HTML SitemapExplore
logo
Find Things to DoFind The Best Restaurants

Wat Cholpratarn Rangsarit — Attraction in Pak Kret District

Name
Wat Cholpratarn Rangsarit
Description
Nearby attractions
Nearby restaurants
Suki Teenoi Chaengwatthana
หมู่ที่ 5 56/115, Chaeng Watthana Rd, Pak Kret, Pak Kret District, Nonthaburi 11120, Thailand
AKKEE Thai Delicacies and Tasting Counter
42 99, Pak Kret District, 11120, Thailand
Sawasdee Cafe’ de Pakkret
119 22 หมู่ 5 ถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด Tambon Pak Kret, Pak Kret District, Nonthaburi 11120, Thailand
Minnie's All Day Brunch
14/116, Pak Kret District, Nonthaburi 11120, Thailand
Paul Steakhouse
184/142 ซอย ถนน เลี่ยงเมือง Pak Kret District, Nonthaburi 11120, Thailand
Nearby hotels
TUB Mansion
ทียูบี แมนชั่น 56/95 Chaeng Watthana Rd, Pak Kret, Pak Kret District, Nonthaburi 11120, Thailand
AE Richy Home
หมู่ที่ 7 187/50 Ton Son Soi 11, Tambon Pak Kret, Pak Kret District, Nonthaburi 11120, Thailand
Grand Seven Place
เลขที่ 7/7 Phumvej 7 Alley, Tambon Pak Kret, Pak Kret District, Nonthaburi 11120, Thailand
Related posts
Keywords
Wat Cholpratarn Rangsarit tourism.Wat Cholpratarn Rangsarit hotels.Wat Cholpratarn Rangsarit bed and breakfast. flights to Wat Cholpratarn Rangsarit.Wat Cholpratarn Rangsarit attractions.Wat Cholpratarn Rangsarit restaurants.Wat Cholpratarn Rangsarit travel.Wat Cholpratarn Rangsarit travel guide.Wat Cholpratarn Rangsarit travel blog.Wat Cholpratarn Rangsarit pictures.Wat Cholpratarn Rangsarit photos.Wat Cholpratarn Rangsarit travel tips.Wat Cholpratarn Rangsarit maps.Wat Cholpratarn Rangsarit things to do.
Wat Cholpratarn Rangsarit things to do, attractions, restaurants, events info and trip planning
Wat Cholpratarn Rangsarit
ThailandNonthaburi ProvincePak Kret DistrictWat Cholpratarn Rangsarit

Basic Info

Wat Cholpratarn Rangsarit

78, 8, ตําบล บางตลาด, Pak Kret District, Nonthaburi 11120, Thailand
4.7(2.3K)
Open 24 hours
Save
spot

Ratings & Description

Info

Cultural
Outdoor
Family friendly
attractions: , restaurants: Suki Teenoi Chaengwatthana, AKKEE Thai Delicacies and Tasting Counter, Sawasdee Cafe’ de Pakkret, Minnie's All Day Brunch, Paul Steakhouse
logoLearn more insights from Wanderboat AI.
Phone
+66 2 583 8845
Website
watcholpratarn.org

Plan your stay

hotel
Pet-friendly Hotels in Pak Kret District
Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.
hotel
Affordable Hotels in Pak Kret District
Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.
hotel
The Coolest Hotels You Haven't Heard Of (Yet)
Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.
hotel
Trending Stays Worth the Hype in Pak Kret District
Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

Reviews

Things to do nearby

Must-Try: Hidden Bangkok Bike and Food tour
Must-Try: Hidden Bangkok Bike and Food tour
Sun, Dec 14 • 3:30 PM
Khlong San, Bangkok, 10600, Thailand
View details
BestBangkok Floating market-Boat&Bites food tour
BestBangkok Floating market-Boat&Bites food tour
Sat, Dec 20 • 8:00 AM
Taling Chan, Bangkok, 10170, Thailand
View details
Ride tuk‑tuk through Bangkok
Ride tuk‑tuk through Bangkok
Sun, Dec 14 • 4:00 PM
Phra Nakhon, Bangkok, 10200, Thailand
View details

