HTML SitemapExplore
logo
Find Things to DoFind The Best Restaurants

Wat Phummarin Kudi Thong — Attraction in Samut Songkhram Province

Name
Wat Phummarin Kudi Thong
Description
Nearby attractions
King Rama II Museum
อุทยานพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย, ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม, 75110 Thailand
King Rama II Memorial Park
Amphawa, Amphawa District, Samut Songkhram 75110, Thailand
Wat Amphawan Chetiyaram
126 2 Prachaset Road, Amphawa, Amphawa District, Samut Songkhram 75110, Thailand
Amphawa Chai Pattananurak Project
185 - 191, ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม, 75110 75110, Thailand
Nearby restaurants
พวานาวา อัมพวา Phawanawa Cafe&Bistro
27/1 Puang Sombun Rd, Amphawa, Amphawa District, Samut Songkhram 75110, Thailand
Chao Samran Restaurant, Amphawa: Seafood and fish dishes
14 Puang Sombun Rd, Amphawa, Amphawa District, Samut Songkhram 75110, Thailand
Nearby hotels
Panviman Amphawa Garden Resort
218 Hualam Rd, Amphawa, Amphawa District, Samut Songkhram 75110, Thailand
Bankitsada
216 ซอย บ้าน หัวแหลม อัมพวา Amphawa District, Samut Songkhram 75110, Thailand
Baanbenjathip
192/1 ถ บ้าน หัวแหลม อัมพวา Amphawa District, Samut Songkhram 75110, Thailand
Amphawa Riverfront Hotel
27/1 Puang Sombun Rd, Tambon Amphawa, Amphawa District, Samut Songkhram 75110, Thailand
Baan Napak Homestay บ้านน่าพักโฮมสเตย์
23, Amphawa, Amphawa District, Samut Songkhram 75110, Thailand
Amphawa Nanon Hotel & Spa
อัมพวา, 96 Prachaset Road, Tambon Amphawa, Amphawa District, Samut Songkhram 75110, Thailand
Baanloylom farm stay
34, Suan Luang, Amphawa District, Samut Songkhram 75110, Thailand
RoomQuest Rimrabeang at Amphawa
อัมพวา 135 ถนนเลียบคลองอัมพวา Tambon Amphawa, Amphawa District, Samut Songkhram 75110, Thailand
Baan Songsri
Rimmaenam Maeklong 45 Amphawa Market Road Amphawa, Amphawa District, Samut Songkhram 75110, Thailand
Ruean Roi Nam Cupid House
หมู่ 10 22, สวนหลวง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม, 75110 Thailand
Related posts
Keywords
Wat Phummarin Kudi Thong tourism.Wat Phummarin Kudi Thong hotels.Wat Phummarin Kudi Thong bed and breakfast. flights to Wat Phummarin Kudi Thong.Wat Phummarin Kudi Thong attractions.Wat Phummarin Kudi Thong restaurants.Wat Phummarin Kudi Thong travel.Wat Phummarin Kudi Thong travel guide.Wat Phummarin Kudi Thong travel blog.Wat Phummarin Kudi Thong pictures.Wat Phummarin Kudi Thong photos.Wat Phummarin Kudi Thong travel tips.Wat Phummarin Kudi Thong maps.Wat Phummarin Kudi Thong things to do.
Wat Phummarin Kudi Thong things to do, attractions, restaurants, events info and trip planning
Wat Phummarin Kudi Thong
ThailandSamut Songkhram ProvinceWat Phummarin Kudi Thong

Basic Info

Wat Phummarin Kudi Thong

CX92+Q8G, Suan Luang, Amphawa District, Samut Songkhram 75110, Thailand
4.5(547)
Open 24 hours
Save
spot

Ratings & Description

Info

Cultural
Scenic
Family friendly
attractions: King Rama II Museum, King Rama II Memorial Park, Wat Amphawan Chetiyaram, Amphawa Chai Pattananurak Project, restaurants: พวานาวา อัมพวา Phawanawa Cafe&Bistro, Chao Samran Restaurant, Amphawa: Seafood and fish dishes
logoLearn more insights from Wanderboat AI.
Phone
+66 85 827 9185
Website
facebook.com

Plan your stay

hotel
Pet-friendly Hotels in Samut Songkhram Province
Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.
hotel
Affordable Hotels in Samut Songkhram Province
Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.
hotel
The Coolest Hotels You Haven't Heard Of (Yet)
Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.
hotel
Trending Stays Worth the Hype in Samut Songkhram Province
Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

Reviews

Nearby attractions of Wat Phummarin Kudi Thong

King Rama II Museum

King Rama II Memorial Park

Wat Amphawan Chetiyaram

Amphawa Chai Pattananurak Project

King Rama II Museum

King Rama II Museum

4.8

(22)

Open 24 hours
Click for details
King Rama II Memorial Park

King Rama II Memorial Park

4.4

(968)

Open 24 hours
Click for details
Wat Amphawan Chetiyaram

Wat Amphawan Chetiyaram

4.4

(332)

Open 24 hours
Click for details
Amphawa Chai Pattananurak Project

Amphawa Chai Pattananurak Project

4.5

(375)

Open 24 hours
Click for details

Nearby restaurants of Wat Phummarin Kudi Thong

พวานาวา อัมพวา Phawanawa Cafe&Bistro

Chao Samran Restaurant, Amphawa: Seafood and fish dishes

พวานาวา อัมพวา Phawanawa Cafe&Bistro

พวานาวา อัมพวา Phawanawa Cafe&Bistro

5.0

(173)

$

Click for details
Chao Samran Restaurant, Amphawa: Seafood and fish dishes

Chao Samran Restaurant, Amphawa: Seafood and fish dishes

4.2

(428)

Click for details
Get the Appoverlay
Get the AppOne tap to find yournext favorite spots!
Wanderboat LogoWanderboat

Your everyday Al companion for getaway ideas

CompanyAbout Us
InformationAI Trip PlannerSitemap
SocialXInstagramTiktokLinkedin
LegalTerms of ServicePrivacy Policy

