HTML SitemapExplore
logo
Find Things to DoFind The Best Restaurants

Phra Ram Ratchaniwet (Wang Ban Puen) — Attraction in Phetchaburi Province

Name
Phra Ram Ratchaniwet (Wang Ban Puen)
Description
Phra Ram Ratchaniwet, also commonly known as Ban Puen Palace, is a former royal palace in Thailand's Phetchaburi Province. It now serves as a museum, operated by the Royal Thai Army.
Nearby attractions
Nearby restaurants
บ้านไม้พัชช่าสเต็ก
31 Mueang Phetchaburi District, Phetchaburi 76000, Thailand
Chan Rung
158 9 Khlong Kra Saeng, Mueang Phetchaburi District, Phetchaburi 76000, Thailand
Baanrimnam Phetchburi
22 Ratcha Damri Rd, Tha Rab, เมือง, Phetchaburi 76000, Thailand
CUB House Phetchaburi
66/6 Phet Kasem Rd, Ban Mo, Mueang Phetchaburi District, Phetchaburi 76000, Thailand
The Garage Cafe
Tha Rab, Mueang Phetchaburi District, Phetchaburi 76000, Thailand
Nearby hotels
Chill @ Phetchaburi
314 3 Soi Mu Ban Sanphet Ville, Tambon Khlong Kra Saeng, เมือง Phetchaburi 76000, Thailand
Bosston Hotel
98 6, Ban Mo, Mueang Phetchaburi District, Phetchaburi 76000, Thailand
Alinda Resort
111 หมู่ ที่ 2 Phet Kasem Rd, Ban Mo, Mueang Phetchaburi District, Phetchaburi 76000, Thailand
J-House Phetchaburi เจเฮาส์ เพชรบุรี
224 หมู่6 ซอยไทยเอื้ออุทิศ ถนนเส้นหลังบิ๊กซี, Phetchaburi, Thailand
WIIN Phetchaburi
169 หมู่ 6 ถนนต้นมะม่วง ต้นมะม่วง Mueang Phetchaburi District, Phetchaburi 76000, Thailand
Banthai guest house
89 Soi Wat Yang 2, Khlong Kra Saeng, Mueang Phetchaburi District, Phetchaburi 76000, Thailand
Wake up Hostel
314/3 หมู่บ้านหมู่บ้านศรีเพชรวิลล์ Tha Rab, เมือง Phetchaburi 76000, Thailand
Related posts
Keywords
Phra Ram Ratchaniwet (Wang Ban Puen) tourism.Phra Ram Ratchaniwet (Wang Ban Puen) hotels.Phra Ram Ratchaniwet (Wang Ban Puen) bed and breakfast. flights to Phra Ram Ratchaniwet (Wang Ban Puen).Phra Ram Ratchaniwet (Wang Ban Puen) attractions.Phra Ram Ratchaniwet (Wang Ban Puen) restaurants.Phra Ram Ratchaniwet (Wang Ban Puen) travel.Phra Ram Ratchaniwet (Wang Ban Puen) travel guide.Phra Ram Ratchaniwet (Wang Ban Puen) travel blog.Phra Ram Ratchaniwet (Wang Ban Puen) pictures.Phra Ram Ratchaniwet (Wang Ban Puen) photos.Phra Ram Ratchaniwet (Wang Ban Puen) travel tips.Phra Ram Ratchaniwet (Wang Ban Puen) maps.Phra Ram Ratchaniwet (Wang Ban Puen) things to do.
Phra Ram Ratchaniwet (Wang Ban Puen) things to do, attractions, restaurants, events info and trip planning
Phra Ram Ratchaniwet (Wang Ban Puen)
ThailandPhetchaburi ProvincePhra Ram Ratchaniwet (Wang Ban Puen)

Basic Info

Phra Ram Ratchaniwet (Wang Ban Puen)

121 Ratcha Dumnern Rd, Khlong Kra Saeng, Mueang Phetchaburi District, Phetchaburi 76000, Thailand
4.6(744)
Open 24 hours
Save
spot

Ratings & Description

Info

Phra Ram Ratchaniwet, also commonly known as Ban Puen Palace, is a former royal palace in Thailand's Phetchaburi Province. It now serves as a museum, operated by the Royal Thai Army.

Cultural
Scenic
Family friendly
Accessibility
attractions: , restaurants: บ้านไม้พัชช่าสเต็ก, Chan Rung, Baanrimnam Phetchburi, CUB House Phetchaburi, The Garage Cafe
logoLearn more insights from Wanderboat AI.
Phone
+66 86 617 4013
Website
sites.google.com

Plan your stay

hotel
Pet-friendly Hotels in Phetchaburi Province
Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.
hotel
Affordable Hotels in Phetchaburi Province
Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.
hotel
The Coolest Hotels You Haven't Heard Of (Yet)
Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.
hotel
Trending Stays Worth the Hype in Phetchaburi Province
Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

Reviews

Nearby restaurants of Phra Ram Ratchaniwet (Wang Ban Puen)

บ้านไม้พัชช่าสเต็ก

Chan Rung

Baanrimnam Phetchburi

CUB House Phetchaburi

The Garage Cafe

บ้านไม้พัชช่าสเต็ก

บ้านไม้พัชช่าสเต็ก

4.5

(80)

Click for details
Chan Rung

Chan Rung

4.3

(30)

$

Click for details
Baanrimnam Phetchburi

Baanrimnam Phetchburi

4.2

(310)

Click for details
CUB House Phetchaburi

CUB House Phetchaburi

4.4

(37)

Click for details
Get the Appoverlay
Get the AppOne tap to find yournext favorite spots!
Wanderboat LogoWanderboat

Your everyday Al companion for getaway ideas

CompanyAbout Us
InformationAI Trip PlannerSitemap
SocialXInstagramTiktokLinkedin
LegalTerms of ServicePrivacy Policy

Get the app

© 2025 Wanderboat. All rights reserved.
logo

Reviews of Phra Ram Ratchaniwet (Wang Ban Puen)

4.6
(744)
avatar
5.0
2y

พระรามราชนิเวศน์​ (วังบ้านปืน)

เคยได้ยินชื่อมานานแต่คิดไปเองว่าเป็นส่วนหนึ่งของเขาวัง​ จึงไม่เคยคิดจะแวะชม​ พระรามราชนิเวศน์​เปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้าชม​ โดยไม่เก็บค่าเข้าชม​ เนื่องจากเคยเป็นที่ประทับของอดีตพระมหากษัตริย์​ จึงควรแต่งตัวสุภาพ​ ไม่ใส่เสื้อแขนกุดและกางเกงขาสั้นเข้าชม​ และห้ามถ่ายรูป​ รูปพระราชวังในบทความนี้​ ไม่ได้ถ่ายเอง​ ใช้ดาวน์โหลดจากเว็บไซต์​ต่างๆที่พอจะค้นหาได้

