั่วคน และชาวมอญที่อพยพเข้ามาในภายหลัง ก็ไปเพิ่มจำนวนที่นครเขื่อนขันธ์ขึ้นเรื่อยๆ ในปี ๒๔๕๘ เมื่อนครเขื่อนขันธ์มีอายุได้ ๑๐๐ ปีพอดี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริว่า เมืองพระประแดงที่เป็นเมืองโบราณ ทำหน้าที่เฝ้าระวังปากน้ำด้านนี้มาเป็นเวลานาน ไม่ควรจะให้สูญหายไป แม้นครเขื่อนขันธ์จะไม่ได้สร้างบนพื้นที่เดิมของเมืองพระประแดง แต่ก็ทำหน้าที่เหมือนเมืองพระประแดง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เปลี่ยนชื่อเมือง นครเขื่อนขันธ์ เป็น จังหวัดพระประแดง
Chanthawat BoonprasertsriChanthawat Boonprasertsri
สักการะเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดง เสาหลักเมืองแห่งเดียวในประเทศไทยที่หัวเสาเป็นองค์พิฆเนศเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ประวัติความเป็นมา ศาลหลักเมืองของอำเภอพระประแดง มีขึ้นตั้งแต่ครั้งที่ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าให้สร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์ โดยสร้างเป็นศาลประจำเมือง พร้อมทั้งกระทำพิธีฝังอาถรรพ์เสาหลักเมือง ตามโบราณราชประเพณี เมื่อวันศุกร์ แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๗ ปีกุล ตรงกับ วันศุกร์ที่ ๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๓๕๘ และอัญเชิญองค์พระพิฆเนศมาประดิษฐานบนยอดเสาหลักเมือง (มีเรื่องเล่าอีกอย่างว่า เนื่องจากเจ้าเมืองนครเขื่อนขันธ์ในขณะนั้นเป็นชาวมอญนามว่า “เจ่ง” ซึ่งแปลว่า “ช้าง” รัชกาลที่๒ จึงได้พระราชทาน พิฆเนศ มาประดิษฐานเป็นหัวเสาหลักเมือง) พิฆเนศหินทรายองค์นี้คาดว่าจะสร้างในสมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๒ ดังนั้น พิฆเนศองค์นี้จะมีอายุการสร้างเก่าแก่ถึงพันกว่าปี ปัจจุบันศาลประจำเมือง หรือศาลหลักเมืองแห่งนี้ อยู่ติดกับที่ว่าการอำเภอ พระประแดง ภายในมีรูปพระพิฆเนศซึ่งแกะสลักจากหินทราย ( เป็นส่วนของหัวเสาหลักเมือง คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่ามีเฉพาะองค์พิฆเนศ ที่จริงแล้วตัวเสาอยู่ด้านล่าง เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีรูปเหมือนเทวดานพเคราะห์ทั้งเก้าตั้งอยู่โดยรอบเสา สามารถดูได้โดยการเปิดประตูด้านขวามือลงไปทางใต้ถุนของศาล ) องค์พิฆเนศเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดง เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองนครเขื่อนขันธ์( พระประแดง ) เป็นที่สักการะของประชาชนทั่วไป และการที่คนจีนได้เข้ามาดูแลศาลหลักเมืองแห่งนี้ สภาพสิ่งก่อสร้างและบรรยากาศของศาลหลักเมืองจึงเป็นแบบศาลเจ้าจีน ไม่เหลือเค้าโครงเดิมอยู่เลย ด้านบนของศาลยังเป็นที่ประดิษฐานของ หลวงพ่อโสธรจำลอง องค์เจ้าแม่กวนอิมและองค์เทพต่างๆมากมายให้กราบไหว้บูชา เรื่องน่าอัศจรรย์ ในช่วงเวลาระหว่างประกอบพิธีฝังหลักเมืองพระประแดงนั้นได้มีจระเข้ ๕ ตัว (พ่อแม่ลูก) ว่ายทวนแม่น้ำเจ้าพระยามายังบริเวณปริมณฑลพิธี แล้วขาดใจตายริมฝั่งแม่น้ำนั้น ชาวบ้านทั้งหลายที่เห็นเหตุการณ์นี้จึงเชื่อว่า "จระเข้ทั้ง ๕ ตัว" ยอมถวายชีวิตเพื่อบูชาหลักเมืองแห่งนี้ จึงได้ทำการตัดหัวจระเข้แล้วนำขึ้นมาตั้งไว้บนศาลหลักเมืองพระประแดง ซึ่งผู้ที่มากราบสักการะเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดงจะมาปิดทองบูชาบนหัวจระเข้ทั้ง ๕ หัวนั้น ปัจจุบันหัวจระเข้ก็ยังปรากฏอยู่ให้เห็นเป็นหลักฐาน มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ขององค์เจ้าพ่อศาลหลักเมือง ช่วยให้ชาวพระประแดงรอดพ้นจากภัยของสงครามโลก เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงครามเหล่าทหารญี่ปุ่นได้มาหลบพักอาศัยในบริเวณท่าน้ำพระประแดง ทหารฝรั่งเศสจะนำระเบิดมาทิ้งบอมบ์ในบริเวณจุดที่ทหารญี่ปุ่นมาพักหลบอยู่ แต่ด้วยเนื่องจากคนในละแวกนั้นได้ไปไหว้ขอพรจากองค์เจ้าพ่อศาลหลักเมือง ให้เมืองแห่งนี้รอดพ้นจากระเบิดในครั้งนั้น และมีเรื่องเล่าว่าองค์เจ้าพ่อหลักเมืองท่านได้ปัดระเบิดของทางฝรั่งเศสที่ทิ้งลงมาให้ไปตกลงในจุดที่เป็นป่าไผ่ (บริเวณวัดกลาง) ซึ่งอยู่ห่างออกไปแทน จึงทำให้เชื่อว่าเกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ขององค์เจ้าพ่อหลักเมืองนั่นเอง ด้วยความศักดิ์สิทธิ์และประสพการณ์ของวัตถุมงคลองค์พิฆเนศเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดงจึงทำให้ผู้ที่ศรัทธาและนักนิยมสะสมพระเครื่องต่างปรารถนาจะมีไว้ครอบครอง จึงทำให้วัตถุมงคลที่จัดสร้างโดยศาลแห่งนี้มีค่านิยมค่อนข้างสูง ปัจจุบัน ศาลหลักเมืองพระพิฆเนศ เป็นศูนย์รวมความศรัทธาของพี่น้องชาวพระประแดง และประชาชนจากทั่วทุกสารทิศ ที่เดินทางมากราบไหว้ขอพร เพื่อเป็นสิริมงคลอย่างต่อเนื่อง
Krisana VaranyuwatanaKrisana Varanyuwatana
San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng is a truly unique and culturally rich site — the oldest Geisha shrine in Thailand and the only city pillar shrine dedicated to a Geisha. The shrine is beautifully maintained, with ample parking and a steady stream of visitors coming to pay their respects. Offerings range from flowers to food, and the Geisha statue itself is covered in gold leaf applied by devotees, creating a striking and sacred atmosphere. Despite the number of visitors, the space feels peaceful and respectful. It’s a wonderful place to visit if you're interested in spiritual sites, local traditions, or simply want to experience something rare and meaningful. A must-see if you're in the Phra Pradaeng area.
See more posts
See more posts
hotel
Find your stay