Nearby restaurants of Wat Cholpratarn Rangsarit

Suki Teenoi Chaengwatthana

AKKEE Thai Delicacies and Tasting Counter

Sawasdee Cafe’ de Pakkret

Minnie's All Day Brunch

Paul Steakhouse

Suki Teenoi Chaengwatthana

Suki Teenoi Chaengwatthana

4.5

(1.0K)

Click for details
AKKEE Thai Delicacies and Tasting Counter

AKKEE Thai Delicacies and Tasting Counter

4.7

(156)

Click for details
Sawasdee Cafe’ de Pakkret

Sawasdee Cafe’ de Pakkret

4.5

(559)

$

Click for details
Minnie's All Day Brunch

Minnie's All Day Brunch

4.6

(84)

Click for details
Get the Appoverlay
Get the AppOne tap to find yournext favorite spots!
Wanderboat LogoWanderboat

Your everyday Al companion for getaway ideas

CompanyAbout Us
InformationAI Trip PlannerSitemap
SocialXInstagramTiktokLinkedin
LegalTerms of ServicePrivacy Policy

Get the app

© 2025 Wanderboat. All rights reserved.
logo

Reviews of Wat Cholpratarn Rangsarit

4.7
(2,340)
avatar
5.0
1y

พระพรหมังคลาจารย์ หรือ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ กำเนิดที่ ต.คูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.พัทลุง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ.2454 เดิมมีนามว่า ปั่น เสน่ห์เจริญ หลังใช้ชีวิตฆราวาสจนมีอายุได้ 18 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดอุปนันทนาราม จ.ระนอง โดยมีพระระณังคมุนีเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดนางลาด อ.เมือง จ.พัทลุง โดยมีพระจรูญกรณีย์เป็นอุปัชฌาย์เมื่อปี พ.ศ.2474 หลังจากอุปสมบทได้ไม่นาน ได้เดินทางไปศึกษาหาหลักธรรมในบวรพุทธศาสนาหลายจังหวัดที่มีสำนักเรียนธรรมะ เช่น นครศรีธรรมราช สงขลา และ กทม. จนท่านสามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรีเป็นที่ 1 ของสังฆมณฑลภูเก็ต และสามารถสอบได้นักธรรมชั้นโทและเอกในปีถัดมาที่ จ.นครศรีธรรมราช จากนั้นท่านได้เดินทางไปศึกษาต่อด้านภาษาบาลีจนสามารถสอบเปรียญธรรม 4 ประโยค ที่สำนักเรียนวัดสามพระยา กทม. แต่เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ท่านต้องหยุดการศึกษาไว้เพียงเท่านั้น แล้วเดินทางกลับพัทลุงภูมิลำเนาเดิมและได้เริ่มแสดงธรรมในพื้นที่ต่างๆ ของภาคใต้ รวมทั้งเดินทางไปจำพรรษาที่วัดสีตวนารามและวัดปิ่นบังอร รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย ในระหว่างที่จำพรรษาอยู่นี้ก็ได้ศึกษาทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน เพื่อเป็นพื้นฐานในการเผยแพร่ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อไป ปี พ.ศ.2475 หลวงพ่อมีโอกาสร่วมเดินทางไปพม่า กับพระโลกนาถชาวอิตาลีสหายธรรม ร่วมเดินทางไปประเทศอินเดียและทั่วโลกโดยผ่านทางประเทศพม่าด้วยเท้าเปล่าเพื่อเป็นพุทธบูชา แต่เมื่อเดินทางถึงพม่าก็ต้องเดินทางกลับ ระหว่างปี พ.ศ.2475-2476 หลวงพ่อได้มีโอกาสเดินทางไปเผยแพร่ศาสนาในต่างประเทศหลายประเทศ จนท่านได้ชื่อว่า เป็นพระสงฆ์รูปแรกของไทยที่ได้เดินทางไปประกาศธรรมในภาคพื้นยุโรป ปี พ.