Ramkhamhaeng National Park — Attraction in Sukhothai Province

Ramkhamhaeng National Park, located in Sukhothai Province, Thailand, is a captivating destination that combines natural beauty with historical significance. Covering an area of approximately 341 square kilometers, the park is part of the Khao Luang mountain range and offers a variety of attractions for nature enthusiasts and history buffs alike.

One of the park’s main highlights is the challenging hike to the summit of Khao Phra Mae Ya, which stands at 1,240 meters above sea level. The trail spans about 4 kilometers and features steep inclines, with some sections reaching up to 70 degrees. Hikers typically complete the ascent in 3 to 4 hours, and it’s recommended to start early in the day to avoid the midday heat. Along the way, trekkers can enjoy rest areas equipped with benches and access to natural stream water. 

In addition to its natural attractions, Ramkhamhaeng National Park holds historical importance. It is named after King Ramkhamhaeng, a revered figure credited with creating the Thai script. The park is adjacent to the Sukhothai Historical Park, a UNESCO World Heritage Site, and features ancient structures and relics that reflect the region’s rich cultural heritage. 

Visitors to the park can also explore the Sai Rung Waterfall, a serene spot ideal for relaxation and picnics. The park’s diverse ecosystems support a variety of flora and fauna, making it a haven for wildlife watchers and photographers. 

Access to Ramkhamhaeng National Park is relatively straightforward. From Sukhothai, travelers can take a bus to the Khiri Mat District and then hire a local tuk-tuk or motorcycle taxi to reach the park entrance. The journey typically takes around 1.5 to 2 hours. 

In summary, Ramkhamhaeng National Park offers a unique blend of natural splendor and historical depth. Whether you’re an avid hiker seeking challenging trails or a history enthusiast interested in Thailand’s rich past, the park provides a memorable experience that showcases the country’s diverse landscapes and...

I managed to reach the camp ground after four hours of trekking going up. Better to walk up without any baggage. If you’re bringing heavy things, the trek would become even harder. You can rent a tent and a foam/mat at the camp ground. From there, you can walk 1km going up to Khao Phra Mae Ya, a peak where you can witness the sunset. If you wanna see the sunrise, you can walk from the camp ground about 400 meters going up to Na Rai Peak. Both peaks can be very windy so prepare yourself. Going down the mountain from the camp ground took two hours for me, compared to the four hours going up. although i wasn’t out of breath going down, my knees and calves ached so much cuz I had to control my lower limbs while going down the mountain. I was wearing Crocs. The terrain was dusty, so I kept sliding and losing balance. It was hell. However, the view from up top was worth all the difficulties I encountered in going up and down that mountain. I’m not gonna do it again, but this experience is definitely one for the books. ❤️ Just remember to wear good hiking boots and do not, under any circumstances, carry heavy things. Don’t worry about food. There’s rice, omelet, noodles, coffee, and water for sale at the camp ground canteen. Rice and omelet cost 50 baht. Water cost 35 baht per bottle. P.S. Along the way, we also met marathoners. They didn't camp up there. They were in their usual marathoner garb. Not bringing anything. Not even a water bottle. They just went up and went down like the whole terrain was their playground. I...

เดินทาง 11ส.ค.67

รีวิว เขาหลวงสุโขทัย 3.7กิโลเมตร เดินง่ายจริงดิ เห็นใครก็บอกแบบนี้ เอาแบบความจริง ของคนที่พึ่งเคยเดินเขาหลวงครั้งแรกในชีวิต คนที่ไม่เตรียมร่างกายให้พร้อม คนที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย คนที่ชอบไปลุยเอาหน้างาน คนที่ไม่ฟิต คนที่เหนื่อยตลอดเวลา คนบ้าชอบเที่ยว 555 ในฐานะคนที่เคยไปภูสอยดาวมาแล้ว อยากบอกก่อนเลยว่า ไม่ต้องมาเทียบเลยว่าที่ไหนเดินง่ายกว่ากัน เพราะเดินที่ไหนก็เหนื่อยชิบหายหมด