Pet-friendly Hotels in Phra Pradaeng District

Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

“พระประแดง” เป็นเมืองหน้าด่านโบราณเก่าแก่ คำว่า “พระประแดง” ว่ากันว่ามาจากภาษาขอมว่า “บาแดง” หมายถึงคนเดินหมาย คนส่งข่าว จึงเป็นเมืองที่มีหน้าที่เฝ้าปากน้ำสายสำคัญนี้ ซึ่งสมัยก่อนเรียกกันว่า “ปากน้ำพระประแดง” แล้วส่งข่าวความเคลื่อนไหวไปยังเมืองลพบุรี ปัจจุบันยังมีสิ่งที่ตกทอดมาจากขอมอีกอย่าง ก็คือ “คลองสำโรง” ที่ขุดจากตำบลสำโรงไปจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นชื่อขอมอีกเหมือนกันทั้งคลองและจังหวัด เชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำบางปะกง ขุดมาตั้งแต่สมัยขอมครอบครองเช่นกัน เพื่อใช้เดินทางไปถึงทะเลสาบเขมรที่เสียมราฐ ต่อมาในปี ๒๐๔๑ สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ แห่งกรุงศรีอยุธยา มีการขุดลอกคลองสำโรง ได้พบเทวรูปขอมในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ๒ องค์หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ มีอักขระจารึกชื่อไว้ว่า “พระยาแสนตา” องค์หนึ่ง กับ “บาทสังขกร” อีกองค์หนึ่ง โปรดให้สร้างศาลประดิษฐานไว้ที่ริมแม่น้ำปากคลองสำโรง แต่เมื่อครั้งพระยาละแวกยกทัพเรือจะมาปล้นกรุงศรีอยุธยา เมื่อปล้นไม่ได้เลยถือโอกาสขนเอาเทวรูป ๒ องค์นี้ไป เมืองพระประแดงเดิมนั้นตั้งอยู่บริเวณที่เป็นท่าเรือคลองเตยในปัจจุบัน ตอนนั้นปากแม่น้ำเจ้าพระยาอยุ่แถวพระโขนงนี่เอง ไม่ได้อยู่ที่เมืองสมุทรปราการเหมือนเดี๋ยวนี้ วัดหน้าพระธาตุ ศูนย์กลางของเมืองพระประแดงก็อยู่ในบริเวณที่เป็นท่าเรือคลองเตย แต่เมื่อจะสร้างท่าเรือในปี ๒๔๗๘ จึงได้รื้อวัดในบริเวณนี้ออกทั้งหมด และสร้างวัดใหม่ทดแทนให้ ก็คือ วัดธาตุทองในปัจจุบัน ตอนที่สร้างท่าเรือคลองเตย ไม่ได้รื้อเมืองพระประแดง รื้อแต่วัดประจำเมือง ก็เพราะเมืองพระประแดงได้ย้ายไปก่อนแล้ว เนื่องจากแผ่นดินปากแม่น้ำเจ้าพระยางอกออกไปเรื่อยๆ เมืองพระประแดงมีหน้าที่เฝ้าปากแม่น้ำ จึงต้องย้ายตามออกไปอยู่ที่ตำบลราษฎร์บูรณะ ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาเช่นเดียวกัน แถววัดบางนางเกรงในปัจจุบัน แต่ไม่เหลือร่องรอยในวันนี้ เพราะตอนที่พระเจ้าตากสินสร้างกรุงธนบุรี ได้รื้ออิฐกำแพงเมืองพระประแดงแห่งนี้ ที่ถูกทิ้งร้างมาตั้งแต่ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา ไปสร้างราชธานีใหม่ ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดให้สร้างเมืองหน้าด่านปากแม่น้ำแห่งใหม่ขึ้นที่บริเวณลัดโพธิ์ ทรงเห็นว่าเป็นทำเลเหมาะสำหรับเฝ้าระวังปากแม่น้ำเจ้าพระยาที่งอกออกไปอีก มีหน้าที่เช่นเดียวกับเมืองพระประแดง แต่เมื่อลงมือสร้างป้อมปราการก็เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงทรงดำเนินการต่อ สร้างป้อมปืนขึ้นทั้งสองฝั่งเจ้าพระยา พระราชทานนามว่า “นครเขื่อนขันธ์” โปรดเกล้าให้ สมิงทอมา บุตรเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) เป็นเจ้าเมือง มีตำแหน่งเป็น “พระยานครเขื่อนขันธ์รามัญชาติเสนาบดีศรีสิทธิสงคราม” นำชาวมอญที่ติดตามพระยาเจ่ง อดีตเจ้าเมืองมอญ ที่พาผู้คนนับหมื่นเข้ามาสวามิภักดิ์ในสมัยพระเจ้าตากสิน และได้รับพระราชทานที่อยู่อาศัยแถวปากเกล็ด สามโคก จนถึงปทุมธานี ย้ายบางส่วนมาอยู่นครเขื่อนขันธ์ โดยมีพิธีฝังเสาหลักเมืองเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๓๕๘ เสาหลักเมืองของเมืองนครเขื่อนขันธ์ มีการอัญเชิญพระพิฆเนศสลักด้วยหินองค์ใหญ่มาตั้งทับบนยอดของเสาหลักเมือง เพื่อเป็นเคล็ดในการปกปักษ์รักษาเมือง มีการวิเคราะห์กันว่า การที่พระยานครเขื่อนขันธ์ คือ สมิงทอมา ทำยอดเสาหลักเมืองเป็นพระพิฆเนศ หรือช้างนั้น ก็เพื่อเป็นที่ระลึกถึงบิดา คือ พระยาเจ่ง ซึ่งแปลว่าช้าง ซึ่งต่อมาบรรดาลูกหลานที่สืบจากเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) ก็ได้รับพระราชทานนามสกุลในสมัยรัชกาลที่ ๖ ว่า “คชเสนี” ลูกหลานของพระยาเจ่งยังคงรับตำแหน่งเจ้าเมืองนครเขื่อนขันธ์มาหลายชั่วคน และชาวมอญที่อพยพเข้ามาในภายหลัง ก็ไปเพิ่มจำนวนที่นครเขื่อนขันธ์ขึ้นเรื่อยๆ ในปี ๒๔๕๘ เมื่อนครเขื่อนขันธ์มีอายุได้ ๑๐๐ ปีพอดี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริว่า เมืองพระประแดงที่เป็นเมืองโบราณ ทำหน้าที่เฝ้าระวังปากน้ำด้านนี้มาเป็นเวลานาน ไม่ควรจะให้สูญหายไป แม้นครเขื่อนขันธ์จะไม่ได้สร้างบนพื้นที่เดิมของเมืองพระประแดง แต่ก็ทำหน้าที่เหมือนเมืองพระประแดง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เปลี่ยนชื่อเมือง นครเขื่อนขันธ์ เป็น จังหวัดพระประแดง
Arinrada Rukchobthum