ศ.2477 ท่านได้เดินทางไปจำพรรษากับพระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) ที่สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี และร่วมเป็นสหายธรรมดำเนินการเผยแพร่หลักธรรมที่แท้จริงตามหลักคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในปี พ.ศ.2492 ท่านได้รับอาราธนานิมนต์ให้ไปจำพรรษาที่วัดอุโมงค์ จ.เชียงใหม่ และได้เริ่มแสดงธรรมในทุกวันอาทิตย์และวันพระที่พุทธนิคม จ.เชียงใหม่ พร้อมกันนี้ท่านได้เขียนบทความต่างๆ ลงในหนังสือพิมพ์และเขียนหนังสือธรรมะขึ้นหลายเล่ม นอกจากนี้ท่านได้เดินทางไปประกาศธรรมแก่ชาวบ้าน ชาวเขาโดยใช้รถติดเครื่องขยายเสียง จนชื่อเสียงดังกระฉ่อนไปทั่ว จ.เชียงใหม่ ในนาม "ภิกขุปัญญานันทะ" ในยุคนี้เองที่ท่านได้ก่อตั้งมูลนิธิ "เมตตาศึกษา" ที่วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ และบำเพ็ญศีล กิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมอีกมากมาย ในปี พ.ศ.2502 ม.ล.ชูชาติ กำภู อธิบดีกรมชลประทาน ในสมัยนั้น ระหว่างที่ไปเยือนเชียงใหม่มีความประทับใจ ในลีลาการสอนธรรมะแนวใหม่ของท่าน จึงเกิดความศรัทธาปสาทะในท่าน และในขณะนั้นกรมชลประทานได้สร้างวัดใหม่ขึ้น ชื่อ "วัดชลประทานรังสฤษฎ์" จึงได้อาราธนาท่านไปเป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่ พ.ศ.2503 จนถึงปัจจุบัน ท่านได้เผยแพร่ศาสนา โดยวิธีที่ท่านได้เริ่มปฏิวัติรูปแบบการเทศนาแบบดั้งเดิมที่นั่งเทศนาบนธรรมาสน์ถือใบลาน มาเป็นการยืนพูดปาฐกถาธรรมแบบพูดปากเปล่าต่อสาธารณชน พร้อมทั้งยกตัวอย่างเหตุผลร่วมสมัย ทันต่อเหตุการณ์ เป็นการดึงดูดประชาชนให้หันเข้าหาธรรมะได้เป็นเป็นอย่างมาก ซึ่งในช่วงแรกๆ ได้รับการต่อต้านอยู่บ้าง แต่ต่อมาภายหลังการปาฐกถาธรรมแบบนี้กลับเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปจนถึงบัดนี้ เมื่อพุทธศาสนิกชนทราบข่าวว่า ท่านจะไปปาฐกถาธรรมที่ใดก็จะติดตามไปฟังกันเป็นจำนวนมาก จนในที่สุดท่านได้รับอาราธนาให้เป็นองค์แสดงปาฐกถาธรรมในสถานที่ต่างๆ และเทศนาออกอากาศทั้งทางสถานีวิทยุกระจายเสียง และสถานีวิทยุโทรทัศน์ต่างๆด้วย นอกจากนี้ ท่านยังได้รับอาราธนาไปแสดงธรรมในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เป็นต้น และยังได้รับเชิญเข้าร่วมประชุมและกล่าวคำปราศรัยในการประชุมองค์กรศาสนาของโลกเป็นประจำอีกด้วย โดยที่ท่านเป็นผู้มีชื่อเสียงของประเทศไทย ได้สร้างงานไว้มากมายทั้งด้านศาสนาสังคมสงเคราะห์ตลอดจนงานด้านวิชาการ และเป็นประธานในการจัดกิจกรรมทั้งที่เป็นประโยชน์แก่ศาสนาและสังคม เช่น สนับสนุนโครงการเผยแผ่ศาสนาในต่างแดน เป็นประธานจัดหาทุนสร้างโรงพยาบาล กรมชลประทาน 80 ปี (ปัญญานันทะ) และเป็นประธานในการดำเนินการจัดหาทุนสร้างวัดปัญญานันทาราม แม้ว่าคำสอนของท่านจะเป็นคำสอนที่ฟังง่ายต่อการเข้าใจ แต่ลึกซึ้งด้วยหลักธรรมและอุดมการณ์อันหนักแน่น ท่านเป็นพระสงฆ์รูปแรกที่กล้าในการปฏิรูปพิธีกรรมทางศาสนา ของชาวไทยที่ประกอบพิธีกรรมหรูหรา ฟุ่มเฟือย โดยเปลี่ยนเป็นประหยัด มีประโยชน์และเรียบง่าย ดังนั้น ท่านจึงได้รับการขนานนามว่า "ผู้ปฏิรูปพิธีกรรมของชาวพุทธไทย"

หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เข้ารักษาอาการอาพาธ ที่ตึกอัษฎางค์ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันที่ 1/10/2550 และมรณภาพ เมื่อ 9 นาฬิกา วันที่ 10/10/2550...

   Read more
avatar
5.0
23w

Nestled in the peaceful surroundings of Tambon Bang Talat, this expansive and serenely shaded temple stands as a prominent center for Dhamma education and spiritual practice. One of its most distinctive features is the Lan Phai Anek Prasong—an architecturally unique square made from bamboo. This tranquil space serves not only as a sacred site for important Buddhist rituals but also as a communal gathering point for reflection and learning.

Devotees and visitors come together here to listen to the inspiring sermons of the revered abbot, Phra Thep Wisut Methi (Panyanandabhikku), delivered every Sunday and on Buddhist holy days. His teachings, rooted deeply in the principles of mindfulness and compassion, offer guidance and insight to all who seek them.

The temple warmly welcomes guests daily from 8:00 AM to 4:30 PM, providing a serene and contemplative haven amid the bustle of everyday life. With its deep spiritual atmosphere and strong commitment to fostering understanding of the Dhamma, this temple remains a cherished beacon for Buddhists and cultural visitors...

   Read more
avatar
5.0
51w

One of the few temples to continue the unchanged teachings of Buddha, Wat Cholpratarn Rangsarit is located in the Nonthaburi province of Bangkok, Thailand.

The temple has expanded considerably from its humble beginnings to become a very peaceful place of worship and meditation. Visitors from all walks of life visit the temple daily to learn and discover mindfulness. The temple also runs a mindfulness program every weekend where visitors can stay for 3 days and 2 nights to learn about Buddha's teachings, be mindful, and find inner peace.

The central building is filled with Buddha's history, presented in an easy-to-understand and modern approach for all visitors to understand. Additionally, the temple promoted buddhas teaching of sustainability, integrating sustainability considerations throughout the temple itself, from strict waste separations (over 5 types of waste), which are process and up-cycled to...