พระรามราชนิเวศน์ หรือ วังบ้านปืน เป็นประทับแปรพระราชฐานที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อเสด็จประพาสจังหวัดเพชรบุรี ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านปืน ริมแม่น้ำเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี โดยมีคาร์ล ดอห์ริง สถาปนิกชาวเยอรมนีเป็นผู้ออกแบบ ดร.ไบเยอร์ เป็นนายช่างก่อสร้าง พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ (พระยศขณะนั้น) ทรงควบคุมการก่อสร้าง และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมขุนนครสวรรค์วรพินิต (พระยศขณะนั้น) ทรงควบคุมด้านการไฟฟ้า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2453 แต่การก่อสร้างดำเนินได้ไม่นานก็เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ ให้ช่างสร้างต่อจนเสร็จใน พ.ศ. 2459 รวมเวลาสร้างเกือบ 7 ปี และโปรดเกล้าฯ ให้มีงานฉลองพระตำหนักวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2461 ด้วยเหตุที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ที่จะมีพระราชวังนอกพระนครเพื่อประทับค้างแรมได้โดยสะดวก จังหวัดเพชรบุรีที่พระองค์มีพระประสงค์จะให้เป็นพระราชวังที่ใช้ประทับยามหน้าฝน พระองค์จึงมีพระราชโครงการให้ซื้อที่ดินจากชาวบ้านที่เขตบ้านปืน ริมแม่น้ำเพชรบุรี โดยมีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นแม่งานควบคุมการก่อสร้าง และมีพระบัญชาให้ คาร์ล ซีกฟรีด เดอห์ริง (Karl Siegfried Dohring) ผู้เคยออกแบบ วังบางขุนพรหม วังวรดิศ และวังพระองค์เจ้าดิลกนพรัฐมาแล้ว เป็นสถาปนิกออกแบบ นายดอห์ริงได้เลือกผู้ร่วมงานทั้งสถาปนิก วิศวกร และมัณฑนากรเป็นชาวเยอรมันทั้งสิ้น เพื่อการทำงานให้มีศิลปะเป็นแบบเดียวกันพระที่นั่งองค์นี้จึงมีรูปแบบศิลปะตะวันตกอย่างเต็มตัว ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ที่ต้องการพระตำหนักแบบโมเดิร์นสไตล์ สถาปนิกจึงได้ออกแบบมาในลักษณะสถาปัตยกรรมแบบเยอรมัน โดยได้แบบแผนมาจากตำหนักในพระราชวังของพระเจ้าไกเซอร์แห่งเยอรมันที่ทรงเคยประทับ พระที่นั่งได้ใช้ลักษณะทางสถาปัตยกรรมบาโรก (Baroque) และแบบอาร์ต นูโว (Art Nouveau) หรือที่เยอรมันเรียกว่า "จุงเกนสติล" (Jugendstil) โดยจะเน้นความทันสมัยไม่มีลายปูนปั้นวิจิตรพิสดารเหมือนอาคารในสมัยเดียวกัน พระที่นั่งหลังนี้จะเน้นในเรื่องของความสูงของหน้าต่าง ความสูงของเพดานซึ่งกว้างเป็นพิเศษ ทำให้พระที่นั่งดูใหญ่โต โอ่อ่า สง่างาม และตระการตา แผนผังของตัวอาคารสร้างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าล้อมสวนหย่อม มีสระน้ำพุตั้งอยู่ตรงกลาง ส่วนที่ประทับเป็นตึกสองชั้นขนาดใหญ่ หลังคาทรงสูงรูปโดม ภายในเป็นโถงสูงมีบันไดโค้งขึ้นสู่ชั้นสองซึ่งจัดเป็นจุดเด่นของอาคาร เพราะรวมสิ่งน่าชมไว้หลายหลาก ตัวอย่างเช่น เสาที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบและตกแต่งด้วยโลหะ ขัดเงาจากพื้นจดเพดานชั้นสองและประดับด้วยกระเบื้องสีเขียว​ เข้ากันกับบริเวณโดยรอบโถงบันได ที่หัวเสาตาม ราวบันไดโค้งมีตุ๊กตากระเบื้องรูปเด็กในอิริยาบถต่าง ๆ ประดับไว้ รอบบริเวณโถงบันไดชั้นบนยังมีกรอบลูกไม้กระเบื้องเคลือบประดับตามช่องโดยรอบอีกด้วย

พระที่นั่งหลังนี้ยังมีสิ่งที่น่าชมอีกมาก กล่าวคือ การตกแต่งภายในแต่ละห้องให้มีรูปลักษณ์แตกต่าง กันไปทั้งสีสันและวัสดุที่ใช้ เช่น บริเวณโถงบันไดใช้โทนสีเขียว ห้อง เสวยใช้โทนสีเหลือง ตกแต่งช่องประตูด้วยเหล็กดัดแบบอาร์ต นูโว และประดับผนังด้วยแผ่นกระเบื้องเคลือบสีเหลืองสด ตัดกรอบด้วยกระเบื้องเขียวเป็นช่อง ๆ ตามแนวยืน โดยกระเบื้องประดับผนังมีลวดลายนูนเป็นรูปสัตว์และพรรณพืชต่าง ๆ แทรกอยู่เป็นระยะ ๆ ห้องพระบรรทมใช้โทนสีทอง โดยตกแต่งเสาในห้องด้วยแผ่นโลหะสีทองขัดเงาดุนลาย หัวเสาเป็นภาพเขียนแจกันดอกไม้หลากสี บนพื้นครึ่งวงกลมสีทอง ดูสง่างามและมลังเมลือง

การก่อสร้างพระที่นั่งแห่งนี้ มาสำเร็จในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2461 และพระราชทานนามว่า “พระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาท” และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามที่ประทับแห่งใหม่ว่า “พระรามราชนิเวศน์” นอกจากนี้ พระองค์ยังโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงดำเนินการหล่อรูปปั้นพระนารายณ์ทรงปืนเพื่อนำมาประดิษฐานไว้ยังหน้าพระที่นั่ง (ปัจจุบัน รูปปั้นนี้ย้ายมาไว้ยังหน้าพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) แต่คนทั่วไปจะเรียกติดปากว่า...

   Read more
avatar
5.0
6y

พระราชวังบ้านปืน พระราชวังรามราชนิเวศน์ หรือพระราชวังบ้านปืน พระรามราชนิเวศน์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ฝั่ง ตะวันตกของ แม่น้ำเพชรบุรี ที่บ้านปืน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี เป็นพระราชวังที่มีความงดงาม สวยแปลกตาตาม สไตส์ยุโรป แบบไทยๆสร้างสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีพระราชประสงค์ให้สร้าง พระราชวังแบบยุโรป เพื่อใช้สำหรับแปรพระราชฐานในฤดูฝน สร้างแบบสถาปัตย กรรมยุโรป พระราชวังแห่งนี้ถือ ว่าเป็นพระราชวังที่งดงามแห่งหนึ่งของไทย

ลักษณะทางสถาปัตยกรรม พระตำหนักได้ใช้ลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบบาโรค (Baroque) และแบบอาร์ต นูโว (Art Nouveau) หรือที่ เยอรมันเรียกว่าจุงเกนสติล(Jugendstil)ตัวพระตำหนักจะเน้นความทันสมัยโดยจะไม่มีลายปูนปั้น วิจิตรพิศดาร เหมือนอาคารในสมัยเดียวกัน พระตำหนักหลังนี้จะเน้นในเรื่องของความสูงของหน้าต่าง ความสูงของเพดาน ซึ่งกว้างเป็นพิเศษ ทำให้พระตำหนักดูใหญ่โต โอ่อ่า สง่างาม และตระการตา

แผนผังของตัวอาคารสร้างเป็น สี่เหลี่ยมผืนผ้าล้อมสวนหย่อม มีสระน้ำพุตั้งอยู่ตรงกลาง ส่วนที่ประทับเป็นตึก สองชั้นขนาดใหญ่ หลังคาทรงสูงรูปโดม ภายในเป็นโถงสูงมีบันไดโค้งขึ้นสู่ชั้นสองซึ่งจัดเป็นจุดเด่นของ พระตำหนักเพราะรวมสิ่งน่าชมไว้หลายหลาก ตัวอย่างเช่น เสาที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบและตกแต่งด้วยโลหะ ขัดเงา เสาเหล่านี้แล่นตลอดจากพื้นจดเพดานชั้นสองและประดับด้วยกระเบื้อง เขียวเข้ากันกับบริเวณ โดยรอบ โถงบันได ที่หัวเสาตาม ราวบันไดโค้งมีตุ๊กตากระเบื้องรูปเด็กในอิริยาบถต่าง ๆ ประดับไว้ รอบบริเวณโถงบันไดชั้น บนยังมีกรอบลูกไม้กระเบื้องเคลือบประดับตามช่องโดยรอบอีกด้วย