Arinrada Rukchobthum

hotel
Find your stay

Affordable Hotels in Phra Pradaeng District

Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

Get the Appoverlay
Get the AppOne tap to find yournext favorite spots!
สักการะเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดง เสาหลักเมืองแห่งเดียวในประเทศไทยที่หัวเสาเป็นองค์พิฆเนศเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ประวัติความเป็นมา ศาลหลักเมืองของอำเภอพระประแดง มีขึ้นตั้งแต่ครั้งที่ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าให้สร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์ โดยสร้างเป็นศาลประจำเมือง พร้อมทั้งกระทำพิธีฝังอาถรรพ์เสาหลักเมือง ตามโบราณราชประเพณี เมื่อวันศุกร์ แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๗ ปีกุล ตรงกับ วันศุกร์ที่ ๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๓๕๘ และอัญเชิญองค์พระพิฆเนศมาประดิษฐานบนยอดเสาหลักเมือง (มีเรื่องเล่าอีกอย่างว่า เนื่องจากเจ้าเมืองนครเขื่อนขันธ์ในขณะนั้นเป็นชาวมอญนามว่า “เจ่ง” ซึ่งแปลว่า “ช้าง” รัชกาลที่๒ จึงได้พระราชทาน พิฆเนศ มาประดิษฐานเป็นหัวเสาหลักเมือง) พิฆเนศหินทรายองค์นี้คาดว่าจะสร้างในสมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๒ ดังนั้น พิฆเนศองค์นี้จะมีอายุการสร้างเก่าแก่ถึงพันกว่าปี ปัจจุบันศาลประจำเมือง หรือศาลหลักเมืองแห่งนี้ อยู่ติดกับที่ว่าการอำเภอ พระประแดง ภายในมีรูปพระพิฆเนศซึ่งแกะสลักจากหินทราย ( เป็นส่วนของหัวเสาหลักเมือง คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่ามีเฉพาะองค์พิฆเนศ ที่จริงแล้วตัวเสาอยู่ด้านล่าง เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีรูปเหมือนเทวดานพเคราะห์ทั้งเก้าตั้งอยู่โดยรอบเสา สามารถดูได้โดยการเปิดประตูด้านขวามือลงไปทางใต้ถุนของศาล ) องค์พิฆเนศเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดง เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองนครเขื่อนขันธ์( พระประแดง ) เป็นที่สักการะของประชาชนทั่วไป และการที่คนจีนได้เข้ามาดูแลศาลหลักเมืองแห่งนี้ สภาพสิ่งก่อสร้างและบรรยากาศของศาลหลักเมืองจึงเป็นแบบศาลเจ้าจีน ไม่เหลือเค้าโครงเดิมอยู่เลย ด้านบนของศาลยังเป็นที่ประดิษฐานของ หลวงพ่อโสธรจำลอง องค์เจ้าแม่กวนอิมและองค์เทพต่างๆมากมายให้กราบไหว้บูชา เรื่องน่าอัศจรรย์ ในช่วงเวลาระหว่างประกอบพิธีฝังหลักเมืองพระประแดงนั้นได้มีจระเข้ ๕ ตัว (พ่อแม่ลูก) ว่ายทวนแม่น้ำเจ้าพระยามายังบริเวณปริมณฑลพิธี แล้วขาดใจตายริมฝั่งแม่น้ำนั้น ชาวบ้านทั้งหลายที่เห็นเหตุการณ์นี้จึงเชื่อว่า "จระเข้ทั้ง ๕ ตัว" ยอมถวายชีวิตเพื่อบูชาหลักเมืองแห่งนี้ จึงได้ทำการตัดหัวจระเข้แล้วนำขึ้นมาตั้งไว้บนศาลหลักเมืองพระประแดง ซึ่งผู้ที่มากราบสักการะเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดงจะมาปิดทองบูชาบนหัวจระเข้ทั้ง ๕ หัวนั้น ปัจจุบันหัวจระเข้ก็ยังปรากฏอยู่ให้เห็นเป็นหลักฐาน มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ขององค์เจ้าพ่อศาลหลักเมือง ช่วยให้ชาวพระประแดงรอดพ้นจากภัยของสงครามโลก เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงครามเหล่าทหารญี่ปุ่นได้มาหลบพักอาศัยในบริเวณท่าน้ำพระประแดง ทหารฝรั่งเศสจะนำระเบิดมาทิ้งบอมบ์ในบริเวณจุดที่ทหารญี่ปุ่นมาพักหลบอยู่ แต่ด้วยเนื่องจากคนในละแวกนั้นได้ไปไหว้ขอพรจากองค์เจ้าพ่อศาลหลักเมือง ให้เมืองแห่งนี้รอดพ้นจากระเบิดในครั้งนั้น และมีเรื่องเล่าว่าองค์เจ้าพ่อหลักเมืองท่านได้ปัดระเบิดของทางฝรั่งเศสที่ทิ้งลงมาให้ไปตกลงในจุดที่เป็นป่าไผ่ (บริเวณวัดกลาง) ซึ่งอยู่ห่างออกไปแทน จึงทำให้เชื่อว่าเกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ขององค์เจ้าพ่อหลักเมืองนั่นเอง ด้วยความศักดิ์สิทธิ์และประสพการณ์ของวัตถุมงคลองค์พิฆเนศเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดงจึงทำให้ผู้ที่ศรัทธาและนักนิยมสะสมพระเครื่องต่างปรารถนาจะมีไว้ครอบครอง จึงทำให้วัตถุมงคลที่จัดสร้างโดยศาลแห่งนี้มีค่านิยมค่อนข้างสูง ปัจจุบัน ศาลหลักเมืองพระพิฆเนศ เป็นศูนย์รวมความศรัทธาของพี่น้องชาวพระประแดง และประชาชนจากทั่วทุกสารทิศ ที่เดินทางมากราบไหว้ขอพร เพื่อเป็นสิริมงคลอย่างต่อเนื่อง
Chanthawat Boonprasertsri

Chanthawat Boonprasertsri

hotel
Find your stay

The Coolest Hotels You Haven't Heard Of (Yet)

Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

hotel
Find your stay

Trending Stays Worth the Hype in Phra Pradaeng District

Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng is a truly unique and culturally rich site — the oldest Geisha shrine in Thailand and the only city pillar shrine dedicated to a Geisha. The shrine is beautifully maintained, with ample parking and a steady stream of visitors coming to pay their respects. Offerings range from flowers to food, and the Geisha statue itself is covered in gold leaf applied by devotees, creating a striking and sacred atmosphere. Despite the number of visitors, the space feels peaceful and respectful. It’s a wonderful place to visit if you're interested in spiritual sites, local traditions, or simply want to experience something rare and meaningful. A must-see if you're in the Phra Pradaeng area.
Krisana Varanyuwatana