   Read more
Page 1 of 7
Previous
Next

Posts

Suphakorn PanyangamSuphakorn Panyangam
พระพรหมังคลาจารย์ หรือ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ กำเนิดที่ ต.คูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.พัทลุง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ.2454 เดิมมีนามว่า ปั่น เสน่ห์เจริญ หลังใช้ชีวิตฆราวาสจนมีอายุได้ 18 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดอุปนันทนาราม จ.ระนอง โดยมีพระระณังคมุนีเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดนางลาด อ.เมือง จ.พัทลุง โดยมีพระจรูญกรณีย์เป็นอุปัชฌาย์เมื่อปี พ.ศ.2474 หลังจากอุปสมบทได้ไม่นาน ได้เดินทางไปศึกษาหาหลักธรรมในบวรพุทธศาสนาหลายจังหวัดที่มีสำนักเรียนธรรมะ เช่น นครศรีธรรมราช สงขลา และ กทม. จนท่านสามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรีเป็นที่ 1 ของสังฆมณฑลภูเก็ต และสามารถสอบได้นักธรรมชั้นโทและเอกในปีถัดมาที่ จ.นครศรีธรรมราช จากนั้นท่านได้เดินทางไปศึกษาต่อด้านภาษาบาลีจนสามารถสอบเปรียญธรรม 4 ประโยค ที่สำนักเรียนวัดสามพระยา กทม. แต่เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ท่านต้องหยุดการศึกษาไว้เพียงเท่านั้น แล้วเดินทางกลับพัทลุงภูมิลำเนาเดิมและได้เริ่มแสดงธรรมในพื้นที่ต่างๆ ของภาคใต้ รวมทั้งเดินทางไปจำพรรษาที่วัดสีตวนารามและวัดปิ่นบังอร รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย ในระหว่างที่จำพรรษาอยู่นี้ก็ได้ศึกษาทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน เพื่อเป็นพื้นฐานในการเผยแพร่ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อไป ปี พ.ศ.2475 หลวงพ่อมีโอกาสร่วมเดินทางไปพม่า กับพระโลกนาถชาวอิตาลีสหายธรรม ร่วมเดินทางไปประเทศอินเดียและทั่วโลกโดยผ่านทางประเทศพม่าด้วยเท้าเปล่าเพื่อเป็นพุทธบูชา แต่เมื่อเดินทางถึงพม่าก็ต้องเดินทางกลับ ระหว่างปี พ.ศ.2475-2476 หลวงพ่อได้มีโอกาสเดินทางไปเผยแพร่ศาสนาในต่างประเทศหลายประเทศ จนท่านได้ชื่อว่า เป็นพระสงฆ์รูปแรกของไทยที่ได้เดินทางไปประกาศธรรมในภาคพื้นยุโรป ปี พ.ศ.2477 ท่านได้เดินทางไปจำพรรษากับพระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) ที่สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี และร่วมเป็นสหายธรรมดำเนินการเผยแพร่หลักธรรมที่แท้จริงตามหลักคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในปี พ.ศ.2492 ท่านได้รับอาราธนานิมนต์ให้ไปจำพรรษาที่วัดอุโมงค์ จ.เชียงใหม่ และได้เริ่มแสดงธรรมในทุกวันอาทิตย์และวันพระที่พุทธนิคม จ.เชียงใหม่ พร้อมกันนี้ท่านได้เขียนบทความต่างๆ ลงในหนังสือพิมพ์และเขียนหนังสือธรรมะขึ้นหลายเล่ม นอกจากนี้ท่านได้เดินทางไปประกาศธรรมแก่ชาวบ้าน ชาวเขาโดยใช้รถติดเครื่องขยายเสียง จนชื่อเสียงดังกระฉ่อนไปทั่ว จ.เชียงใหม่ ในนาม "ภิกขุปัญญานันทะ" ในยุคนี้เองที่ท่านได้ก่อตั้งมูลนิธิ "เมตตาศึกษา" ที่วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ และบำเพ็ญศีล กิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมอีกมากมาย ในปี พ.ศ.2502 ม.ล.ชูชาติ กำภู อธิบดีกรมชลประทาน ในสมัยนั้น ระหว่างที่ไปเยือนเชียงใหม่มีความประทับใจ ในลีลาการสอนธรรมะแนวใหม่ของท่าน จึงเกิดความศรัทธาปสาทะในท่าน และในขณะนั้นกรมชลประทานได้สร้างวัดใหม่ขึ้น ชื่อ "วัดชลประทานรังสฤษฎ์" จึงได้อาราธนาท่านไปเป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่ พ.