Get the app

© 2025 Wanderboat. All rights reserved.
logo

Reviews of Wat Phummarin Kudi Thong

4.5
(547)
avatar
5.0
1y

วัดภุมรินทร์กุฎีทอง เป็นวัดโบราณวัดหนึ่งตั้งอยู่หลังวัดบางนางลี่น้อย จากหลักฐานของกรมการศาสนาปรากฏว่าเริ่มเป็นวัดมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๓๐ ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้าง ต่อมาครอบครัวของนางภู่สามีไม่ปรากฏ ชื่อเป็นเถ้าแก่โรงหีบอ้อยอยู่จังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย ลูกสาว ลูกเขย และเครือญาติได้จัดสร้าง ถาวรวัตถุต่างๆ ให้แก่วัด อาทิ อุโบสถ (ต่อมาสร้างใหม่เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐) ศาลาการเปรียญ กุฏิ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๑ และได้รับวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๖ นางภู่ และครอบครัว (พงษ์พิทักษ์) เดิมมีภูมิลำเนาอยู่ใต้ปากคลองบางจาก ตำบลอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม (บริเวณนี้ สมัยโบราณมีวัดร้าง ชื่อว่า วัดตะลิงปลิง) วัดภุมรินทร์ฯ เป็นวัดเล็กๆ อยู่ด้านหลังวัดบางนางลี่น้อย ต่อมาวัดบางนาลี่น้อยถูกน้ำเซาะพังลงแม่น้ำแม่กลองจึงย้ายกุฎีทอง ซึ่งเหลือเพียงหลังเดียว และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มาไว้ที่วัดภุมรินทร์ฯ เปลี่ยนชื่อวัดใหม่ว่า “วัดภุมรินทร์กุฎีทอง” กุฎีทอง วัดภุมรินทร์ฯ ปัจจุบันจึงเป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะมีความเกี่ยวเนื่องกับกุฎีทองของวัดบางนางลี่กุฎีทอง หรือวัดบางลี่บน (บางลี่น้อย) เพราะวัดนี้มีสมภารรูปหนึ่ง (หลวงพ่อพระปลัดทิม) เป็นที่สนิทสนมกับเศรษฐีทอง มีความเชี่ยวชาญทางโหราศาสตร์ ได้ตรวจดูดวงชะตาของคุณนาก ธิดาของเศรษฐีทองไว้ว่า มีบุญวาสนาสูงจะได้เป็นถึงนางพญามหากษัตริย์ เศรษฐีทองก็ให้คำมั่นว่า ถ้าเป็นจริงจะสร้างกุฎีทองถวาย เศรษฐีทอง และเศรษฐีสั้น ตั้งบ้านเรือนอยู่ในตำบลบางช้าง บริเวณหลังวัดจุฬามณี ท่านเศรษฐีมีบุตรธิดาหลายคน ธิดาคนหนึ่ง ชื่อ นาก เป็นสตรีที่สวยงามเป็นที่เลื่องลือสมัยนั้นตรงกับแผ่นดินพระเจ้าเอกทัศกษัตริย์องค์สุดท้ายของกรุงศรีอยุธยา ตามประเพณีเมื่อมีกษัตริย์ขึ้นครองราชย์ใหม่ บรรดาประเทศราชน้อยใหญ่ก็จะต้องส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวาย และบางแห่งก็พร้อมด้วยพระธิดามาเป็นบาทบริจาริกา บรรดาข้าราชการในราชสำนักก็จะแสวงหาสตรีรูปงามไปถวายเป็น พระสนม บรรดามหาเล็กคนสนิทก็กราบบังคมทูลว่า มีสตรีรูปงามอยู่แขวงบางช้างนางหนึ่งเป็นบุตรีของเศรษฐีบางช้าง จึงโปรดให้เจ้าเมืองราชบุรีไปสู่ขอต่อบิดามารดา สมัยนั้นเมืองแม่กลองเป็นเมืองตรีขึ้นแก่ราชบุรีเมืองโท ท่านเศรษฐีและภรรยาพากันบ่ายเบี่ยงขอถามความสมัครใจของบุตรีก่อน จึงถามความสมัครใจของคุณนากธิดา คุณนากไม่สมัครใจที่จะไปเป็นสนมอยู่ในวัง ตัวท่านเศรษฐีเองก็มีความสงสารธิดาที่จะต้องถูกนำไปกักขังอยู่ในวัง ท่านจึงไปปรึกษาญาติ คือ พระแม่กลองบุรีเจ้าเมืองสมุทรสงคราม บังเอิญพระแม่กลองบุรีมีคนรู้จักอยู่อยุธยา คือ หลวงพินิจอักษร (ทองดี) เสมียนตรากรมมหาดไทยผู้มีหน้าที่ร่างสารตราทุกอย่างในสมัยนั้น จึงพาท่านเศรษฐีทองไปหาหลวงพินิจอักษร นำเรื่องเข้าหารือกันว่าจะทำอย่างไรดี มิให้ธิดาเศรษฐีต้องตกเข้ามาเป็นสนมอยู่ในวัง ฝ่ายหลวงพินิจอักษร ก็เกิดปัญญาว่าบุตรชายของตน คือ นายทองด้วง ได้บวชเรียนแล้ว แต่ยังหามีคู่ครองไม่ รับราชการเป็นมหาดเล็กอยู่ในวัง ถ้าธิดาเศรษฐีบางช้างมาเป็นคู่ครองก็จะเหมาะสมกัน จึงแจ้งอุบายนี้แด่ท่านเศรษฐี และพระยาแม่กลองบุรี ทั้งสองเห็นดีเห็นชอบด้วยจึงตกลงหมั้นหมายกันตามประเพณี ท่านเศรษฐีก็รับหมั้นไว้ หลวงพินิจอักษรก็ทำฎีกากราบบังคมทูลขึ้นไปว่า ธิดาท่านเศรษฐีบางช้างนั้น ตนได้สู่ขอหมั้นหมาย ให้แก่นายทองด้วงบุตรชายไว้แล้ว กำหนดจะทำการวิวาห์มงคลเร็วๆ นี้ ขอพระราชทานให้แก่บุตรชายของตนเสียเถิด พระเจ้าแผ่นดินเป็นเพียงได้ทรงทราบกิติศัพท์แต่ชื่อ มิได้เคยทอดพระเนตรรูปร่างหน้าตาว่างดงามเพียงไรก็มิได้มีความอาลัย จึงทรงพระราชทานอนุญาตให้ทำการวิวาห์มงคลต่อไป ท่านสมภารตรวจดูดวงชะตาของคุณนากโดยถี่ถ้วนแล้ว กล่าวแก่เศรษฐีว่า ธิดาของท่านเศรษฐีคนนี้เป็นคนมีบุญวาสนามากจะได้เป็นนางพญามหากษัตริย์ ยกวงศ์ตระกูลให้เป็นสุขจะได้พึ่งพาแก่คนทั้งหลาย ต่อมาคุณนาก ก็ได้เข้าพิธีวิวาห์กับนายทองด้วงมหาดเล็ก นายทองด้วงได้รับแต่งตั้งเป็น หลวงอร่ามเรืองฤทธิ์ เป็นหลวงยกบัตรเมืองราชบุรี และเมืองสมุทรสงคราม สมัยกรุงธนบุรีได้เป็น พระราชวรินทร์เจ้ากรมพระเจ้าตำรวจซ้าย พระยาอภัยรณฤทธิ์ พระยายมราช พระยาจักรี สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก และพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก คุณนากก็ได้เป็นเอกอัครมเหสีในรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ คือ สมเด็จพระอมรินทรามาตย์ เมื่อได้รำลึกถึงคำมั่นที่ให้ไว้แก่สมภารวัดบางลี่บน ฉะนั้นใน พ.ศ. ๒๓๒๕ เศรษฐีทองจึงได้สร้างกุฎีทองถวายวัดบางลี่บน ๓ หลัง วัดบางลี่บนจึงได้ชื่อต่อมาว่า “วัดบางลี่กุฎีทอง” ต่อมาวัดนี้ได้สูญสิ้นไปแล้วเพราะน้ำเซาะดินพังลงแม่น้ำแม่กลองหมดเหมือนกับวัดอื่นๆ อีกหลายวัดริมแม่น้ำแม่กลอง เหลือกุฎีทองเพียงหลังเดียว จึงได้ย้ายมาปลูกไว้ที่วัดภุมรินทร์ และเรียกชื่อวัดว่า “วัดภุมรินทร์กุฎีทอง” ปัจจุบันกุฎีทองได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ให้ดีขึ้นสวยงาม ภายในยังมีตลาดชุมชนขายสินค้าราคาถูก...