✅เริ่มต้น เรามากางเต็นท์ที่อุทยานแห่งชาติเขาหลวงก่อน1คืน เพื่อรอเดินขึ้นเขาในตอนเช้า อยากบอกว่า อากาศร้อนเพราะลมพัดอยู่แต่ข้างบน เป็นลมบนที่แรงมาก พัดอยู่แต่ด้านบน มีพัดลมจะดีมาก มารับคิวตั้งแต่เข้ามาในอุทยานฯ เพื่อเอาคิวไปจ้างลูกหาบ กิโลละ25บาท

✅เริ่มลงทะเบียน 6.00น. ของที่เราจะเอาไปด้านบน ให้ลูกหาบแบกไปทั้งหมด เหลือไว้แต่น้ำ ขนม อาหาร ยา และไม้เท้าเดินป่า (อะไรไม่จำเป็นไม่ต้องแบกเอง เชื่อเถอะ) เพราะลูกหาบที่นี่เดินไวมาก บางคนหาบ2รอบจ้า แกร่งเว่อร์ ไม่รู้ลูกหาบเดินเร็วหรือเราเดินช้า ตอบ.เราเดินช้า ✅น้ำจำเป็นมาก น้ำเปล่า เครื่องดื่ม โค้กกระป๋อง น้ำหวาน ขนม ลูกอม ยานวด ยาดม ขนมปัง และข้าว ซื้อได้จากร้านค้า เขาจะห่อไปให้เรากินระหว่างทาง 🚶‍♀️อะเริ่มเดินได้ 7.30น. หลังจากที่เราผ่านป้ายเข้ามาจะเป็นทางเดินลง ให้เรารู้สึกว่าไม่น่าจะยากอะไร แต่ไม่นานจะเป็นทางเดินขึ้น แบบไม่ชันมาก ค่อยๆขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีลมแม้แต่นิดเดียว 1km.ผ่านไป เราถึงประตูใหญ่ ใช้เวลา1ชม. เป็น1km.ที่คิดว่าตัวเองเดินมาไกลมาก และเหนื่อยมากเช่นกัน หยุดพักแล้ว พักเล่า 555 ทางเริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ 🏃‍♀️จะมีป้ายบอก 400เมตร มออีหก 200เมตรจุดชมวิว เริ่มเห็นป้ายก็มีความหวังว่าโอ้ย400เมตรใกล้แล้วๆ เดินจริง เป็นชม.อยู่ดี เพราะทางเดินขึ้นอย่างเดียวไม่มีทางราบเลยจ้ะแม่คุณ กว่าจะถึงจุดชมวิวก็ใช้เวลาไปอีกเป็นชั่วโมง เราเริ่มเข้าใจความจริงแล้วว่า 200เมตรที่ป้ายบอก หรือ300เมตรนั้น ความเป็นจริงคือ ไม่นิดเลยแม่ เดินหยุด เดินพัก กินน้ำ ดมยาดม กินขนม ตลอดทั้งทาง และเดินแบบไม่รีบ ไม่ดันเนินอะไรทั้งนั้น เหนื่อยก็หยุดพักขา 10เมตร 20เมตร ก็พักหายใจ 🧸เรามานั่งพักกินขนมปัง เติมพลัง และเติมน้ำ ตรงตะเคียนคู่ เดินมาได้ 1,950เมตร น่าจะพักครึ่งชม.ได้ นอนได้นอนไปแล้ว พอท้องอิ่มเริ่มมีแรงเดินต่อ ✅พอเริ่มเดินเข้า กิโลเมตรที่2 ตะคริวเริ่มมาแล้ว ทั้งนวด ทั้งพัก พอเริ่มแล้วเดินแป๊บเดียว ตะคริวมาอีกแล้ว สรุปจะเดินถึงกี่โมง 5555 ต่อให้มีป้ายบอกทาง 200เมตร 300เมตร เราก็รู้สึกว่าแม่งไกลมาก และเหนื่อยมาก ทะเลาะกับตัวเองไปตลอดทาง ฉันมาทำอะไรที่นี่ เข้าใจแล้วทางดีๆไม่ได้มีที่นี่ ทางเรียบๆไม่ได้มีที่นี่ เพราะที่นี่ทางชันอย่างเดียว ชันน้อยชันมาก ก็ชันอยู่ดี ยิ่งเรายิ่งเดินขึ้นมาสูงมากเท่าไร ทางยิ่งชันมากขึ้นเท่านั้น 😄จนมาถึงตรง พระยาแล่นเรือ ผ่านมา 3,520เมตร ตรงนี้มีเหมือนแอ่งให้เราได้เดินชิล ไม่มีเนินเดินทอดน่อง บวกกับลมพัดเย็น แต่มันก็นิดเดียวจริงๆ555 💯นั่งก่อนที่จะถึงจุดสุดท้าย ขอนั่งพัก นวดยา เพราะตะคริวมาอีกแล้ว เนินสุดท้ายเขาเรียกกันว่า เนินตะคริวเพราะชันมากกก เงยหน้าขึ้นไปคือ สุดขอบฟ้า เป็นเหมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แกเอ้ย กว่าจะถึงป้าย เวลาประมาณ 13.30น. ฉันเวลาเดินไป6ชม.5555 ใครจะทำเวลาก็ทำไปเลย ฉันไม่รีบ 😄 เพราะต้องเก็บแรงไว้เดินด้านบนอีก ไปยังจุดชมวิวต่างๆหลายกิโลอยู่เด้อ ⛺เราไปหาที่ว่างกางเต็นท์ นั่งพัก กินข้าว นอนเล่น นวดยา นวดขา ประมาณ4โมงเย็น ก็เดินไปจุดชมวิว เริ่มเดินไปยังจุดเขาพระเจดีย์ เขาพระแม่ย่า(จุดชมพระอาทิตย์ตก) ผานาราย์ (จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น) ก็มืดพอดี รวมๆแล้วแต่ละจุดเดินไปหลายกิโลอยู่นะ ด้านบนลมแรงมาก อากาศเย็น นอนสบายมาก จริงๆตั้งใจว่าจะออกมาดูดาวยามค่ำคืน แต่หลับไม่รู้เรื่องเลยจ้ายันเช้า 🌤ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานาราย ไม่มีทะเลหมอกนะ แต่ก็สวยไปอีกแบบ สงสัยเรามันคนบาป ร้านค้าสวัสดิการ มีข้าวไข่เจียว 70บาท น้ำดื่ม 30บาท น้ำอัดลม/มาม่า 40บาท อื่นๆ (ราคาประมาณนี้เพราะต้องจ้างลูกหาบ) เดินขึ้นว่าขาเปรี้ยแล้ว ตอนเดินลงขาเปรี้ยหนักกว่า ใช้เวลาลง5ชั่วโมงกว่าจะถึงด้านล่าง เพราะขาเริ่มหมดแรง ขาสั้นพรั่บๆ ไม่มีสักครั้งที่ไม่บ่นว่าเหนื่อย 555 มันเหนื่อยมาก 💚🩵สรุปว่าการเดินทางครั้งนี้ก็ยังประทับใจ แม้จะไม่เจอทะเลหมอกแต่ได้สัมผัสความสวยงามด้านบนถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว และอย่าไปเชื่อถ้าใครบอกว่าอีกนิดเดียว เพราะอีกนิดเดียวไม่มีอยู่จริง อยากเตือนเรื่องน้ำดื่ม เตรียมไปให้พอทั้งขึ้นและลง **อย่าหวังพึ่งจุดเติมน้ำ เพราะมันใช้เวลาเดินนานมาก ต้องดื่มน้ำตลอด ขาลงเราแบ่งน้ำให้คนอื่นไป1ขวดใหญ่ เพราะน้ำหมด เตรียมมาไม่พอ เขาหลวงสุโขทัย 3.7km. ทางชัน...