ศ.2503 จนถึงปัจจุบัน ท่านได้เผยแพร่ศาสนา โดยวิธีที่ท่านได้เริ่มปฏิวัติรูปแบบการเทศนาแบบดั้งเดิมที่นั่งเทศนาบนธรรมาสน์ถือใบลาน มาเป็นการยืนพูดปาฐกถาธรรมแบบพูดปากเปล่าต่อสาธารณชน พร้อมทั้งยกตัวอย่างเหตุผลร่วมสมัย ทันต่อเหตุการณ์ เป็นการดึงดูดประชาชนให้หันเข้าหาธรรมะได้เป็นเป็นอย่างมาก ซึ่งในช่วงแรกๆ ได้รับการต่อต้านอยู่บ้าง แต่ต่อมาภายหลังการปาฐกถาธรรมแบบนี้กลับเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปจนถึงบัดนี้ เมื่อพุทธศาสนิกชนทราบข่าวว่า ท่านจะไปปาฐกถาธรรมที่ใดก็จะติดตามไปฟังกันเป็นจำนวนมาก จนในที่สุดท่านได้รับอาราธนาให้เป็นองค์แสดงปาฐกถาธรรมในสถานที่ต่างๆ และเทศนาออกอากาศทั้งทางสถานีวิทยุกระจายเสียง และสถานีวิทยุโทรทัศน์ต่างๆด้วย นอกจากนี้ ท่านยังได้รับอาราธนาไปแสดงธรรมในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เป็นต้น และยังได้รับเชิญเข้าร่วมประชุมและกล่าวคำปราศรัยในการประชุมองค์กรศาสนาของโลกเป็นประจำอีกด้วย โดยที่ท่านเป็นผู้มีชื่อเสียงของประเทศไทย ได้สร้างงานไว้มากมายทั้งด้านศาสนาสังคมสงเคราะห์ตลอดจนงานด้านวิชาการ และเป็นประธานในการจัดกิจกรรมทั้งที่เป็นประโยชน์แก่ศาสนาและสังคม เช่น สนับสนุนโครงการเผยแผ่ศาสนาในต่างแดน เป็นประธานจัดหาทุนสร้างโรงพยาบาล กรมชลประทาน 80 ปี (ปัญญานันทะ) และเป็นประธานในการดำเนินการจัดหาทุนสร้างวัดปัญญานันทาราม แม้ว่าคำสอนของท่านจะเป็นคำสอนที่ฟังง่ายต่อการเข้าใจ แต่ลึกซึ้งด้วยหลักธรรมและอุดมการณ์อันหนักแน่น ท่านเป็นพระสงฆ์รูปแรกที่กล้าในการปฏิรูปพิธีกรรมทางศาสนา ของชาวไทยที่ประกอบพิธีกรรมหรูหรา ฟุ่มเฟือย โดยเปลี่ยนเป็นประหยัด มีประโยชน์และเรียบง่าย ดังนั้น ท่านจึงได้รับการขนานนามว่า "ผู้ปฏิรูปพิธีกรรมของชาวพุทธไทย" หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เข้ารักษาอาการอาพาธ ที่ตึกอัษฎางค์ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันที่ 1/10/2550 และมรณภาพ เมื่อ 9 นาฬิกา วันที่ 10/10/2550 สิริรวมอายุได้ 97 ปี
Enrico AldayaEnrico Aldaya
A very modern temple I should say, toilets are very clean and spacious and we'll ventilated, the carpark is very adequate and convenient it has 5 floors each floor can accommodate at least 15 cars or more depending on the floor, while it's very solemn and peaceful the temple is in continuous development and under construction/reconsctruction, the staff is very prompt, appropriately dressed and courteous, the monks are very brief and very modern with modern ideas intertwined with the roots of Thai Buddhism and very punctual. This is a great temple for my opinion but the best way to experience is to go there yourself and 'make a merit' ทำบุญ
Patty PKPatty PK
Beautiful Serene Temple immersing into nature. The founder of this temple truly believed in living with no attachment. So the temple style is quite unique with not a lot of gold decoration like the usual Thai temple. Big wide open space filled with green space to meditate. Free meals at the cafeteria three times a day as an offering for anyone who would like to be fed. If you are looking for a place to find your inner peace, this is a great temple to enjoy your time and meditate.
See more posts
See more posts
hotel
Find your stay