   Read more
avatar
5.0
5y

กุฎีทอง คือเรือนไม้ทรงไทยตกแต่งลวดลายทั้งภายในและภายนอกด้วยลายรดน้ำปิดทองตลอดทั้งหลังจึงทำให้เป็นที่มาของชื่อกุฎีทองแต่เดิมนั้นกุฎีทองตั้งอยู่ที่วัดบางลี่บน ริมแม่น้ำแม่กลองบริเวณที่เป็น ตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามในปัจจุบัน โดยกล่าวกันว่า สมเด็จพระอมรินทรา พระบรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงสร้างถวายเจ้าอาวาส วัดบางลี่บนในราวปี พ.ศ.๒๓๒๕ เนื่องจากสมเด็จพระอมรินทราทรงมีพระนิวาสสถานเดิม ณ บ้านบางช้าง ตำบลอัมพวา และทรงเลื่อมใสศรัทธาท่านเจ้าอาวาสวัดบางลี่มาแต่ครั้งยังทรงพำนักอยู่ที่บ้านบางช้าง เมื่อได้รับการสถาปนา เป็นพระบรมราชินีจึงได้สร้างกุฎีทองถวายเจ้าอาวาสวัดบางลี่บนรวมทั้งหมด ๓ หลังด้วยกัน ครั้นต่อมาภายหลังวัดบางลี่บนได้กลายสภาพเป็นวัดร้างเนื่องจากที่ตั้งของวัดนั้นตั้งอยู่ในบริเวณ ที่เป็นคุ้งน้ำช่วงหักข้อศอกจึงถูกกระแสน้ำกัดเซาะตลิ่งพังกินพื้นที่วัดทำให้วัดเหลือพื้นที่น้อยลงทุกที นานวันเข้าจึงทำความเสียหายให้แก่เสนาสนะต่างๆ ภายในวัด รวมทั้งกุฎีทองที่ได้พังทลายเสียหายลง ๒ หลัง คงเหลืออยู่เพียง ๑ หลัง วัดบางลี่บนจึงกลายเป็นวัดร้างไปในที่สุด จนกระทั่งในราวปี พ.ศ.๒๔๖๘ พระอธิการเกีย เจ้าอาวาสวัดภุมรินทร์จึงได้รื้อกุฎีทอง ที่เหลืออยู่หลังสุดท้ายมาปลูกไว้ที่วัดภุมรินทร์ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง ปากคลองประเวศเพชรภูมิ (ปากคลองบางลี่) ฝั่งตะวันตกของอำเภออัมพวา รวมทั้งยังได้เก็บรวบรวมศาสนวัตถุต่างๆ ที่เคยอยู่ในวัดบางลี่บน อันได้แก่ พระประธานภายในพระอุโบสถ รอยพระพุทธบาทจำลองและพระพุทธรูปต่างๆ มาประดิษฐานไว้ที่วัดภุมรินทร์ด้วยเช่นกัน และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาวัดภุมรินทร์จึงมีชื่อเรียกต่อท้ายว่า วัดภุมรินทร์กุฎีทอง กุฎีทอง เรือนไม้ทรงไทยตกแต่งลวดลายทั้งภายในและภายนอกด้วยลายรดน้ำปิดทองตลอดทั้งหลัง จึงทำให้เป็นที่มาของชื่อกุฎีทอง แต่เดิมนั้นกุฎีทองตั้งอยู่ที่วัดบางลี่บน ริมแม่น้ำแม่กลองบริเวณที่เป็น ตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามในปัจจุบัน โดยกล่าวกันว่า สมเด็จพระอมรินทรา พระบรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงสร้างถวายเจ้าอาวาส วัดบางลี่บนในราวปี พ.ศ.๒๓๒๕ เนื่องจากสมเด็จพระอมรินทราทรงมีพระนิวาสสถานเดิม ณ บ้านบางช้าง ตำบลอัมพวา และทรงเลื่อมใสศรัทธาท่านเจ้าอาวาสวัดบางลี่มาแต่ครั้งยังทรงพำนักอยู่ที่บ้านบางช้าง เมื่อได้รับการสถาปนาเป็นพระบรมราชินีจึงได้สร้างกุฎีทองถวายเจ้าอาวาสวัดบางลี่บนรวมทั้งหมด ๓ หลังด้วยกัน ครั้นต่อมาภายหลังวัดบางลี่บนได้กลายสภาพเป็นวัดร้างเนื่องจากที่ตั้งของวัดนั้นตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นคุ้งน้ำช่วงหักข้อศอกจึงถูกกระแสน้ำกัดเซาะตลิ่งพังกินพื้นที่วัดทำให้วัดเหลือพื้นที่น้อยลงทุกที นานวันเข้าจึงทำความเสียหายให้แก่เสนาสนะต่างๆ ภายในวัด รวมทั้งกุฎีทองที่ได้พังทลายเสียหายลง ๒ หลัง คงเหลืออยู่เพียง ๑ หลัง วัดบางลี่บนจึงกลายเป็นวัดร้างไปในที่สุด

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2563 มีการทอดผ้าป่าทางเรือ โดยไปขึ้นเรือ ณ วัดภุมรินทร์กุฎิทอง โดยล่องเรือไปยังจุดหมายปลายทาง ณ วัดเพชรสมุทร ซึ่งเป็นจุดที่ทุกคนต้องขึ้นจากเรือ...

   Read more
avatar
4.0
27w

วัดภุมรินทร์กุฎีทอง เป็นวัดในพระพุทธศาสนาเถรวาท สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่ ตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม วัดภุมรินทร์กุฎีทองเป็นวัดโบราณ จากหลักฐานของกรมการศาสนา เริ่มเป็นวัดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2330 ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้าง ต่อมากลายเป็นวัดร้าง ภายหลังจึงมีการสร้างขึ้นใหม่

พระอุโบสถ ประดิษฐาน พระประธานนาม พระพุทธรัตนมงคล (หลวงพ่อโต) พระพุทธรูปปูนปั้น ปิดทองปางมารวิชัยและรอยพระพุทธบาทจำลอง

กุฎีทอง คือ เรือนไม้ทรงไทยตกแต่งลวดลายทั้งภายในและภายนอกด้วยลายรดน้ำปิดทองตลอดทั้งหลังจึงทำให้เป็นที่มาของชื่อกุฎีทอง แต่เดิมนั้นกุฎีทองตั้งอยู่ที่วัดบางลี่บน ริมแม่น้ำแม่กลองบริเวณที่เป็น ตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามในปัจจุบัน โดยกล่าวกันว่า สมเด็จพระอมรินทรา พระบรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงสร้างถวายเจ้าอาวาส วัดบางลี่บนในราวปี พ.ศ.๒๓๒๕ เนื่องจากสมเด็จพระอมรินทราทรงมีพระนิวาสสถานเดิม ณ บ้านบางช้าง ตำบลอัมพวา และทรงเลื่อมใสศรัทธาท่านเจ้าอาวาสวัดบางลี่มาแต่ครั้งยังทรงพำนักอยู่ที่บ้านบางช้าง เมื่อได้รับการสถาปนา เป็นพระบรมราชินีจึงได้สร้างกุฎีทองถวายเจ้าอาวาสวัดบางลี่บนรวมทั้งหมด ๓ หลังด้วยกัน ครั้นต่อมาภายหลังวัดบางลี่บนได้กลายสภาพเป็นวัดร้างเนื่องจากที่ตั้งของวัดนั้นตั้งอยู่ในบริเวณ ที่เป็นคุ้งน้ำช่วงหักข้อศอกจึงถูกกระแสน้ำกัดเซาะตลิ่งพังกินพื้นที่วัดทำให้วัดเหลือพื้นที่น้อยลงทุกที นานวันเข้าจึงทำความเสียหายให้แก่เสนาสนะต่างๆ ภายในวัด รวมทั้งกุฎีทองที่ได้พังทลายเสียหายลง ๒ หลัง คงเหลืออยู่เพียง ๑ หลัง วัดบางลี่บนจึงกลายเป็นวัดร้างไปในที่สุด จนกระทั่งในราวปี พ.ศ.๒๔๖๘ พระอธิการเกีย เจ้าอาวาสวัดภุมรินทร์จึงได้รื้อกุฎีทอง ที่เหลืออยู่หลังสุดท้ายมาปลูกไว้ที่วัดภุมรินทร์ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง และมีการสร้างกุฏีทองขึ้นใหม่อีก 2 หลัง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาวัดภุมรินทร์จึงมีชื่อเรียกต่อท้ายว่า วัดภุมรินทร์กุฎีทอง