พระตำหนักหลังนี้ยัง มีสิ่งที่ น่าชมอีกมาก กล่าวคือ การตกแต่งภายในแต่ละห้องให้มีรูปลักษณ์แตกต่าง กันไปทั้ง สีสันและวัสดุที่ใช้ เช่น บริเวณโถงบันไดใช้โทนสีเขียว ห้อง เสวยใช้โทนสีเหลือง ตกแต่งช่องประตูด้วยเหล็กดัด แบบอาร์ต นูโว และประดับผนังด้วยแผ่นกระเบื้องเคลือบสีเหลืองสด ตัดกรอบด้วยกระเบื้องเขียวเป็นช่อง ๆ ตาม แนวยืน โดยกระเบื้องประดับผนังมีลวด ลายนูนเป็นรูปสัตว์และพรรณพืชต่าง ๆ แทรกอยู่เป็นระยะ ๆ ห้องพระ บรรทมใช้โทนสีทอง โดยตกแต่งเสาในห้องด้วยแผ่นโลหะสีทองขัดเงาดุนลาย หัวเสาเป็นภาพเขียนแจกัน ดอกไม้หลากสี บนพื้นครึ่งวงกลมสีทอง ดูสง่างามและมลังเมลือง ประวัติพระราชวังบ้านปืน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนคร สวรรค์วร พินิต ผู้บัญชาการทหารเรือ กับ พระเจ้าน้องยาเธอกรมหลวงดำรงราชานุภาพ (พระยศในขณะนั้น) เป็นแม่กอง ดำเนินการก่อสร้างพระตำหนัก ถนน และสถานที่ต่างๆ และโปรดเกล้าฯ ให้พระยาสุรินทรฤาไชย ผู้ว่าราชการ จังหวัดเพชรบุรีเป็นผู้จ่ายเงินสั่งของและเป็นผู้ตรวจการ ทั้งโปรดเกล้าฯ ให้มิสเตอร์คาล ดอห์ริง นายช่างเยอรมัน เป็นผู้คิดเขียนแบบรูปพระตำหนักตามกระแสพระราชดำริ โดยมี ดอกเตอร์ควดไบเยอร์ ชาวเยอรมัน เป็นนายช่าง ก่อสร้าง

นายคลูเซอร์ เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ภายในตำหนักชั้นล่างประกอบด้วย ห้องรอเฝ้า ท้องพระโรงกลาง ห้องเสวย ห้องเครื่อง และห้องเทียบเครื่อง สำหรับชั้นบนประกอบด้วย ห้องพระบรรทมใหญ่ ห้องพระบรรทมพระราชินี ห้องพระบรรทมเจ้าฟ้า และห้องทรงพระอักษรการก่อสร้างพระที่นั่งแห่งนี้ มาสำเร็จในรัชสมัย พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2461 และพระราชทานนามว่า “พระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาท” และทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ เปลี่ยนนาม "พระราชวังบ้านปืน" โดยพระราชทานนามพระราชวังใหม่ว่า “พระรามราชนิเวศน์” นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงดำเนินการหล่อ รูปปั้นพระนารายณ์ทรงปืนเพื่อนำมาประดิษฐานไว้ยังหน้าพระที่นั่ง (ปัจจุบัน รูปปั้นนี้ย้ายมาไว้ยังหน้าพระที่นั่ง พุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) แต่คนทั่วไปจะเรียกติดปากว่าพระราชวังบ้านปืนตามชื่อเดิมของ ถิ่นที่อยู่นั่นเอง แม้ว่าพระรามราชนิเวศน์จะสร้างเสร็จในรัชกาลที่ 6 แต่พระองค์ก็มิได้เสด็จ ประพาสมายัง พระราชวังนี้บ่อยนัก จะเสด็จมาประทับเพื่อทอดพระเนตรการซ้อมเสือป่าบ้าง แต่ก็น้อยครั้งมาก วังนี้จึงเริ่มทรุด โทรมลงเรื่อย ๆ หลังจากนั้น พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ใช้พระราชวังแห่งนี้เป็น โรงเรียนวังพระรามราชนิเวศน์ โรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรม โรงเรียนฝึกหัดครูผู้กำกับลูกเสือในพระบรมราชูปถัมภ์ และโรงเรียนประถมวิสามัญ หญิง จนกระทั่ง โรงเรียนเหล่านี้ย้ายออกไป พระราชวังบ้านปืนจึงถูกทิ้งให้รกร้างอีกครั้ง

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เมื่อเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ฝ่ายทหารได้ใช้พระราช วังนี้เป็นที่ตั้งกองบัญชาการทหาร ปัจจุบัน โปรดเกล้าฯ พระราชทานให้เป็นที่ตั้งของจังหวัดทหารบก เพชรบุรีและ ต่อมาได้เป็นมณฑลทหารบกที่15...

   Read more
avatar
5.0
22w

◇ พระรามราชนิเวศน์ หรือ วังบ้านปืน เป็นพระราชวังที่สวยงามและสำคัญทางประวัติศาสตร์ อยู่ในจังหวัดเพชรบุรี ริมแม่น้ำเพชรบุรี ถือเป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักของจังหวัด ◇ ประวัติความเป็นมา ◇ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงมีพระราชประสงค์ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับแรมในฤดูฝน เมื่อเสด็จประพาสจังหวัดเพชรบุรี ◇ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดซื้อที่ดินบริเวณตำบลบ้านปืน และมีพระบรมราชโองการให้ คาร์ล ซีกฟรีด เดอห์ริง (Karl Siegfried Dohring) สถาปนิกชาวเยอรมันผู้ออกแบบวังสำคัญหลายแห่ง เป็นผู้ออกแบบพระที่นั่ง โดยมี ดร.ไบเยอร์ เป็นนายช่างก่อสร้าง ◇ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ◇ และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ทรงเป็นแม่กองควบคุมการก่อสร้าง ◇ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2453 แต่การก่อสร้างดำเนินได้ไม่นาน ก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน ◇ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ดำเนินการสร้างต่อจนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2459 รวมเวลาสร้างเกือบ 7 ปี และโปรดเกล้าฯ ให้มีงานฉลองพระตำหนัก เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2461 ◇ สถาปัตยกรรม ◇ พระรามราชนิเวศน์โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรป บาโรก (Baroque) และ อาร์ตนูโว (Art Nouveau) หรือที่เยอรมันเรียกว่า "จุงเกนสติล" (Jugendstil) ◇ ตัวอาคารเน้นความทันสมัย ไม่เน้นลายปูนปั้นวิจิตรพิสดารเหมือนอาคารอื่นๆ ในสมัยเดียวกัน แต่จะเน้นเรื่องความสูงของหน้าต่าง ความสูงของเพดานที่กว้างเป็นพิเศษ ทำให้พระที่นั่งดูใหญ่โตและอลังการ ◇ หลังคากระเบื้องสีน้ำตาล นำเข้าจากยุโรป ลักษณะคล้ายพระราชวังของพระเจ้าวิลเฮิร์มไกเซอร์แห่งประเทศเยอรมนี ◇ การตกแต่งภายในแต่ละห้อง มีรูปแบบและโทนสีที่แตกต่างกัน เช่น โถงบันไดใช้โทนสีเขียว ห้องเสวยใช้โทนสีเหลือง ◇ ปัจจุบัน พระรามราชนิเวศน์ อยู่ในความดูแลของมณฑลทหารบกที่ 15 และได้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และศิลปะของจังหวัดเพชรบุรี ◇ บริเวณลานหน้าพระที่นั่งวังบ้านปืน ยังเป็นที่ประดิษฐาน ของพระบรมราชานุ สาวรีย์พระปิยมหาราช รัชกาลที่ 5 และมีปืนใหญ่ตั้งอยู่โดยรอบ 4 ทิศ ได้แก่ รามสูรขว้างขวาน, ยมบาลจับสัตว์, ลอยชายเข้าวัง และกำลังเพชรหึง ◇ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ เวลา 08.00 - 16.00 น. บางข้อมูลระบุ 08.00 - 16.30 น. ◇ ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท, เด็ก 10 บาท, นักเรียนนักศึกษาในเครื่องแบบ 5 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท ◇ นอกจากนี้ ภายในบริเวณค่ายพระรามราชนิเวศน์...

