Aranyikawas Temple, located in Ratchaburi, Thailand, offers a glimpse into the rich historical and cultural heritage of the region. Dating back to the 10th-16th centuries, this ancient temple was originally known as “Wat Chamroen Thammawihan” and played a significant role during the Khmer period. Despite its current state of dilapidation and relatively low visitor numbers, Aranyikawas Temple holds immense historical value.
Upon arrival, visitors will be greeted by the serene surroundings of rice fields, situated about 2 kilometers west of the Mae Klong River. The temple, though once abandoned, underwent restoration efforts led by Chao Khun Maha Samanawong, transforming it into a place of reverence once again. As evidenced by King Chulalongkorn’s writings, this temple holds a significant place in Thai history.
Key highlights of Aranyikawas Temple include the impressive Khmer Prang, which stands as a testament to the temple’s ancient origins. Visitors can also admire the Reclining Buddha, the chapel, the bell-shaped pagoda, and the peaceful pond within the temple grounds. These historical sites offer a glimpse into the past and provide visitors with a deeper understanding of the region’s cultural heritage.
In recognition of its historical significance, the Fine Arts Department registered Aranyikawas Temple as a historical site in 1998. While it may not attract large crowds like other tourist destinations, Aranyikawas Temple remains a hidden gem for history enthusiasts and those seeking a tranquil retreat away from the hustle and bustle of...
Read moreตอนขากลับจากไปไหว้เชงเม้งได้แวะ ไปกราบไหว้พระนอน โบราณถึงสมัยอยุธยาที่วัดอรัญญิกาวาส วันที่ไป กรมศิลป์กำลังบูรณะ พระเจดีย์ที่อยู่หน้าพระอุโบสถ แต่ไม่เห็นเจ้าหน้าที่กรมศิลป์มีแต่คนงาน นอนไม่ทำงาน เป็นวัดที่เก่ามากๆแต่น่าเสียดายพระอุโบสถไม่ได้เปิดให้เข้าไปกราบไหว้พระศิลปะลพบุรีที่เป็นพระประธาน ในพระอุโบสถหลังดังกล่าว
วัดอรัญญิกาวาส เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ตั้งอยู่ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองราชบุรีไปทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือในที่ราบของของท้องทุ่งเขางูซึ่งเป็นสมรภูมิรบระหว่างทัพพม่าและกรุงศรีอยุธยาหลายครั้ง ในตำบลเจดีย์หัก อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี
วัดอรัญญิกาวาส เดิมมีชื่อ วัดเจริญธรรมวิหาร สร้างมาแต่สมัยขอม ประมาณศตวรรษที่ 10 ถึง 16
พระปรางค์เป็นปรางค์ใหญ่และปรางค์เล็ก 4 มุม ปรางค์ใหญ่อยู่กลางสูงประมาณ 1 เส้น เศษ (40 เมตร) หลังปรางค์มีพระนอนทำด้วยหินแดงก้อน ใหญ่ ๆ เรียงก่อเป็นรูปพุทธบรรทมตะแคงขวา ยาวประมาณ 12 ศอกเศษ (6 เมตร) ส่วนพระพุทธไสยาสน์สร้างเมื่อ พ.ศ. 2030–2035 มีความยาว 15 วา ทำการบูรณะซ่อมแซมโดยการสร้างครอบองค์จริง มีความยาว 30 วา รอบองค์พระปรางค์ยังล้อมรอบไปด้วยระเบียงคด ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหินทราย พุทธศิลปะอยุธยา ประดิษฐานอยู่โดยรอบ เป็นพระพุทธรูปหินแดงสมัยลพบุรี ประดิษฐานอยู่จำนวน 41 องค์ วัดยังมีเจดีย์ทรงระฆังกลมอีกสององค์ อยู่ทางด้านหน้าของวัด เป็นเจดีย์ศิลปะแบบลังกา
อุโบสถเก่า มีขนาดกว้าง 3 วา 2 ศอก (7 เมตร) สร้างเมื่อ พ.ศ. 2438 ผู้ก่อสร้างอุโบสถ คือ พระยาธรรมจรัญญานุกูลมนตรี (จำเริญ บุรณศิริ) ภายในอุโบสถมีพระประธานปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 4 ศอก สูง 6 ศอก เป็นพระพุทธรูปปั้น ถือปูนปิดทอง สันนิษฐานว่าภายในองค์พระประธานนี้จะมีพระพุทธรูปหินแดงสมัยลพบุรีประดิษฐานอยู่ สระน้ำตั้งอยู่ทางด้านหลังองค์พระพุทธไสยาสน์ เป็นสระรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นสระน้ำสาธารณะโบราณ...
Read moreวัดอรัญญิกาวาสเป็นวัดเก่าแก่ในศตวรรษที่ 10-16 (หรือราวปี พ.ศ.1030) สร้างพร้อมเมืองราชบุรีในสมัยขอม พื้นที่วัดตั้งอยู่ในเขตที่ราบลุ่มห่างจากแม่น้ำแม่กลองมาทางทิศตะวันตกประมาณ 2 กิโลเมตร บริเวณโดยรอบมีสภาพเป็นทุ่งนา เดิมเรียก“วัดจำเริญธรรมวิหาร” วัดนี้เคยถูกทิ้งร้างไประยะหนึ่ง กระทั่งเจ้าคุณมหาสมณวงศ์ เจ้าอาวาสวัดมหาสมณารามที่เขาวังเมืองเพชรบุรีธุดงค์มาถึง จึงบูรณะและเป็นเจ้าอาวาส ดังปรากฏหลักฐานในพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง เสด็จประพาสไทรโยค จ.ศ.1239 (พ.ศ.2420) ความว่า“.....วัดนี้เป็นวัดธรรมยุติกา ยังวัดอรยิกที่พระยาธรรมจรรยามาสร้างเปลี่ยนชื่อวัดจำเริญธรรมวิหาร.....” โบราณสถานสำคัญภายในวัดประกอบด้วย
1.ปรางค์ขอม-เขมร(ที่นับถือศาสนาพราหมณ์)เป็นปรางค์ประธานสมัยอยุธยาตอนกลาง 2.พระพุทธไสยาสน์(พระนอน) 3.อุโบสถ 4.เจดีย์รายทรงระฆัง 5.สระน้ำ กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานวัดอรัญญิกาวาสเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2541 เราตั้งใจเดินทางมาดูที่นี่โดยเฉพาะเพราะเป็นที่ๆไม่มีตู้บริจาคจำนวนมากเหมือนวัดอื่นๆ เป็นที่เงียบสงบและมีเรื่องราวที่น่าสนใจครับ จอดรถด้านในสะดวกการเข้าดูไม่เสียเงินและ...
Read more