หลังที่ 1 ประดิษฐาน พระพุทธรูปนาม "หลวงพ่อสัมผัสทิพย์" เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยโลหะสำริด เป็นพระพุทธรูปสมัยปลายอยุธยาดั้งเดิมสันนิษฐานว่าประดิษฐานในวิหารวัดบางลี่บนต่อมาเกิดน้ำท่วมวิหารชำรุดเสียหายพระพุทธรูปก็จมในน้ำนานหลายปีจนกระทั่งชาวบ้านออกหาปลาในคลองบางลี่แล้วก็เวียงแหเพื่อจับปลาปรากฏว่าติดองค์พระพุทธรูปขึ้นมาจึงได้อัญเชิญมาถวายวัดภุมรินทร์ ท้าวเวสสุวรรณปั้นด้วยดินเจ็ดป่าช้า อายุประมาณ 200 ปี ขอพรเรื่องโชคลาภหรือค้าขาย พระพิฆเนศ เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ หลังที่ 2 มีเสาตกน้ำมัน เจ้าแม่ตะเคียนทอง กุมารทอง หลังที่ 3 ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พิพิธภัณฑ์ของวัด มีวัตถุโบราณล้ำค่าจำนวนมาก รวมทั้งเครื่องใช้ต่าง ๆ ของคุณนากที่ได้ถวายวัดบางนางลี่บนไว้

นอกจากนี้วัดภุมรินทร์กุฎีทอง มีสถานฝึกสอนดนตรีไทย...