   Read more
Page 1 of 7
Previous
Next

Posts

ภักดี เลิศรุ่งโรจน์ภักดี เลิศรุ่งโรจน์
พระรามราชนิเวศน์​ (วังบ้านปืน) เคยได้ยินชื่อมานานแต่คิดไปเองว่าเป็นส่วนหนึ่งของเขาวัง​ จึงไม่เคยคิดจะแวะชม​ พระรามราชนิเวศน์​เปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้าชม​ โดยไม่เก็บค่าเข้าชม​ เนื่องจากเคยเป็นที่ประทับของอดีตพระมหากษัตริย์​ จึงควรแต่งตัวสุภาพ​ ไม่ใส่เสื้อแขนกุดและกางเกงขาสั้นเข้าชม​ และห้ามถ่ายรูป​ รูปพระราชวังในบทความนี้​ ไม่ได้ถ่ายเอง​ ใช้ดาวน์โหลดจากเว็บไซต์​ต่างๆที่พอจะค้นหาได้ พระรามราชนิเวศน์ หรือ วังบ้านปืน เป็นประทับแปรพระราชฐานที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อเสด็จประพาสจังหวัดเพชรบุรี ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านปืน ริมแม่น้ำเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี โดยมีคาร์ล ดอห์ริง สถาปนิกชาวเยอรมนีเป็นผู้ออกแบบ ดร.ไบเยอร์ เป็นนายช่างก่อสร้าง พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ (พระยศขณะนั้น) ทรงควบคุมการก่อสร้าง และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมขุนนครสวรรค์วรพินิต (พระยศขณะนั้น) ทรงควบคุมด้านการไฟฟ้า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2453 แต่การก่อสร้างดำเนินได้ไม่นานก็เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ ให้ช่างสร้างต่อจนเสร็จใน พ.ศ. 2459 รวมเวลาสร้างเกือบ 7 ปี และโปรดเกล้าฯ ให้มีงานฉลองพระตำหนักวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2461 ด้วยเหตุที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ที่จะมีพระราชวังนอกพระนครเพื่อประทับค้างแรมได้โดยสะดวก จังหวัดเพชรบุรีที่พระองค์มีพระประสงค์จะให้เป็นพระราชวังที่ใช้ประทับยามหน้าฝน พระองค์จึงมีพระราชโครงการให้ซื้อที่ดินจากชาวบ้านที่เขตบ้านปืน ริมแม่น้ำเพชรบุรี โดยมีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นแม่งานควบคุมการก่อสร้าง และมีพระบัญชาให้ คาร์ล ซีกฟรีด เดอห์ริง (Karl Siegfried Dohring) ผู้เคยออกแบบ วังบางขุนพรหม วังวรดิศ และวังพระองค์เจ้าดิลกนพรัฐมาแล้ว เป็นสถาปนิกออกแบบ นายดอห์ริงได้เลือกผู้ร่วมงานทั้งสถาปนิก วิศวกร และมัณฑนากรเป็นชาวเยอรมันทั้งสิ้น เพื่อการทำงานให้มีศิลปะเป็นแบบเดียวกันพระที่นั่งองค์นี้จึงมีรูปแบบศิลปะตะวันตกอย่างเต็มตัว ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ที่ต้องการพระตำหนักแบบโมเดิร์นสไตล์ สถาปนิกจึงได้ออกแบบมาในลักษณะสถาปัตยกรรมแบบเยอรมัน โดยได้แบบแผนมาจากตำหนักในพระราชวังของพระเจ้าไกเซอร์แห่งเยอรมันที่ทรงเคยประทับ พระที่นั่งได้ใช้ลักษณะทางสถาปัตยกรรมบาโรก (Baroque) และแบบอาร์ต นูโว (Art Nouveau) หรือที่เยอรมันเรียกว่า "จุงเกนสติล" (Jugendstil) โดยจะเน้นความทันสมัยไม่มีลายปูนปั้นวิจิตรพิสดารเหมือนอาคารในสมัยเดียวกัน พระที่นั่งหลังนี้จะเน้นในเรื่องของความสูงของหน้าต่าง ความสูงของเพดานซึ่งกว้างเป็นพิเศษ ทำให้พระที่นั่งดูใหญ่โต โอ่อ่า สง่างาม และตระการตา แผนผังของตัวอาคารสร้างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าล้อมสวนหย่อม มีสระน้ำพุตั้งอยู่ตรงกลาง ส่วนที่ประทับเป็นตึกสองชั้นขนาดใหญ่ หลังคาทรงสูงรูปโดม ภายในเป็นโถงสูงมีบันไดโค้งขึ้นสู่ชั้นสองซึ่งจัดเป็นจุดเด่นของอาคาร เพราะรวมสิ่งน่าชมไว้หลายหลาก ตัวอย่างเช่น เสาที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบและตกแต่งด้วยโลหะ ขัดเงาจากพื้นจดเพดานชั้นสองและประดับด้วยกระเบื้องสีเขียว​ เข้ากันกับบริเวณโดยรอบโถงบันได ที่หัวเสาตาม ราวบันไดโค้งมีตุ๊กตากระเบื้องรูปเด็กในอิริยาบถต่าง ๆ ประดับไว้ รอบบริเวณโถงบันไดชั้นบนยังมีกรอบลูกไม้กระเบื้องเคลือบประดับตามช่องโดยรอบอีกด้วย พระที่นั่งหลังนี้ยังมีสิ่งที่น่าชมอีกมาก กล่าวคือ การตกแต่งภายในแต่ละห้องให้มีรูปลักษณ์แตกต่าง กันไปทั้งสีสันและวัสดุที่ใช้ เช่น บริเวณโถงบันไดใช้โทนสีเขียว ห้อง เสวยใช้โทนสีเหลือง ตกแต่งช่องประตูด้วยเหล็กดัดแบบอาร์ต นูโว และประดับผนังด้วยแผ่นกระเบื้องเคลือบสีเหลืองสด ตัดกรอบด้วยกระเบื้องเขียวเป็นช่อง ๆ ตามแนวยืน โดยกระเบื้องประดับผนังมีลวดลายนูนเป็นรูปสัตว์และพรรณพืชต่าง ๆ แทรกอยู่เป็นระยะ ๆ ห้องพระบรรทมใช้โทนสีทอง โดยตกแต่งเสาในห้องด้วยแผ่นโลหะสีทองขัดเงาดุนลาย หัวเสาเป็นภาพเขียนแจกันดอกไม้หลากสี บนพื้นครึ่งวงกลมสีทอง ดูสง่างามและมลังเมลือง การก่อสร้างพระที่นั่งแห่งนี้ มาสำเร็จในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2461 และพระราชทานนามว่า “พระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาท” และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามที่ประทับแห่งใหม่ว่า “พระรามราชนิเวศน์” นอกจากนี้ พระองค์ยังโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงดำเนินการหล่อรูปปั้นพระนารายณ์ทรงปืนเพื่อนำมาประดิษฐานไว้ยังหน้าพระที่นั่ง (ปัจจุบัน รูปปั้นนี้ย้ายมาไว้ยังหน้าพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) แต่คนทั่วไปจะเรียกติดปากว่า "วังบ้านปืน"
taweechai tankhumtaweechai tankhum
พระราชวังบ้านปืน พระราชวังรามราชนิเวศน์ หรือพระราชวังบ้านปืน พระรามราชนิเวศน์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ฝั่ง ตะวันตกของ แม่น้ำเพชรบุรี ที่บ้านปืน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี เป็นพระราชวังที่มีความงดงาม สวยแปลกตาตาม สไตส์ยุโรป แบบไทยๆสร้างสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีพระราชประสงค์ให้สร้าง พระราชวังแบบยุโรป เพื่อใช้สำหรับแปรพระราชฐานในฤดูฝน สร้างแบบสถาปัตย กรรมยุโรป พระราชวังแห่งนี้ถือ ว่าเป็นพระราชวังที่งดงามแห่งหนึ่งของไทย ลักษณะทางสถาปัตยกรรม พระตำหนักได้ใช้ลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบบาโรค (Baroque) และแบบอาร์ต นูโว (Art Nouveau) หรือที่ เยอรมันเรียกว่าจุงเกนสติล(Jugendstil)ตัวพระตำหนักจะเน้นความทันสมัยโดยจะไม่มีลายปูนปั้น วิจิตรพิศดาร เหมือนอาคารในสมัยเดียวกัน พระตำหนักหลังนี้จะเน้นในเรื่องของความสูงของหน้าต่าง ความสูงของเพดาน ซึ่งกว้างเป็นพิเศษ ทำให้พระตำหนักดูใหญ่โต โอ่อ่า สง่างาม และตระการตา แผนผังของตัวอาคารสร้างเป็น สี่เหลี่ยมผืนผ้าล้อมสวนหย่อม มีสระน้ำพุตั้งอยู่ตรงกลาง ส่วนที่ประทับเป็นตึก สองชั้นขนาดใหญ่ หลังคาทรงสูงรูปโดม ภายในเป็นโถงสูงมีบันไดโค้งขึ้นสู่ชั้นสองซึ่งจัดเป็นจุดเด่นของ พระตำหนักเพราะรวมสิ่งน่าชมไว้หลายหลาก ตัวอย่างเช่น เสาที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบและตกแต่งด้วยโลหะ ขัดเงา เสาเหล่านี้แล่นตลอดจากพื้นจดเพดานชั้นสองและประดับด้วยกระเบื้อง