Krisana Varanyuwatana

See more posts
See more posts

Reviews of San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng

4.7
(568)
avatar
5.0
1y

“พระประแดง” เป็นเมืองหน้าด่านโบราณเก่าแก่ คำว่า “พระประแดง” ว่ากันว่ามาจากภาษาขอมว่า “บาแดง” หมายถึงคนเดินหมาย คนส่งข่าว จึงเป็นเมืองที่มีหน้าที่เฝ้าปากน้ำสายสำคัญนี้ ซึ่งสมัยก่อนเรียกกันว่า “ปากน้ำพระประแดง” แล้วส่งข่าวความเคลื่อนไหวไปยังเมืองลพบุรี ปัจจุบันยังมีสิ่งที่ตกทอดมาจากขอมอีกอย่าง ก็คือ “คลองสำโรง” ที่ขุดจากตำบลสำโรงไปจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นชื่อขอมอีกเหมือนกันทั้งคลองและจังหวัด เชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำบางปะกง ขุดมาตั้งแต่สมัยขอมครอบครองเช่นกัน เพื่อใช้เดินทางไปถึงทะเลสาบเขมรที่เสียมราฐ

ต่อมาในปี ๒๐๔๑ สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ แห่งกรุงศรีอยุธยา มีการขุดลอกคลองสำโรง ได้พบเทวรูปขอมในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ๒ องค์หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ มีอักขระจารึกชื่อไว้ว่า “พระยาแสนตา” องค์หนึ่ง กับ “บาทสังขกร” อีกองค์หนึ่ง โปรดให้สร้างศาลประดิษฐานไว้ที่ริมแม่น้ำปากคลองสำโรง แต่เมื่อครั้งพระยาละแวกยกทัพเรือจะมาปล้นกรุงศรีอยุธยา เมื่อปล้นไม่ได้เลยถือโอกาสขนเอาเทวรูป ๒ องค์นี้ไป

เมืองพระประแดงเดิมนั้นตั้งอยู่บริเวณที่เป็นท่าเรือคลองเตยในปัจจุบัน ตอนนั้นปากแม่น้ำเจ้าพระยาอยุ่แถวพระโขนงนี่เอง ไม่ได้อยู่ที่เมืองสมุทรปราการเหมือนเดี๋ยวนี้ วัดหน้าพระธาตุ ศูนย์กลางของเมืองพระประแดงก็อยู่ในบริเวณที่เป็นท่าเรือคลองเตย แต่เมื่อจะสร้างท่าเรือในปี ๒๔๗๘ จึงได้รื้อวัดในบริเวณนี้ออกทั้งหมด และสร้างวัดใหม่ทดแทนให้ ก็คือ วัดธาตุทองในปัจจุบัน

ตอนที่สร้างท่าเรือคลองเตย ไม่ได้รื้อเมืองพระประแดง รื้อแต่วัดประจำเมือง ก็เพราะเมืองพระประแดงได้ย้ายไปก่อนแล้ว เนื่องจากแผ่นดินปากแม่น้ำเจ้าพระยางอกออกไปเรื่อยๆ เมืองพระประแดงมีหน้าที่เฝ้าปากแม่น้ำ จึงต้องย้ายตามออกไปอยู่ที่ตำบลราษฎร์บูรณะ ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาเช่นเดียวกัน แถววัดบางนางเกรงในปัจจุบัน แต่ไม่เหลือร่องรอยในวันนี้ เพราะตอนที่พระเจ้าตากสินสร้างกรุงธนบุรี ได้รื้ออิฐกำแพงเมืองพระประแดงแห่งนี้ ที่ถูกทิ้งร้างมาตั้งแต่ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา ไปสร้างราชธานีใหม่

ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดให้สร้างเมืองหน้าด่านปากแม่น้ำแห่งใหม่ขึ้นที่บริเวณลัดโพธิ์ ทรงเห็นว่าเป็นทำเลเหมาะสำหรับเฝ้าระวังปากแม่น้ำเจ้าพระยาที่งอกออกไปอีก มีหน้าที่เช่นเดียวกับเมืองพระประแดง แต่เมื่อลงมือสร้างป้อมปราการก็เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงทรงดำเนินการต่อ สร้างป้อมปืนขึ้นทั้งสองฝั่งเจ้าพระยา พระราชทานนามว่า “นครเขื่อนขันธ์” โปรดเกล้าให้ สมิงทอมา บุตรเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) เป็นเจ้าเมือง มีตำแหน่งเป็น “พระยานครเขื่อนขันธ์รามัญชาติเสนาบดีศรีสิทธิสงคราม” นำชาวมอญที่ติดตามพระยาเจ่ง อดีตเจ้าเมืองมอญ ที่พาผู้คนนับหมื่นเข้ามาสวามิภักดิ์ในสมัยพระเจ้าตากสิน และได้รับพระราชทานที่อยู่อาศัยแถวปากเกล็ด สามโคก จนถึงปทุมธานี ย้ายบางส่วนมาอยู่นครเขื่อนขันธ์ โดยมีพิธีฝังเสาหลักเมืองเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๓๕๘