   Read more
Page 1 of 7
Previous
Next

Posts

Kritanan SritongtaeKritanan Sritongtae
วัดภุมรินทร์กุฎีทอง เป็นวัดโบราณวัดหนึ่งตั้งอยู่หลังวัดบางนางลี่น้อย จากหลักฐานของกรมการศาสนาปรากฏว่าเริ่มเป็นวัดมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๓๐ ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้าง ต่อมาครอบครัวของนางภู่สามีไม่ปรากฏ ชื่อเป็นเถ้าแก่โรงหีบอ้อยอยู่จังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย ลูกสาว ลูกเขย และเครือญาติได้จัดสร้าง ถาวรวัตถุต่างๆ ให้แก่วัด อาทิ อุโบสถ (ต่อมาสร้างใหม่เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐) ศาลาการเปรียญ กุฏิ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๑ และได้รับวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๖ นางภู่ และครอบครัว (พงษ์พิทักษ์) เดิมมีภูมิลำเนาอยู่ใต้ปากคลองบางจาก ตำบลอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม (บริเวณนี้ สมัยโบราณมีวัดร้าง ชื่อว่า วัดตะลิงปลิง) วัดภุมรินทร์ฯ เป็นวัดเล็กๆ อยู่ด้านหลังวัดบางนางลี่น้อย ต่อมาวัดบางนาลี่น้อยถูกน้ำเซาะพังลงแม่น้ำแม่กลองจึงย้ายกุฎีทอง ซึ่งเหลือเพียงหลังเดียว และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มาไว้ที่วัดภุมรินทร์ฯ เปลี่ยนชื่อวัดใหม่ว่า “วัดภุมรินทร์กุฎีทอง” กุฎีทอง วัดภุมรินทร์ฯ ปัจจุบันจึงเป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะมีความเกี่ยวเนื่องกับกุฎีทองของวัดบางนางลี่กุฎีทอง หรือวัดบางลี่บน (บางลี่น้อย) เพราะวัดนี้มีสมภารรูปหนึ่ง (หลวงพ่อพระปลัดทิม) เป็นที่สนิทสนมกับเศรษฐีทอง มีความเชี่ยวชาญทางโหราศาสตร์ ได้ตรวจดูดวงชะตาของคุณนาก ธิดาของเศรษฐีทองไว้ว่า มีบุญวาสนาสูงจะได้เป็นถึงนางพญามหากษัตริย์ เศรษฐีทองก็ให้คำมั่นว่า ถ้าเป็นจริงจะสร้างกุฎีทองถวาย เศรษฐีทอง และเศรษฐีสั้น ตั้งบ้านเรือนอยู่ในตำบลบางช้าง บริเวณหลังวัดจุฬามณี ท่านเศรษฐีมีบุตรธิดาหลายคน ธิดาคนหนึ่ง ชื่อ นาก เป็นสตรีที่สวยงามเป็นที่เลื่องลือสมัยนั้นตรงกับแผ่นดินพระเจ้าเอกทัศกษัตริย์องค์สุดท้ายของกรุงศรีอยุธยา ตามประเพณีเมื่อมีกษัตริย์ขึ้นครองราชย์ใหม่ บรรดาประเทศราชน้อยใหญ่ก็จะต้องส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวาย และบางแห่งก็พร้อมด้วยพระธิดามาเป็นบาทบริจาริกา บรรดาข้าราชการในราชสำนักก็จะแสวงหาสตรีรูปงามไปถวายเป็น พระสนม บรรดามหาเล็กคนสนิทก็กราบบังคมทูลว่า มีสตรีรูปงามอยู่แขวงบางช้างนางหนึ่งเป็นบุตรีของเศรษฐีบางช้าง จึงโปรดให้เจ้าเมืองราชบุรีไปสู่ขอต่อบิดามารดา สมัยนั้นเมืองแม่กลองเป็นเมืองตรีขึ้นแก่ราชบุรีเมืองโท ท่านเศรษฐีและภรรยาพากันบ่ายเบี่ยงขอถามความสมัครใจของบุตรีก่อน จึงถามความสมัครใจของคุณนากธิดา คุณนากไม่สมัครใจที่จะไปเป็นสนมอยู่ในวัง ตัวท่านเศรษฐีเองก็มีความสงสารธิดาที่จะต้องถูกนำไปกักขังอยู่ในวัง ท่านจึงไปปรึกษาญาติ คือ พระแม่กลองบุรีเจ้าเมืองสมุทรสงคราม บังเอิญพระแม่กลองบุรีมีคนรู้จักอยู่อยุธยา คือ หลวงพินิจอักษร (ทองดี) เสมียนตรากรมมหาดไทยผู้มีหน้าที่ร่างสารตราทุกอย่างในสมัยนั้น จึงพาท่านเศรษฐีทองไปหาหลวงพินิจอักษร นำเรื่องเข้าหารือกันว่าจะทำอย่างไรดี มิให้ธิดาเศรษฐีต้องตกเข้ามาเป็นสนมอยู่ในวัง ฝ่ายหลวงพินิจอักษร ก็เกิดปัญญาว่าบุตรชายของตน คือ นายทองด้วง ได้บวชเรียนแล้ว แต่ยังหามีคู่ครองไม่ รับราชการเป็นมหาดเล็กอยู่ในวัง ถ้าธิดาเศรษฐีบางช้างมาเป็นคู่ครองก็จะเหมาะสมกัน จึงแจ้งอุบายนี้แด่ท่านเศรษฐี และพระยาแม่กลองบุรี ทั้งสองเห็นดีเห็นชอบด้วยจึงตกลงหมั้นหมายกันตามประเพณี ท่านเศรษฐีก็รับหมั้นไว้ หลวงพินิจอักษรก็ทำฎีกากราบบังคมทูลขึ้นไปว่า ธิดาท่านเศรษฐีบางช้างนั้น ตนได้สู่ขอหมั้นหมาย ให้แก่นายทองด้วงบุตรชายไว้แล้ว กำหนดจะทำการวิวาห์มงคลเร็วๆ นี้ ขอพระราชทานให้แก่บุตรชายของตนเสียเถิด พระเจ้าแผ่นดินเป็นเพียงได้ทรงทราบกิติศัพท์แต่ชื่อ มิได้เคยทอดพระเนตรรูปร่างหน้าตาว่างดงามเพียงไรก็มิได้มีความอาลัย จึงทรงพระราชทานอนุญาตให้ทำการวิวาห์มงคลต่อไป ท่านสมภารตรวจดูดวงชะตาของคุณนากโดยถี่ถ้วนแล้ว กล่าวแก่เศรษฐีว่า ธิดาของท่านเศรษฐีคนนี้เป็นคนมีบุญวาสนามากจะได้เป็นนางพญามหากษัตริย์ ยกวงศ์ตระกูลให้เป็นสุขจะได้พึ่งพาแก่คนทั้งหลาย ต่อมาคุณนาก ก็ได้เข้าพิธีวิวาห์กับนายทองด้วงมหาดเล็ก นายทองด้วงได้รับแต่งตั้งเป็น หลวงอร่ามเรืองฤทธิ์ เป็นหลวงยกบัตรเมืองราชบุรี และเมืองสมุทรสงคราม สมัยกรุงธนบุรีได้เป็น พระราชวรินทร์เจ้ากรมพระเจ้าตำรวจซ้าย พระยาอภัยรณฤทธิ์ พระยายมราช พระยาจักรี สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก และพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก คุณนากก็ได้เป็นเอกอัครมเหสีในรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ คือ สมเด็จพระอมรินทรามาตย์ เมื่อได้รำลึกถึงคำมั่นที่ให้ไว้แก่สมภารวัดบางลี่บน ฉะนั้นใน พ.ศ. ๒๓๒๕ เศรษฐีทองจึงได้สร้างกุฎีทองถวายวัดบางลี่บน ๓ หลัง วัดบางลี่บนจึงได้ชื่อต่อมาว่า “วัดบางลี่กุฎีทอง” ต่อมาวัดนี้ได้สูญสิ้นไปแล้วเพราะน้ำเซาะดินพังลงแม่น้ำแม่กลองหมดเหมือนกับวัดอื่นๆ อีกหลายวัดริมแม่น้ำแม่กลอง เหลือกุฎีทองเพียงหลังเดียว จึงได้ย้ายมาปลูกไว้ที่วัดภุมรินทร์ และเรียกชื่อวัดว่า “วัดภุมรินทร์กุฎีทอง” ปัจจุบันกุฎีทองได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ให้ดีขึ้นสวยงาม ภายในยังมีตลาดชุมชนขายสินค้าราคาถูก และโรงเรียนสอนดนตรีด้วย
Thanyathip NaowaratchokchaiThanyathip Naowaratchokchai