เขียวเข้ากันกับบริเวณ โดยรอบ โถงบันได ที่หัวเสาตาม ราวบันไดโค้งมีตุ๊กตากระเบื้องรูปเด็กในอิริยาบถต่าง ๆ ประดับไว้ รอบบริเวณโถงบันไดชั้น บนยังมีกรอบลูกไม้กระเบื้องเคลือบประดับตามช่องโดยรอบอีกด้วย พระตำหนักหลังนี้ยัง มีสิ่งที่ น่าชมอีกมาก กล่าวคือ การตกแต่งภายในแต่ละห้องให้มีรูปลักษณ์แตกต่าง กันไปทั้ง สีสันและวัสดุที่ใช้ เช่น บริเวณโถงบันไดใช้โทนสีเขียว ห้อง เสวยใช้โทนสีเหลือง ตกแต่งช่องประตูด้วยเหล็กดัด แบบอาร์ต นูโว และประดับผนังด้วยแผ่นกระเบื้องเคลือบสีเหลืองสด ตัดกรอบด้วยกระเบื้องเขียวเป็นช่อง ๆ ตาม แนวยืน โดยกระเบื้องประดับผนังมีลวด ลายนูนเป็นรูปสัตว์และพรรณพืชต่าง ๆ แทรกอยู่เป็นระยะ ๆ ห้องพระ บรรทมใช้โทนสีทอง โดยตกแต่งเสาในห้องด้วยแผ่นโลหะสีทองขัดเงาดุนลาย หัวเสาเป็นภาพเขียนแจกัน ดอกไม้หลากสี บนพื้นครึ่งวงกลมสีทอง ดูสง่างามและมลังเมลือง ประวัติพระราชวังบ้านปืน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนคร สวรรค์วร พินิต ผู้บัญชาการทหารเรือ กับ พระเจ้าน้องยาเธอกรมหลวงดำรงราชานุภาพ (พระยศในขณะนั้น) เป็นแม่กอง ดำเนินการก่อสร้างพระตำหนัก ถนน และสถานที่ต่างๆ และโปรดเกล้าฯ ให้พระยาสุรินทรฤาไชย ผู้ว่าราชการ จังหวัดเพชรบุรีเป็นผู้จ่ายเงินสั่งของและเป็นผู้ตรวจการ ทั้งโปรดเกล้าฯ ให้มิสเตอร์คาล ดอห์ริง นายช่างเยอรมัน เป็นผู้คิดเขียนแบบรูปพระตำหนักตามกระแสพระราชดำริ โดยมี ดอกเตอร์ควดไบเยอร์ ชาวเยอรมัน เป็นนายช่าง ก่อสร้าง นายคลูเซอร์ เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ภายในตำหนักชั้นล่างประกอบด้วย ห้องรอเฝ้า ท้องพระโรงกลาง ห้องเสวย ห้องเครื่อง และห้องเทียบเครื่อง สำหรับชั้นบนประกอบด้วย ห้องพระบรรทมใหญ่ ห้องพระบรรทมพระราชินี ห้องพระบรรทมเจ้าฟ้า และห้องทรงพระอักษรการก่อสร้างพระที่นั่งแห่งนี้ มาสำเร็จในรัชสมัย พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2461 และพระราชทานนามว่า “พระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาท” และทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ เปลี่ยนนาม "พระราชวังบ้านปืน" โดยพระราชทานนามพระราชวังใหม่ว่า “พระรามราชนิเวศน์” นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงดำเนินการหล่อ รูปปั้นพระนารายณ์ทรงปืนเพื่อนำมาประดิษฐานไว้ยังหน้าพระที่นั่ง (ปัจจุบัน รูปปั้นนี้ย้ายมาไว้ยังหน้าพระที่นั่ง พุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) แต่คนทั่วไปจะเรียกติดปากว่าพระราชวังบ้านปืนตามชื่อเดิมของ ถิ่นที่อยู่นั่นเอง แม้ว่าพระรามราชนิเวศน์จะสร้างเสร็จในรัชกาลที่ 6 แต่พระองค์ก็มิได้เสด็จ ประพาสมายัง พระราชวังนี้บ่อยนัก จะเสด็จมาประทับเพื่อทอดพระเนตรการซ้อมเสือป่าบ้าง แต่ก็น้อยครั้งมาก วังนี้จึงเริ่มทรุด โทรมลงเรื่อย ๆ หลังจากนั้น พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ใช้พระราชวังแห่งนี้เป็น โรงเรียนวังพระรามราชนิเวศน์ โรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรม โรงเรียนฝึกหัดครูผู้กำกับลูกเสือในพระบรมราชูปถัมภ์ และโรงเรียนประถมวิสามัญ หญิง จนกระทั่ง โรงเรียนเหล่านี้ย้ายออกไป พระราชวังบ้านปืนจึงถูกทิ้งให้รกร้างอีกครั้ง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เมื่อเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ฝ่ายทหารได้ใช้พระราช วังนี้เป็นที่ตั้งกองบัญชาการทหาร ปัจจุบัน โปรดเกล้าฯ พระราชทานให้เป็นที่ตั้งของจังหวัดทหารบก เพชรบุรีและ ต่อมาได้เป็นมณฑลทหารบกที่15 และได้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และศิลปะของจังหวัดเพชรบุรี
Amazing Thailand mapsAmazing Thailand maps
◇ พระรามราชนิเวศน์ หรือ วังบ้านปืน เป็นพระราชวังที่สวยงามและสำคัญทางประวัติศาสตร์ อยู่ในจังหวัดเพชรบุรี ริมแม่น้ำเพชรบุรี ถือเป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักของจังหวัด ◇ ประวัติความเป็นมา ◇ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงมีพระราชประสงค์ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับแรมในฤดูฝน เมื่อเสด็จประพาสจังหวัดเพชรบุรี ◇ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดซื้อที่ดินบริเวณตำบลบ้านปืน และมีพระบรมราชโองการให้ คาร์ล ซีกฟรีด เดอห์ริง (Karl Siegfried Dohring) สถาปนิกชาวเยอรมันผู้ออกแบบวังสำคัญหลายแห่ง เป็นผู้ออกแบบพระที่นั่ง โดยมี ดร.ไบเยอร์ เป็นนายช่างก่อสร้าง ◇ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ◇ และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ทรงเป็นแม่กองควบคุมการก่อสร้าง ◇ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2453 แต่การก่อสร้างดำเนินได้ไม่นาน ก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน ◇ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ดำเนินการสร้างต่อจนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2459 รวมเวลาสร้างเกือบ 7 ปี และโปรดเกล้าฯ ให้มีงานฉลองพระตำหนัก เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2461 ◇ สถาปัตยกรรม ◇ พระรามราชนิเวศน์โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรป บาโรก (Baroque) และ อาร์ตนูโว (Art Nouveau) หรือที่เยอรมันเรียกว่า "จุงเกนสติล" (Jugendstil) ◇ ตัวอาคารเน้นความทันสมัย ไม่เน้นลายปูนปั้นวิจิตรพิสดารเหมือนอาคารอื่นๆ ในสมัยเดียวกัน แต่จะเน้นเรื่องความสูงของหน้าต่าง ความสูงของเพดานที่กว้างเป็นพิเศษ ทำให้พระที่นั่งดูใหญ่โตและอลังการ ◇ หลังคากระเบื้องสีน้ำตาล นำเข้าจากยุโรป ลักษณะคล้ายพระราชวังของพระเจ้าวิลเฮิร์มไกเซอร์แห่งประเทศเยอรมนี ◇ การตกแต่งภายในแต่ละห้อง มีรูปแบบและโทนสีที่แตกต่างกัน เช่น โถงบันไดใช้โทนสีเขียว ห้องเสวยใช้โทนสีเหลือง ◇ ปัจจุบัน พระรามราชนิเวศน์ อยู่ในความดูแลของมณฑลทหารบกที่ 15 และได้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และศิลปะของจังหวัดเพชรบุรี ◇ บริเวณลานหน้าพระที่นั่งวังบ้านปืน ยังเป็นที่ประดิษฐาน ของพระบรมราชานุ สาวรีย์พระปิยมหาราช รัชกาลที่ 5 และมีปืนใหญ่ตั้งอยู่โดยรอบ 4 ทิศ ได้แก่ รามสูรขว้างขวาน, ยมบาลจับสัตว์, ลอยชายเข้าวัง และกำลังเพชรหึง ◇ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ เวลา 08.00 - 16.00 น. บางข้อมูลระบุ 08.00 - 16.30 น. ◇ ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท, เด็ก 10 บาท, นักเรียนนักศึกษาในเครื่องแบบ 5 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท ◇ นอกจากนี้ ภายในบริเวณค่ายพระรามราชนิเวศน์ ยังเปิดให้เป็นสถานที่ออกกำลังกายสำหรับประชาชนอีกด้วย.
See more posts
See more posts
hotel
Find your stay