เสาหลักเมืองของเมืองนครเขื่อนขันธ์ มีการอัญเชิญพระพิฆเนศสลักด้วยหินองค์ใหญ่มาตั้งทับบนยอดของเสาหลักเมือง เพื่อเป็นเคล็ดในการปกปักษ์รักษาเมือง มีการวิเคราะห์กันว่า การที่พระยานครเขื่อนขันธ์ คือ สมิงทอมา ทำยอดเสาหลักเมืองเป็นพระพิฆเนศ หรือช้างนั้น ก็เพื่อเป็นที่ระลึกถึงบิดา คือ พระยาเจ่ง ซึ่งแปลว่าช้าง ซึ่งต่อมาบรรดาลูกหลานที่สืบจากเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) ก็ได้รับพระราชทานนามสกุลในสมัยรัชกาลที่ ๖ ว่า “คชเสนี” ลูกหลานของพระยาเจ่งยังคงรับตำแหน่งเจ้าเมืองนครเขื่อนขันธ์มาหลายชั่วคน และชาวมอญที่อพยพเข้ามาในภายหลัง ก็ไปเพิ่มจำนวนที่นครเขื่อนขันธ์ขึ้นเรื่อยๆ ในปี ๒๔๕๘ เมื่อนครเขื่อนขันธ์มีอายุได้ ๑๐๐ ปีพอดี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริว่า เมืองพระประแดงที่เป็นเมืองโบราณ ทำหน้าที่เฝ้าระวังปากน้ำด้านนี้มาเป็นเวลานาน ไม่ควรจะให้สูญหายไป แม้นครเขื่อนขันธ์จะไม่ได้สร้างบนพื้นที่เดิมของเมืองพระประแดง แต่ก็ทำหน้าที่เหมือนเมืองพระประแดง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เปลี่ยนชื่อเมือง นครเขื่อนขันธ์ เป็น...