กุฎีทอง คือเรือนไม้ทรงไทยตกแต่งลวดลายทั้งภายในและภายนอกด้วยลายรดน้ำปิดทองตลอดทั้งหลังจึงทำให้เป็นที่มาของชื่อกุฎีทองแต่เดิมนั้นกุฎีทองตั้งอยู่ที่วัดบางลี่บน ริมแม่น้ำแม่กลองบริเวณที่เป็น ตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามในปัจจุบัน โดยกล่าวกันว่า สมเด็จพระอมรินทรา พระบรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงสร้างถวายเจ้าอาวาส วัดบางลี่บนในราวปี พ.ศ.๒๓๒๕ เนื่องจากสมเด็จพระอมรินทราทรงมีพระนิวาสสถานเดิม ณ บ้านบางช้าง ตำบลอัมพวา และทรงเลื่อมใสศรัทธาท่านเจ้าอาวาสวัดบางลี่มาแต่ครั้งยังทรงพำนักอยู่ที่บ้านบางช้าง เมื่อได้รับการสถาปนา เป็นพระบรมราชินีจึงได้สร้างกุฎีทองถวายเจ้าอาวาสวัดบางลี่บนรวมทั้งหมด ๓ หลังด้วยกัน ครั้นต่อมาภายหลังวัดบางลี่บนได้กลายสภาพเป็นวัดร้างเนื่องจากที่ตั้งของวัดนั้นตั้งอยู่ในบริเวณ ที่เป็นคุ้งน้ำช่วงหักข้อศอกจึงถูกกระแสน้ำกัดเซาะตลิ่งพังกินพื้นที่วัดทำให้วัดเหลือพื้นที่น้อยลงทุกที นานวันเข้าจึงทำความเสียหายให้แก่เสนาสนะต่างๆ ภายในวัด รวมทั้งกุฎีทองที่ได้พังทลายเสียหายลง ๒ หลัง คงเหลืออยู่เพียง ๑ หลัง วัดบางลี่บนจึงกลายเป็นวัดร้างไปในที่สุด จนกระทั่งในราวปี พ.ศ.๒๔๖๘ พระอธิการเกีย เจ้าอาวาสวัดภุมรินทร์จึงได้รื้อกุฎีทอง ที่เหลืออยู่หลังสุดท้ายมาปลูกไว้ที่วัดภุมรินทร์ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง ปากคลองประเวศเพชรภูมิ (ปากคลองบางลี่) ฝั่งตะวันตกของอำเภออัมพวา รวมทั้งยังได้เก็บรวบรวมศาสนวัตถุต่างๆ ที่เคยอยู่ในวัดบางลี่บน อันได้แก่ พระประธานภายในพระอุโบสถ รอยพระพุทธบาทจำลองและพระพุทธรูปต่างๆ มาประดิษฐานไว้ที่วัดภุมรินทร์ด้วยเช่นกัน และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาวัดภุมรินทร์จึงมีชื่อเรียกต่อท้ายว่า วัดภุมรินทร์กุฎีทอง กุฎีทอง เรือนไม้ทรงไทยตกแต่งลวดลายทั้งภายในและภายนอกด้วยลายรดน้ำปิดทองตลอดทั้งหลัง จึงทำให้เป็นที่มาของชื่อกุฎีทอง แต่เดิมนั้นกุฎีทองตั้งอยู่ที่วัดบางลี่บน ริมแม่น้ำแม่กลองบริเวณที่เป็น ตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามในปัจจุบัน โดยกล่าวกันว่า สมเด็จพระอมรินทรา พระบรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงสร้างถวายเจ้าอาวาส วัดบางลี่บนในราวปี พ.ศ.๒๓๒๕ เนื่องจากสมเด็จพระอมรินทราทรงมีพระนิวาสสถานเดิม ณ บ้านบางช้าง ตำบลอัมพวา และทรงเลื่อมใสศรัทธาท่านเจ้าอาวาสวัดบางลี่มาแต่ครั้งยังทรงพำนักอยู่ที่บ้านบางช้าง เมื่อได้รับการสถาปนาเป็นพระบรมราชินีจึงได้สร้างกุฎีทองถวายเจ้าอาวาสวัดบางลี่บนรวมทั้งหมด ๓ หลังด้วยกัน ครั้นต่อมาภายหลังวัดบางลี่บนได้กลายสภาพเป็นวัดร้างเนื่องจากที่ตั้งของวัดนั้นตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นคุ้งน้ำช่วงหักข้อศอกจึงถูกกระแสน้ำกัดเซาะตลิ่งพังกินพื้นที่วัดทำให้วัดเหลือพื้นที่น้อยลงทุกที นานวันเข้าจึงทำความเสียหายให้แก่เสนาสนะต่างๆ ภายในวัด รวมทั้งกุฎีทองที่ได้พังทลายเสียหายลง ๒ หลัง คงเหลืออยู่เพียง ๑ หลัง วัดบางลี่บนจึงกลายเป็นวัดร้างไปในที่สุด เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2563 มีการทอดผ้าป่าทางเรือ โดยไปขึ้นเรือ ณ วัดภุมรินทร์กุฎิทอง โดยล่องเรือไปยังจุดหมายปลายทาง ณ วัดเพชรสมุทร ซึ่งเป็นจุดที่ทุกคนต้องขึ้นจากเรือ แล้วเดินขบวนทอดผ้าป่าต่อไปที่วัดป้อมแก้ว
Chanthawat BoonprasertsriChanthawat Boonprasertsri
วัดภุมรินทร์กุฎีทอง เป็นวัดในพระพุทธศาสนาเถรวาท สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่ ตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม วัดภุมรินทร์กุฎีทองเป็นวัดโบราณ จากหลักฐานของกรมการศาสนา เริ่มเป็นวัดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2330 ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้าง ต่อมากลายเป็นวัดร้าง ภายหลังจึงมีการสร้างขึ้นใหม่ 1. พระอุโบสถ ประดิษฐาน พระประธานนาม พระพุทธรัตนมงคล (หลวงพ่อโต) พระพุทธรูปปูนปั้น ปิดทองปางมารวิชัยและรอยพระพุทธบาทจำลอง 2. กุฎีทอง คือ เรือนไม้ทรงไทยตกแต่งลวดลายทั้งภายในและภายนอกด้วยลายรดน้ำปิดทองตลอดทั้งหลังจึงทำให้เป็นที่มาของชื่อกุฎีทอง แต่เดิมนั้นกุฎีทองตั้งอยู่ที่วัดบางลี่บน ริมแม่น้ำแม่กลองบริเวณที่เป็น ตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามในปัจจุบัน โดยกล่าวกันว่า สมเด็จพระอมรินทรา พระบรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงสร้างถวายเจ้าอาวาส วัดบางลี่บนในราวปี พ.ศ.๒๓๒๕ เนื่องจากสมเด็จพระอมรินทราทรงมีพระนิวาสสถานเดิม ณ บ้านบางช้าง ตำบลอัมพวา และทรงเลื่อมใสศรัทธาท่านเจ้าอาวาสวัดบางลี่มาแต่ครั้งยังทรงพำนักอยู่ที่บ้านบางช้าง เมื่อได้รับการสถาปนา เป็นพระบรมราชินีจึงได้สร้างกุฎีทองถวายเจ้าอาวาสวัดบางลี่บนรวมทั้งหมด ๓ หลังด้วยกัน ครั้นต่อมาภายหลังวัดบางลี่บนได้กลายสภาพเป็นวัดร้างเนื่องจากที่ตั้งของวัดนั้นตั้งอยู่ในบริเวณ ที่เป็นคุ้งน้ำช่วงหักข้อศอกจึงถูกกระแสน้ำกัดเซาะตลิ่งพังกินพื้นที่วัดทำให้วัดเหลือพื้นที่น้อยลงทุกที นานวันเข้าจึงทำความเสียหายให้แก่เสนาสนะต่างๆ ภายในวัด รวมทั้งกุฎีทองที่ได้พังทลายเสียหายลง ๒ หลัง คงเหลืออยู่เพียง ๑ หลัง วัดบางลี่บนจึงกลายเป็นวัดร้างไปในที่สุด จนกระทั่งในราวปี พ.ศ.๒๔๖๘ พระอธิการเกีย เจ้าอาวาสวัดภุมรินทร์จึงได้รื้อกุฎีทอง ที่เหลืออยู่หลังสุดท้ายมาปลูกไว้ที่วัดภุมรินทร์ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง และมีการสร้างกุฏีทองขึ้นใหม่อีก 2 หลัง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาวัดภุมรินทร์จึงมีชื่อเรียกต่อท้ายว่า วัดภุมรินทร์กุฎีทอง หลังที่ 1 ประดิษฐาน - พระพุทธรูปนาม "หลวงพ่อสัมผัสทิพย์" เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยโลหะสำริด เป็นพระพุทธรูปสมัยปลายอยุธยาดั้งเดิมสันนิษฐานว่าประดิษฐานในวิหารวัดบางลี่บนต่อมาเกิดน้ำท่วมวิหารชำรุดเสียหายพระพุทธรูปก็จมในน้ำนานหลายปีจนกระทั่งชาวบ้านออกหาปลาในคลองบางลี่แล้วก็เวียงแหเพื่อจับปลาปรากฏว่าติดองค์พระพุทธรูปขึ้นมาจึงได้อัญเชิญมาถวายวัดภุมรินทร์ - ท้าวเวสสุวรรณปั้นด้วยดินเจ็ดป่าช้า อายุประมาณ 200 ปี ขอพรเรื่องโชคลาภหรือค้าขาย - พระพิฆเนศ เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ หลังที่ 2 มีเสาตกน้ำมัน เจ้าแม่ตะเคียนทอง กุมารทอง หลังที่ 3 ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พิพิธภัณฑ์ของวัด มีวัตถุโบราณล้ำค่าจำนวนมาก รวมทั้งเครื่องใช้ต่าง ๆ ของคุณนากที่ได้ถวายวัดบางนางลี่บนไว้ นอกจากนี้วัดภุมรินทร์กุฎีทอง มีสถานฝึกสอนดนตรีไทย ชื่อบ้านดนตรี
See more posts
See more posts
hotel
Find your stay