Pet-friendly Hotels in Pak Kret District

Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

พระพรหมังคลาจารย์ หรือ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ กำเนิดที่ ต.คูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.พัทลุง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ.2454 เดิมมีนามว่า ปั่น เสน่ห์เจริญ หลังใช้ชีวิตฆราวาสจนมีอายุได้ 18 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดอุปนันทนาราม จ.ระนอง โดยมีพระระณังคมุนีเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดนางลาด อ.เมือง จ.พัทลุง โดยมีพระจรูญกรณีย์เป็นอุปัชฌาย์เมื่อปี พ.ศ.2474 หลังจากอุปสมบทได้ไม่นาน ได้เดินทางไปศึกษาหาหลักธรรมในบวรพุทธศาสนาหลายจังหวัดที่มีสำนักเรียนธรรมะ เช่น นครศรีธรรมราช สงขลา และ กทม. จนท่านสามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรีเป็นที่ 1 ของสังฆมณฑลภูเก็ต และสามารถสอบได้นักธรรมชั้นโทและเอกในปีถัดมาที่ จ.นครศรีธรรมราช จากนั้นท่านได้เดินทางไปศึกษาต่อด้านภาษาบาลีจนสามารถสอบเปรียญธรรม 4 ประโยค ที่สำนักเรียนวัดสามพระยา กทม. แต่เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ท่านต้องหยุดการศึกษาไว้เพียงเท่านั้น แล้วเดินทางกลับพัทลุงภูมิลำเนาเดิมและได้เริ่มแสดงธรรมในพื้นที่ต่างๆ ของภาคใต้ รวมทั้งเดินทางไปจำพรรษาที่วัดสีตวนารามและวัดปิ่นบังอร รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย ในระหว่างที่จำพรรษาอยู่นี้ก็ได้ศึกษาทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน เพื่อเป็นพื้นฐานในการเผยแพร่ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อไป ปี พ.ศ.2475 หลวงพ่อมีโอกาสร่วมเดินทางไปพม่า กับพระโลกนาถชาวอิตาลีสหายธรรม ร่วมเดินทางไปประเทศอินเดียและทั่วโลกโดยผ่านทางประเทศพม่าด้วยเท้าเปล่าเพื่อเป็นพุทธบูชา แต่เมื่อเดินทางถึงพม่าก็ต้องเดินทางกลับ ระหว่างปี พ.ศ.2475-2476 หลวงพ่อได้มีโอกาสเดินทางไปเผยแพร่ศาสนาในต่างประเทศหลายประเทศ จนท่านได้ชื่อว่า เป็นพระสงฆ์รูปแรกของไทยที่ได้เดินทางไปประกาศธรรมในภาคพื้นยุโรป ปี พ.ศ.2477 ท่านได้เดินทางไปจำพรรษากับพระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) ที่สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี และร่วมเป็นสหายธรรมดำเนินการเผยแพร่หลักธรรมที่แท้จริงตามหลักคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในปี พ.ศ.2492 ท่านได้รับอาราธนานิมนต์ให้ไปจำพรรษาที่วัดอุโมงค์ จ.เชียงใหม่ และได้เริ่มแสดงธรรมในทุกวันอาทิตย์และวันพระที่พุทธนิคม จ.เชียงใหม่ พร้อมกันนี้ท่านได้เขียนบทความต่างๆ ลงในหนังสือพิมพ์และเขียนหนังสือธรรมะขึ้นหลายเล่ม นอกจากนี้ท่านได้เดินทางไปประกาศธรรมแก่ชาวบ้าน ชาวเขาโดยใช้รถติดเครื่องขยายเสียง จนชื่อเสียงดังกระฉ่อนไปทั่ว จ.เชียงใหม่ ในนาม "ภิกขุปัญญานันทะ" ในยุคนี้เองที่ท่านได้ก่อตั้งมูลนิธิ "เมตตาศึกษา" ที่วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ และบำเพ็ญศีล กิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมอีกมากมาย ในปี พ.ศ.2502 ม.ล.ชูชาติ กำภู อธิบดีกรมชลประทาน ในสมัยนั้น ระหว่างที่ไปเยือนเชียงใหม่มีความประทับใจ ในลีลาการสอนธรรมะแนวใหม่ของท่าน จึงเกิดความศรัทธาปสาทะในท่าน และในขณะนั้นกรมชลประทานได้สร้างวัดใหม่ขึ้น ชื่อ "วัดชลประทานรังสฤษฎ์" จึงได้อาราธนาท่านไปเป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่ พ.ศ.2503 จนถึงปัจจุบัน ท่านได้เผยแพร่ศาสนา โดยวิธีที่ท่านได้เริ่มปฏิวัติรูปแบบการเทศนาแบบดั้งเดิมที่นั่งเทศนาบนธรรมาสน์ถือใบลาน มาเป็นการยืนพูดปาฐกถาธรรมแบบพูดปากเปล่าต่อสาธารณชน พร้อมทั้งยกตัวอย่างเหตุผลร่วมสมัย ทันต่อเหตุการณ์ เป็นการดึงดูดประชาชนให้หันเข้าหาธรรมะได้เป็นเป็นอย่างมาก ซึ่งในช่วงแรกๆ ได้รับการต่อต้านอยู่บ้าง แต่ต่อมาภายหลังการปาฐกถาธรรมแบบนี้กลับเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปจนถึงบัดนี้ เมื่อพุทธศาสนิกชนทราบข่าวว่า ท่านจะไปปาฐกถาธรรมที่ใดก็จะติดตามไปฟังกันเป็นจำนวนมาก จนในที่สุดท่านได้รับอาราธนาให้เป็นองค์แสดงปาฐกถาธรรมในสถานที่ต่างๆ และเทศนาออกอากาศทั้งทางสถานีวิทยุกระจายเสียง และสถานีวิทยุโทรทัศน์ต่างๆด้วย นอกจากนี้ ท่านยังได้รับอาราธนาไปแสดงธรรมในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เป็นต้น และยังได้รับเชิญเข้าร่วมประชุมและกล่าวคำปราศรัยในการประชุมองค์กรศาสนาของโลกเป็นประจำอีกด้วย โดยที่ท่านเป็นผู้มีชื่อเสียงของประเทศไทย ได้สร้างงานไว้มากมายทั้งด้านศาสนาสังคมสงเคราะห์ตลอดจนงานด้านวิชาการ และเป็นประธานในการจัดกิจกรรมทั้งที่เป็นประโยชน์แก่ศาสนาและสังคม เช่น สนับสนุนโครงการเผยแผ่ศาสนาในต่างแดน เป็นประธานจัดหาทุนสร้างโรงพยาบาล กรมชลประทาน 80 ปี (ปัญญานันทะ) และเป็นประธานในการดำเนินการจัดหาทุนสร้างวัดปัญญานันทาราม แม้ว่าคำสอนของท่านจะเป็นคำสอนที่ฟังง่ายต่อการเข้าใจ แต่ลึกซึ้งด้วยหลักธรรมและอุดมการณ์อันหนักแน่น ท่านเป็นพระสงฆ์รูปแรกที่กล้าในการปฏิรูปพิธีกรรมทางศาสนา ของชาวไทยที่ประกอบพิธีกรรมหรูหรา ฟุ่มเฟือย โดยเปลี่ยนเป็นประหยัด มีประโยชน์และเรียบง่าย ดังนั้น ท่านจึงได้รับการขนานนามว่า "ผู้ปฏิรูปพิธีกรรมของชาวพุทธไทย" หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เข้ารักษาอาการอาพาธ ที่ตึกอัษฎางค์ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันที่ 1/10/2550 และมรณภาพ เมื่อ 9 นาฬิกา วันที่ 10/10/2550 สิริรวมอายุได้ 97 ปี
Suphakorn Panyangam