   Read more
avatar
4.0
3y

สักการะเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดง

เสาหลักเมืองแห่งเดียวในประเทศไทยที่หัวเสาเป็นองค์พิฆเนศเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ประวัติความเป็นมา ศาลหลักเมืองของอำเภอพระประแดง มีขึ้นตั้งแต่ครั้งที่ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าให้สร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์ โดยสร้างเป็นศาลประจำเมือง พร้อมทั้งกระทำพิธีฝังอาถรรพ์เสาหลักเมือง ตามโบราณราชประเพณี เมื่อวันศุกร์ แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๗ ปีกุล ตรงกับ วันศุกร์ที่ ๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๓๕๘ และอัญเชิญองค์พระพิฆเนศมาประดิษฐานบนยอดเสาหลักเมือง (มีเรื่องเล่าอีกอย่างว่า เนื่องจากเจ้าเมืองนครเขื่อนขันธ์ในขณะนั้นเป็นชาวมอญนามว่า “เจ่ง” ซึ่งแปลว่า “ช้าง” รัชกาลที่๒ จึงได้พระราชทาน พิฆเนศ มาประดิษฐานเป็นหัวเสาหลักเมือง) พิฆเนศหินทรายองค์นี้คาดว่าจะสร้างในสมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๒ ดังนั้น พิฆเนศองค์นี้จะมีอายุการสร้างเก่าแก่ถึงพันกว่าปี ปัจจุบันศาลประจำเมือง หรือศาลหลักเมืองแห่งนี้ อยู่ติดกับที่ว่าการอำเภอ พระประแดง ภายในมีรูปพระพิฆเนศซึ่งแกะสลักจากหินทราย ( เป็นส่วนของหัวเสาหลักเมือง คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่ามีเฉพาะองค์พิฆเนศ ที่จริงแล้วตัวเสาอยู่ด้านล่าง เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีรูปเหมือนเทวดานพเคราะห์ทั้งเก้าตั้งอยู่โดยรอบเสา สามารถดูได้โดยการเปิดประตูด้านขวามือลงไปทางใต้ถุนของศาล ) องค์พิฆเนศเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดง เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองนครเขื่อนขันธ์( พระประแดง ) เป็นที่สักการะของประชาชนทั่วไป และการที่คนจีนได้เข้ามาดูแลศาลหลักเมืองแห่งนี้ สภาพสิ่งก่อสร้างและบรรยากาศของศาลหลักเมืองจึงเป็นแบบศาลเจ้าจีน ไม่เหลือเค้าโครงเดิมอยู่เลย ด้านบนของศาลยังเป็นที่ประดิษฐานของ หลวงพ่อโสธรจำลอง องค์เจ้าแม่กวนอิมและองค์เทพต่างๆมากมายให้กราบไหว้บูชา เรื่องน่าอัศจรรย์ ในช่วงเวลาระหว่างประกอบพิธีฝังหลักเมืองพระประแดงนั้นได้มีจระเข้ ๕ ตัว (พ่อแม่ลูก) ว่ายทวนแม่น้ำเจ้าพระยามายังบริเวณปริมณฑลพิธี แล้วขาดใจตายริมฝั่งแม่น้ำนั้น ชาวบ้านทั้งหลายที่เห็นเหตุการณ์นี้จึงเชื่อว่า "จระเข้ทั้ง ๕ ตัว" ยอมถวายชีวิตเพื่อบูชาหลักเมืองแห่งนี้ จึงได้ทำการตัดหัวจระเข้แล้วนำขึ้นมาตั้งไว้บนศาลหลักเมืองพระประแดง ซึ่งผู้ที่มากราบสักการะเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดงจะมาปิดทองบูชาบนหัวจระเข้ทั้ง ๕ หัวนั้น ปัจจุบันหัวจระเข้ก็ยังปรากฏอยู่ให้เห็นเป็นหลักฐาน มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ขององค์เจ้าพ่อศาลหลักเมือง ช่วยให้ชาวพระประแดงรอดพ้นจากภัยของสงครามโลก เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงครามเหล่าทหารญี่ปุ่นได้มาหลบพักอาศัยในบริเวณท่าน้ำพระประแดง ทหารฝรั่งเศสจะนำระเบิดมาทิ้งบอมบ์ในบริเวณจุดที่ทหารญี่ปุ่นมาพักหลบอยู่ แต่ด้วยเนื่องจากคนในละแวกนั้นได้ไปไหว้ขอพรจากองค์เจ้าพ่อศาลหลักเมือง ให้เมืองแห่งนี้รอดพ้นจากระเบิดในครั้งนั้น และมีเรื่องเล่าว่าองค์เจ้าพ่อหลักเมืองท่านได้ปัดระเบิดของทางฝรั่งเศสที่ทิ้งลงมาให้ไปตกลงในจุดที่เป็นป่าไผ่ (บริเวณวัดกลาง) ซึ่งอยู่ห่างออกไปแทน จึงทำให้เชื่อว่าเกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ขององค์เจ้าพ่อหลักเมืองนั่นเอง ด้วยความศักดิ์สิทธิ์และประสพการณ์ของวัตถุมงคลองค์พิฆเนศเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดงจึงทำให้ผู้ที่ศรัทธาและนักนิยมสะสมพระเครื่องต่างปรารถนาจะมีไว้ครอบครอง จึงทำให้วัตถุมงคลที่จัดสร้างโดยศาลแห่งนี้มีค่านิยมค่อนข้างสูง ปัจจุบัน ศาลหลักเมืองพระพิฆเนศ เป็นศูนย์รวมความศรัทธาของพี่น้องชาวพระประแดง และประชาชนจากทั่วทุกสารทิศ ที่เดินทางมากราบไหว้ขอพร...

   Read more
avatar
5.0
19w

San Chao Pho Lak Mueang Phra Pradaeng is a truly unique and culturally rich site — the oldest Geisha shrine in Thailand and the only city pillar shrine dedicated to a Geisha. The shrine is beautifully maintained, with ample parking and a steady stream of visitors coming to pay their respects.

Offerings range from flowers to food, and the Geisha statue itself is covered in gold leaf applied by devotees, creating a striking and sacred atmosphere. Despite the number of visitors, the space feels peaceful and respectful.

It’s a wonderful place to visit if you're interested in spiritual sites, local traditions, or simply want to experience something rare and meaningful. A must-see if you're in the Phra...

   Read more
Page 1 of 7
Previous
Next