Pet-friendly Hotels in Samut Songkhram Province

Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

วัดภุมรินทร์กุฎีทอง เป็นวัดโบราณวัดหนึ่งตั้งอยู่หลังวัดบางนางลี่น้อย จากหลักฐานของกรมการศาสนาปรากฏว่าเริ่มเป็นวัดมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๓๐ ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้าง ต่อมาครอบครัวของนางภู่สามีไม่ปรากฏ ชื่อเป็นเถ้าแก่โรงหีบอ้อยอยู่จังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย ลูกสาว ลูกเขย และเครือญาติได้จัดสร้าง ถาวรวัตถุต่างๆ ให้แก่วัด อาทิ อุโบสถ (ต่อมาสร้างใหม่เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐) ศาลาการเปรียญ กุฏิ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๑ และได้รับวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๖ นางภู่ และครอบครัว (พงษ์พิทักษ์) เดิมมีภูมิลำเนาอยู่ใต้ปากคลองบางจาก ตำบลอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม (บริเวณนี้ สมัยโบราณมีวัดร้าง ชื่อว่า วัดตะลิงปลิง) วัดภุมรินทร์ฯ เป็นวัดเล็กๆ อยู่ด้านหลังวัดบางนางลี่น้อย ต่อมาวัดบางนาลี่น้อยถูกน้ำเซาะพังลงแม่น้ำแม่กลองจึงย้ายกุฎีทอง ซึ่งเหลือเพียงหลังเดียว และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มาไว้ที่วัดภุมรินทร์ฯ เปลี่ยนชื่อวัดใหม่ว่า “วัดภุมรินทร์กุฎีทอง” กุฎีทอง วัดภุมรินทร์ฯ ปัจจุบันจึงเป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะมีความเกี่ยวเนื่องกับกุฎีทองของวัดบางนางลี่กุฎีทอง หรือวัดบางลี่บน (บางลี่น้อย) เพราะวัดนี้มีสมภารรูปหนึ่ง (หลวงพ่อพระปลัดทิม) เป็นที่สนิทสนมกับเศรษฐีทอง มีความเชี่ยวชาญทางโหราศาสตร์ ได้ตรวจดูดวงชะตาของคุณนาก ธิดาของเศรษฐีทองไว้ว่า มีบุญวาสนาสูงจะได้เป็นถึงนางพญามหากษัตริย์ เศรษฐีทองก็ให้คำมั่นว่า ถ้าเป็นจริงจะสร้างกุฎีทองถวาย เศรษฐีทอง และเศรษฐีสั้น ตั้งบ้านเรือนอยู่ในตำบลบางช้าง บริเวณหลังวัดจุฬามณี ท่านเศรษฐีมีบุตรธิดาหลายคน ธิดาคนหนึ่ง ชื่อ นาก เป็นสตรีที่สวยงามเป็นที่เลื่องลือสมัยนั้นตรงกับแผ่นดินพระเจ้าเอกทัศกษัตริย์องค์สุดท้ายของกรุงศรีอยุธยา ตามประเพณีเมื่อมีกษัตริย์ขึ้นครองราชย์ใหม่ บรรดาประเทศราชน้อยใหญ่ก็จะต้องส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวาย และบางแห่งก็พร้อมด้วยพระธิดามาเป็นบาทบริจาริกา บรรดาข้าราชการในราชสำนักก็จะแสวงหาสตรีรูปงามไปถวายเป็น พระสนม บรรดามหาเล็กคนสนิทก็กราบบังคมทูลว่า มีสตรีรูปงามอยู่แขวงบางช้างนางหนึ่งเป็นบุตรีของเศรษฐีบางช้าง จึงโปรดให้เจ้าเมืองราชบุรีไปสู่ขอต่อบิดามารดา สมัยนั้นเมืองแม่กลองเป็นเมืองตรีขึ้นแก่ราชบุรีเมืองโท ท่านเศรษฐีและภรรยาพากันบ่ายเบี่ยงขอถามความสมัครใจของบุตรีก่อน จึงถามความสมัครใจของคุณนากธิดา คุณนากไม่สมัครใจที่จะไปเป็นสนมอยู่ในวัง ตัวท่านเศรษฐีเองก็มีความสงสารธิดาที่จะต้องถูกนำไปกักขังอยู่ในวัง ท่านจึงไปปรึกษาญาติ คือ พระแม่กลองบุรีเจ้าเมืองสมุทรสงคราม บังเอิญพระแม่กลองบุรีมีคนรู้จักอยู่อยุธยา คือ หลวงพินิจอักษร (ทองดี) เสมียนตรากรมมหาดไทยผู้มีหน้าที่ร่างสารตราทุกอย่างในสมัยนั้น จึงพาท่านเศรษฐีทองไปหาหลวงพินิจอักษร นำเรื่องเข้าหารือกันว่าจะทำอย่างไรดี มิให้ธิดาเศรษฐีต้องตกเข้ามาเป็นสนมอยู่ในวัง ฝ่ายหลวงพินิจอักษร ก็เกิดปัญญาว่าบุตรชายของตน คือ นายทองด้วง ได้บวชเรียนแล้ว แต่ยังหามีคู่ครองไม่ รับราชการเป็นมหาดเล็กอยู่ในวัง ถ้าธิดาเศรษฐีบางช้างมาเป็นคู่ครองก็จะเหมาะสมกัน จึงแจ้งอุบายนี้แด่ท่านเศรษฐี และพระยาแม่กลองบุรี ทั้งสองเห็นดีเห็นชอบด้วยจึงตกลงหมั้นหมายกันตามประเพณี ท่านเศรษฐีก็รับหมั้นไว้ หลวงพินิจอักษรก็ทำฎีกากราบบังคมทูลขึ้นไปว่า ธิดาท่านเศรษฐีบางช้างนั้น ตนได้สู่ขอหมั้นหมาย ให้แก่นายทองด้วงบุตรชายไว้แล้ว กำหนดจะทำการวิวาห์มงคลเร็วๆ นี้ ขอพระราชทานให้แก่บุตรชายของตนเสียเถิด พระเจ้าแผ่นดินเป็นเพียงได้ทรงทราบกิติศัพท์แต่ชื่อ มิได้เคยทอดพระเนตรรูปร่างหน้าตาว่างดงามเพียงไรก็มิได้มีความอาลัย จึงทรงพระราชทานอนุญาตให้ทำการวิวาห์มงคลต่อไป ท่านสมภารตรวจดูดวงชะตาของคุณนากโดยถี่ถ้วนแล้ว กล่าวแก่เศรษฐีว่า ธิดาของท่านเศรษฐีคนนี้เป็นคนมีบุญวาสนามากจะได้เป็นนางพญามหากษัตริย์ ยกวงศ์ตระกูลให้เป็นสุขจะได้พึ่งพาแก่คนทั้งหลาย ต่อมาคุณนาก ก็ได้เข้าพิธีวิวาห์กับนายทองด้วงมหาดเล็ก นายทองด้วงได้รับแต่งตั้งเป็น หลวงอร่ามเรืองฤทธิ์ เป็นหลวงยกบัตรเมืองราชบุรี และเมืองสมุทรสงคราม สมัยกรุงธนบุรีได้เป็น พระราชวรินทร์เจ้ากรมพระเจ้าตำรวจซ้าย พระยาอภัยรณฤทธิ์ พระยายมราช พระยาจักรี สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก และพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก คุณนากก็ได้เป็นเอกอัครมเหสีในรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ คือ สมเด็จพระอมรินทรามาตย์ เมื่อได้รำลึกถึงคำมั่นที่ให้ไว้แก่สมภารวัดบางลี่บน ฉะนั้นใน พ.ศ. ๒๓๒๕ เศรษฐีทองจึงได้สร้างกุฎีทองถวายวัดบางลี่บน ๓ หลัง วัดบางลี่บนจึงได้ชื่อต่อมาว่า “วัดบางลี่กุฎีทอง” ต่อมาวัดนี้ได้สูญสิ้นไปแล้วเพราะน้ำเซาะดินพังลงแม่น้ำแม่กลองหมดเหมือนกับวัดอื่นๆ อีกหลายวัดริมแม่น้ำแม่กลอง เหลือกุฎีทองเพียงหลังเดียว จึงได้ย้ายมาปลูกไว้ที่วัดภุมรินทร์ และเรียกชื่อวัดว่า “วัดภุมรินทร์กุฎีทอง” ปัจจุบันกุฎีทองได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ให้ดีขึ้นสวยงาม ภายในยังมีตลาดชุมชนขายสินค้าราคาถูก และโรงเรียนสอนดนตรีด้วย
Kritanan Sritongtae