Suphakorn Panyangam

hotel
Find your stay

Affordable Hotels in Pak Kret District

Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

Get the Appoverlay
Get the AppOne tap to find yournext favorite spots!
A very modern temple I should say, toilets are very clean and spacious and we'll ventilated, the carpark is very adequate and convenient it has 5 floors each floor can accommodate at least 15 cars or more depending on the floor, while it's very solemn and peaceful the temple is in continuous development and under construction/reconsctruction, the staff is very prompt, appropriately dressed and courteous, the monks are very brief and very modern with modern ideas intertwined with the roots of Thai Buddhism and very punctual. This is a great temple for my opinion but the best way to experience is to go there yourself and 'make a merit' ทำบุญ
Enrico Aldaya

Enrico Aldaya

hotel
Find your stay

The Coolest Hotels You Haven't Heard Of (Yet)

Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

hotel
Find your stay

Trending Stays Worth the Hype in Pak Kret District

Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

Beautiful Serene Temple immersing into nature. The founder of this temple truly believed in living with no attachment. So the temple style is quite unique with not a lot of gold decoration like the usual Thai temple. Big wide open space filled with green space to meditate. Free meals at the cafeteria three times a day as an offering for anyone who would like to be fed. If you are looking for a place to find your inner peace, this is a great temple to enjoy your time and meditate.
Patty PK

Patty PK

See more posts
See more posts