Pet-friendly Hotels in Phetchaburi Province

Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

พระรามราชนิเวศน์​ (วังบ้านปืน) เคยได้ยินชื่อมานานแต่คิดไปเองว่าเป็นส่วนหนึ่งของเขาวัง​ จึงไม่เคยคิดจะแวะชม​ พระรามราชนิเวศน์​เปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้าชม​ โดยไม่เก็บค่าเข้าชม​ เนื่องจากเคยเป็นที่ประทับของอดีตพระมหากษัตริย์​ จึงควรแต่งตัวสุภาพ​ ไม่ใส่เสื้อแขนกุดและกางเกงขาสั้นเข้าชม​ และห้ามถ่ายรูป​ รูปพระราชวังในบทความนี้​ ไม่ได้ถ่ายเอง​ ใช้ดาวน์โหลดจากเว็บไซต์​ต่างๆที่พอจะค้นหาได้ พระรามราชนิเวศน์ หรือ วังบ้านปืน เป็นประทับแปรพระราชฐานที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อเสด็จประพาสจังหวัดเพชรบุรี ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านปืน ริมแม่น้ำเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี โดยมีคาร์ล ดอห์ริง สถาปนิกชาวเยอรมนีเป็นผู้ออกแบบ ดร.ไบเยอร์ เป็นนายช่างก่อสร้าง พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ (พระยศขณะนั้น) ทรงควบคุมการก่อสร้าง และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมขุนนครสวรรค์วรพินิต (พระยศขณะนั้น) ทรงควบคุมด้านการไฟฟ้า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2453 แต่การก่อสร้างดำเนินได้ไม่นานก็เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ ให้ช่างสร้างต่อจนเสร็จใน พ.ศ. 2459 รวมเวลาสร้างเกือบ 7 ปี และโปรดเกล้าฯ ให้มีงานฉลองพระตำหนักวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2461 ด้วยเหตุที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ที่จะมีพระราชวังนอกพระนครเพื่อประทับค้างแรมได้โดยสะดวก จังหวัดเพชรบุรีที่พระองค์มีพระประสงค์จะให้เป็นพระราชวังที่ใช้ประทับยามหน้าฝน พระองค์จึงมีพระราชโครงการให้ซื้อที่ดินจากชาวบ้านที่เขตบ้านปืน ริมแม่น้ำเพชรบุรี โดยมีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นแม่งานควบคุมการก่อสร้าง และมีพระบัญชาให้ คาร์ล ซีกฟรีด เดอห์ริง (Karl Siegfried Dohring) ผู้เคยออกแบบ วังบางขุนพรหม วังวรดิศ และวังพระองค์เจ้าดิลกนพรัฐมาแล้ว เป็นสถาปนิกออกแบบ นายดอห์ริงได้เลือกผู้ร่วมงานทั้งสถาปนิก วิศวกร และมัณฑนากรเป็นชาวเยอรมันทั้งสิ้น เพื่อการทำงานให้มีศิลปะเป็นแบบเดียวกันพระที่นั่งองค์นี้จึงมีรูปแบบศิลปะตะวันตกอย่างเต็มตัว ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ที่ต้องการพระตำหนักแบบโมเดิร์นสไตล์ สถาปนิกจึงได้ออกแบบมาในลักษณะสถาปัตยกรรมแบบเยอรมัน โดยได้แบบแผนมาจากตำหนักในพระราชวังของพระเจ้าไกเซอร์แห่งเยอรมันที่ทรงเคยประทับ พระที่นั่งได้ใช้ลักษณะทางสถาปัตยกรรมบาโรก (Baroque) และแบบอาร์ต นูโว (Art Nouveau) หรือที่เยอรมันเรียกว่า "จุงเกนสติล" (Jugendstil) โดยจะเน้นความทันสมัยไม่มีลายปูนปั้นวิจิตรพิสดารเหมือนอาคารในสมัยเดียวกัน พระที่นั่งหลังนี้จะเน้นในเรื่องของความสูงของหน้าต่าง ความสูงของเพดานซึ่งกว้างเป็นพิเศษ ทำให้พระที่นั่งดูใหญ่โต โอ่อ่า สง่างาม และตระการตา แผนผังของตัวอาคารสร้างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าล้อมสวนหย่อม มีสระน้ำพุตั้งอยู่ตรงกลาง ส่วนที่ประทับเป็นตึกสองชั้นขนาดใหญ่ หลังคาทรงสูงรูปโดม ภายในเป็นโถงสูงมีบันไดโค้งขึ้นสู่ชั้นสองซึ่งจัดเป็นจุดเด่นของอาคาร เพราะรวมสิ่งน่าชมไว้หลายหลาก ตัวอย่างเช่น เสาที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบและตกแต่งด้วยโลหะ ขัดเงาจากพื้นจดเพดานชั้นสองและประดับด้วยกระเบื้องสีเขียว​ เข้ากันกับบริเวณโดยรอบโถงบันได ที่หัวเสาตาม ราวบันไดโค้งมีตุ๊กตากระเบื้องรูปเด็กในอิริยาบถต่าง ๆ ประดับไว้ รอบบริเวณโถงบันไดชั้นบนยังมีกรอบลูกไม้กระเบื้องเคลือบประดับตามช่องโดยรอบอีกด้วย พระที่นั่งหลังนี้ยังมีสิ่งที่น่าชมอีกมาก กล่าวคือ การตกแต่งภายในแต่ละห้องให้มีรูปลักษณ์แตกต่าง กันไปทั้งสีสันและวัสดุที่ใช้ เช่น บริเวณโถงบันไดใช้โทนสีเขียว ห้อง เสวยใช้โทนสีเหลือง ตกแต่งช่องประตูด้วยเหล็กดัดแบบอาร์ต นูโว และประดับผนังด้วยแผ่นกระเบื้องเคลือบสีเหลืองสด ตัดกรอบด้วยกระเบื้องเขียวเป็นช่อง ๆ ตามแนวยืน โดยกระเบื้องประดับผนังมีลวดลายนูนเป็นรูปสัตว์และพรรณพืชต่าง ๆ แทรกอยู่เป็นระยะ ๆ ห้องพระบรรทมใช้โทนสีทอง โดยตกแต่งเสาในห้องด้วยแผ่นโลหะสีทองขัดเงาดุนลาย หัวเสาเป็นภาพเขียนแจกันดอกไม้หลากสี บนพื้นครึ่งวงกลมสีทอง ดูสง่างามและมลังเมลือง การก่อสร้างพระที่นั่งแห่งนี้ มาสำเร็จในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2461 และพระราชทานนามว่า “พระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาท” และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามที่ประทับแห่งใหม่ว่า “พระรามราชนิเวศน์” นอกจากนี้ พระองค์ยังโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงดำเนินการหล่อรูปปั้นพระนารายณ์ทรงปืนเพื่อนำมาประดิษฐานไว้ยังหน้าพระที่นั่ง (ปัจจุบัน รูปปั้นนี้ย้ายมาไว้ยังหน้าพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) แต่คนทั่วไปจะเรียกติดปากว่า "วังบ้านปืน"
ภักดี เลิศรุ่งโรจน์

ภักดี เลิศรุ่งโรจน์

hotel
Find your stay

Affordable Hotels in Phetchaburi Province

Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

Get the Appoverlay
Get the AppOne tap to find yournext favorite spots!
พระราชวังบ้านปืน พระราชวังรามราชนิเวศน์ หรือพระราชวังบ้านปืน พระรามราชนิเวศน์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ฝั่ง ตะวันตกของ แม่น้ำเพชรบุรี ที่บ้านปืน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี เป็นพระราชวังที่มีความงดงาม สวยแปลกตาตาม สไตส์ยุโรป แบบไทยๆสร้างสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีพระราชประสงค์ให้สร้าง พระราชวังแบบยุโรป เพื่อใช้สำหรับแปรพระราชฐานในฤดูฝน สร้างแบบสถาปัตย กรรมยุโรป พระราชวังแห่งนี้ถือ ว่าเป็นพระราชวังที่งดงามแห่งหนึ่งของไทย ลักษณะทางสถาปัตยกรรม พระตำหนักได้ใช้ลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบบาโรค (Baroque) และแบบอาร์ต นูโว (Art Nouveau) หรือที่ เยอรมันเรียกว่าจุงเกนสติล(Jugendstil)ตัวพระตำหนักจะเน้นความทันสมัยโดยจะไม่มีลายปูนปั้น วิจิตรพิศดาร เหมือนอาคารในสมัยเดียวกัน พระตำหนักหลังนี้จะเน้นในเรื่องของความสูงของหน้าต่าง ความสูงของเพดาน ซึ่งกว้างเป็นพิเศษ ทำให้พระตำหนักดูใหญ่โต โอ่อ่า สง่างาม และตระการตา แผนผังของตัวอาคารสร้างเป็น สี่เหลี่ยมผืนผ้าล้อมสวนหย่อม มีสระน้ำพุตั้งอยู่ตรงกลาง ส่วนที่ประทับเป็นตึก สองชั้นขนาดใหญ่ หลังคาทรงสูงรูปโดม ภายในเป็นโถงสูงมีบันไดโค้งขึ้นสู่ชั้นสองซึ่งจัดเป็นจุดเด่นของ พระตำหนักเพราะรวมสิ่งน่าชมไว้หลายหลาก ตัวอย่างเช่น เสาที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบและตกแต่งด้วยโลหะ ขัดเงา เสาเหล่านี้แล่นตลอดจากพื้นจดเพดานชั้นสองและประดับด้วยกระเบื้อง เขียวเข้ากันกับบริเวณ โดยรอบ โถงบันได ที่หัวเสาตาม ราวบันไดโค้งมีตุ๊กตากระเบื้องรูปเด็กในอิริยาบถต่าง ๆ ประดับไว้ รอบบริเวณโถงบันไดชั้น บนยังมีกรอบลูกไม้กระเบื้องเคลือบประดับตามช่องโดยรอบอีกด้วย พระตำหนักหลังนี้ยัง มีสิ่งที่ น่าชมอีกมาก กล่าวคือ การตกแต่งภายในแต่ละห้องให้มีรูปลักษณ์แตกต่าง กันไปทั้ง สีสันและวัสดุที่ใช้ เช่น บริเวณโถงบันไดใช้โทนสีเขียว ห้อง เสวยใช้โทนสีเหลือง ตกแต่งช่องประตูด้วยเหล็กดัด แบบอาร์ต นูโว และประดับผนังด้วยแผ่นกระเบื้องเคลือบสีเหลืองสด ตัดกรอบด้วยกระเบื้องเขียวเป็นช่อง ๆ ตาม แนวยืน โดยกระเบื้องประดับผนังมีลวด ลายนูนเป็นรูปสัตว์และพรรณพืชต่าง ๆ แทรกอยู่เป็นระยะ ๆ ห้องพระ บรรทมใช้โทนสีทอง โดยตกแต่งเสาในห้องด้วยแผ่นโลหะสีทองขัดเงาดุนลาย หัวเสาเป็นภาพเขียนแจกัน ดอกไม้หลากสี บนพื้นครึ่งวงกลมสีทอง ดูสง่างามและมลังเมลือง ประวัติพระราชวังบ้านปืน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนคร สวรรค์วร พินิต ผู้บัญชาการทหารเรือ กับ พระเจ้าน้องยาเธอกรมหลวงดำรงราชานุภาพ (พระยศในขณะนั้น) เป็นแม่กอง ดำเนินการก่อสร้างพระตำหนัก ถนน และสถานที่ต่างๆ และโปรดเกล้าฯ ให้พระยาสุรินทรฤาไชย ผู้ว่าราชการ จังหวัดเพชรบุรีเป็นผู้จ่ายเงินสั่งของและเป็นผู้ตรวจการ ทั้งโปรดเกล้าฯ ให้มิสเตอร์คาล ดอห์ริง นายช่างเยอรมัน เป็นผู้คิดเขียนแบบรูปพระตำหนักตามกระแสพระราชดำริ โดยมี ดอกเตอร์ควดไบเยอร์ ชาวเยอรมัน เป็นนายช่าง ก่อสร้าง นายคลูเซอร์ เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ภายในตำหนักชั้นล่างประกอบด้วย ห้องรอเฝ้า ท้องพระโรงกลาง ห้องเสวย ห้องเครื่อง และห้องเทียบเครื่อง สำหรับชั้นบนประกอบด้วย ห้องพระบรรทมใหญ่ ห้องพระบรรทมพระราชินี ห้องพระบรรทมเจ้าฟ้า และห้องทรงพระอักษรการก่อสร้างพระที่นั่งแห่งนี้ มาสำเร็จในรัชสมัย พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2461 และพระราชทานนามว่า “พระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาท” และทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ เปลี่ยนนาม "พระราชวังบ้านปืน" โดยพระราชทานนามพระราชวังใหม่ว่า “พระรามราชนิเวศน์” นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงดำเนินการหล่อ รูปปั้นพระนารายณ์ทรงปืนเพื่อนำมาประดิษฐานไว้ยังหน้าพระที่นั่ง (ปัจจุบัน รูปปั้นนี้ย้ายมาไว้ยังหน้าพระที่นั่ง พุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) แต่คนทั่วไปจะเรียกติดปากว่าพระราชวังบ้านปืนตามชื่อเดิมของ ถิ่นที่อยู่นั่นเอง แม้ว่าพระรามราชนิเวศน์จะสร้างเสร็จในรัชกาลที่ 6 แต่พระองค์ก็มิได้เสด็จ ประพาสมายัง พระราชวังนี้บ่อยนัก จะเสด็จมาประทับเพื่อทอดพระเนตรการซ้อมเสือป่าบ้าง แต่ก็น้อยครั้งมาก วังนี้จึงเริ่มทรุด โทรมลงเรื่อย ๆ หลังจากนั้น พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ใช้พระราชวังแห่งนี้เป็น โรงเรียนวังพระรามราชนิเวศน์ โรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรม โรงเรียนฝึกหัดครูผู้กำกับลูกเสือในพระบรมราชูปถัมภ์ และโรงเรียนประถมวิสามัญ หญิง จนกระทั่ง โรงเรียนเหล่านี้ย้ายออกไป พระราชวังบ้านปืนจึงถูกทิ้งให้รกร้างอีกครั้ง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เมื่อเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ฝ่ายทหารได้ใช้พระราช วังนี้เป็นที่ตั้งกองบัญชาการทหาร ปัจจุบัน โปรดเกล้าฯ พระราชทานให้เป็นที่ตั้งของจังหวัดทหารบก เพชรบุรีและ ต่อมาได้เป็นมณฑลทหารบกที่15 และได้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และศิลปะของจังหวัดเพชรบุรี
taweechai tankhum

taweechai tankhum

hotel
Find your stay

The Coolest Hotels You Haven't Heard Of (Yet)

Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

hotel
Find your stay

Trending Stays Worth the Hype in Phetchaburi Province

Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

◇ พระรามราชนิเวศน์ หรือ วังบ้านปืน เป็นพระราชวังที่สวยงามและสำคัญทางประวัติศาสตร์ อยู่ในจังหวัดเพชรบุรี ริมแม่น้ำเพชรบุรี ถือเป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักของจังหวัด ◇ ประวัติความเป็นมา ◇ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงมีพระราชประสงค์ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับแรมในฤดูฝน เมื่อเสด็จประพาสจังหวัดเพชรบุรี ◇ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดซื้อที่ดินบริเวณตำบลบ้านปืน และมีพระบรมราชโองการให้ คาร์ล ซีกฟรีด เดอห์ริง (Karl Siegfried Dohring) สถาปนิกชาวเยอรมันผู้ออกแบบวังสำคัญหลายแห่ง เป็นผู้ออกแบบพระที่นั่ง โดยมี ดร.ไบเยอร์ เป็นนายช่างก่อสร้าง ◇ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ◇ และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ทรงเป็นแม่กองควบคุมการก่อสร้าง ◇ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2453 แต่การก่อสร้างดำเนินได้ไม่นาน ก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน ◇ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ดำเนินการสร้างต่อจนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2459 รวมเวลาสร้างเกือบ 7 ปี และโปรดเกล้าฯ ให้มีงานฉลองพระตำหนัก เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2461 ◇ สถาปัตยกรรม ◇ พระรามราชนิเวศน์โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรป บาโรก (Baroque) และ อาร์ตนูโว (Art Nouveau) หรือที่เยอรมันเรียกว่า "จุงเกนสติล" (Jugendstil) ◇ ตัวอาคารเน้นความทันสมัย ไม่เน้นลายปูนปั้นวิจิตรพิสดารเหมือนอาคารอื่นๆ ในสมัยเดียวกัน แต่จะเน้นเรื่องความสูงของหน้าต่าง ความสูงของเพดานที่กว้างเป็นพิเศษ ทำให้พระที่นั่งดูใหญ่โตและอลังการ ◇ หลังคากระเบื้องสีน้ำตาล นำเข้าจากยุโรป ลักษณะคล้ายพระราชวังของพระเจ้าวิลเฮิร์มไกเซอร์แห่งประเทศเยอรมนี ◇ การตกแต่งภายในแต่ละห้อง มีรูปแบบและโทนสีที่แตกต่างกัน เช่น โถงบันไดใช้โทนสีเขียว ห้องเสวยใช้โทนสีเหลือง ◇ ปัจจุบัน พระรามราชนิเวศน์ อยู่ในความดูแลของมณฑลทหารบกที่ 15 และได้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และศิลปะของจังหวัดเพชรบุรี ◇ บริเวณลานหน้าพระที่นั่งวังบ้านปืน ยังเป็นที่ประดิษฐาน ของพระบรมราชานุ สาวรีย์พระปิยมหาราช รัชกาลที่ 5 และมีปืนใหญ่ตั้งอยู่โดยรอบ 4 ทิศ ได้แก่ รามสูรขว้างขวาน, ยมบาลจับสัตว์, ลอยชายเข้าวัง และกำลังเพชรหึง ◇ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ เวลา 08.00 - 16.00 น. บางข้อมูลระบุ 08.00 - 16.30 น. ◇ ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท, เด็ก 10 บาท, นักเรียนนักศึกษาในเครื่องแบบ 5 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท ◇ นอกจากนี้ ภายในบริเวณค่ายพระรามราชนิเวศน์ ยังเปิดให้เป็นสถานที่ออกกำลังกายสำหรับประชาชนอีกด้วย.
Amazing Thailand maps

Amazing Thailand maps

See more posts
See more posts