Kritanan Sritongtae

hotel
Find your stay

Affordable Hotels in Samut Songkhram Province

Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

Get the Appoverlay
Get the AppOne tap to find yournext favorite spots!
กุฎีทอง คือเรือนไม้ทรงไทยตกแต่งลวดลายทั้งภายในและภายนอกด้วยลายรดน้ำปิดทองตลอดทั้งหลังจึงทำให้เป็นที่มาของชื่อกุฎีทองแต่เดิมนั้นกุฎีทองตั้งอยู่ที่วัดบางลี่บน ริมแม่น้ำแม่กลองบริเวณที่เป็น ตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามในปัจจุบัน โดยกล่าวกันว่า สมเด็จพระอมรินทรา พระบรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงสร้างถวายเจ้าอาวาส วัดบางลี่บนในราวปี พ.ศ.๒๓๒๕ เนื่องจากสมเด็จพระอมรินทราทรงมีพระนิวาสสถานเดิม ณ บ้านบางช้าง ตำบลอัมพวา และทรงเลื่อมใสศรัทธาท่านเจ้าอาวาสวัดบางลี่มาแต่ครั้งยังทรงพำนักอยู่ที่บ้านบางช้าง เมื่อได้รับการสถาปนา เป็นพระบรมราชินีจึงได้สร้างกุฎีทองถวายเจ้าอาวาสวัดบางลี่บนรวมทั้งหมด ๓ หลังด้วยกัน ครั้นต่อมาภายหลังวัดบางลี่บนได้กลายสภาพเป็นวัดร้างเนื่องจากที่ตั้งของวัดนั้นตั้งอยู่ในบริเวณ ที่เป็นคุ้งน้ำช่วงหักข้อศอกจึงถูกกระแสน้ำกัดเซาะตลิ่งพังกินพื้นที่วัดทำให้วัดเหลือพื้นที่น้อยลงทุกที นานวันเข้าจึงทำความเสียหายให้แก่เสนาสนะต่างๆ ภายในวัด รวมทั้งกุฎีทองที่ได้พังทลายเสียหายลง ๒ หลัง คงเหลืออยู่เพียง ๑ หลัง วัดบางลี่บนจึงกลายเป็นวัดร้างไปในที่สุด จนกระทั่งในราวปี พ.ศ.๒๔๖๘ พระอธิการเกีย เจ้าอาวาสวัดภุมรินทร์จึงได้รื้อกุฎีทอง ที่เหลืออยู่หลังสุดท้ายมาปลูกไว้ที่วัดภุมรินทร์ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง ปากคลองประเวศเพชรภูมิ (ปากคลองบางลี่) ฝั่งตะวันตกของอำเภออัมพวา รวมทั้งยังได้เก็บรวบรวมศาสนวัตถุต่างๆ ที่เคยอยู่ในวัดบางลี่บน อันได้แก่ พระประธานภายในพระอุโบสถ รอยพระพุทธบาทจำลองและพระพุทธรูปต่างๆ มาประดิษฐานไว้ที่วัดภุมรินทร์ด้วยเช่นกัน และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาวัดภุมรินทร์จึงมีชื่อเรียกต่อท้ายว่า วัดภุมรินทร์กุฎีทอง กุฎีทอง เรือนไม้ทรงไทยตกแต่งลวดลายทั้งภายในและภายนอกด้วยลายรดน้ำปิดทองตลอดทั้งหลัง จึงทำให้เป็นที่มาของชื่อกุฎีทอง แต่เดิมนั้นกุฎีทองตั้งอยู่ที่วัดบางลี่บน ริมแม่น้ำแม่กลองบริเวณที่เป็น ตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามในปัจจุบัน โดยกล่าวกันว่า สมเด็จพระอมรินทรา พระบรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงสร้างถวายเจ้าอาวาส วัดบางลี่บนในราวปี พ.ศ.๒๓๒๕ เนื่องจากสมเด็จพระอมรินทราทรงมีพระนิวาสสถานเดิม ณ บ้านบางช้าง ตำบลอัมพวา และทรงเลื่อมใสศรัทธาท่านเจ้าอาวาสวัดบางลี่มาแต่ครั้งยังทรงพำนักอยู่ที่บ้านบางช้าง เมื่อได้รับการสถาปนาเป็นพระบรมราชินีจึงได้สร้างกุฎีทองถวายเจ้าอาวาสวัดบางลี่บนรวมทั้งหมด ๓ หลังด้วยกัน ครั้นต่อมาภายหลังวัดบางลี่บนได้กลายสภาพเป็นวัดร้างเนื่องจากที่ตั้งของวัดนั้นตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นคุ้งน้ำช่วงหักข้อศอกจึงถูกกระแสน้ำกัดเซาะตลิ่งพังกินพื้นที่วัดทำให้วัดเหลือพื้นที่น้อยลงทุกที นานวันเข้าจึงทำความเสียหายให้แก่เสนาสนะต่างๆ ภายในวัด รวมทั้งกุฎีทองที่ได้พังทลายเสียหายลง ๒ หลัง คงเหลืออยู่เพียง ๑ หลัง วัดบางลี่บนจึงกลายเป็นวัดร้างไปในที่สุด เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2563 มีการทอดผ้าป่าทางเรือ โดยไปขึ้นเรือ ณ วัดภุมรินทร์กุฎิทอง โดยล่องเรือไปยังจุดหมายปลายทาง ณ วัดเพชรสมุทร ซึ่งเป็นจุดที่ทุกคนต้องขึ้นจากเรือ แล้วเดินขบวนทอดผ้าป่าต่อไปที่วัดป้อมแก้ว
Thanyathip Naowaratchokchai

Thanyathip Naowaratchokchai

hotel
Find your stay

The Coolest Hotels You Haven't Heard Of (Yet)

Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

hotel
Find your stay

Trending Stays Worth the Hype in Samut Songkhram Province

Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

วัดภุมรินทร์กุฎีทอง เป็นวัดในพระพุทธศาสนาเถรวาท สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่ ตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม วัดภุมรินทร์กุฎีทองเป็นวัดโบราณ จากหลักฐานของกรมการศาสนา เริ่มเป็นวัดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2330 ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้าง ต่อมากลายเป็นวัดร้าง ภายหลังจึงมีการสร้างขึ้นใหม่ 1. พระอุโบสถ ประดิษฐาน พระประธานนาม พระพุทธรัตนมงคล (หลวงพ่อโต) พระพุทธรูปปูนปั้น ปิดทองปางมารวิชัยและรอยพระพุทธบาทจำลอง 2. กุฎีทอง คือ เรือนไม้ทรงไทยตกแต่งลวดลายทั้งภายในและภายนอกด้วยลายรดน้ำปิดทองตลอดทั้งหลังจึงทำให้เป็นที่มาของชื่อกุฎีทอง แต่เดิมนั้นกุฎีทองตั้งอยู่ที่วัดบางลี่บน ริมแม่น้ำแม่กลองบริเวณที่เป็น ตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามในปัจจุบัน โดยกล่าวกันว่า สมเด็จพระอมรินทรา พระบรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงสร้างถวายเจ้าอาวาส วัดบางลี่บนในราวปี พ.ศ.๒๓๒๕ เนื่องจากสมเด็จพระอมรินทราทรงมีพระนิวาสสถานเดิม ณ บ้านบางช้าง ตำบลอัมพวา และทรงเลื่อมใสศรัทธาท่านเจ้าอาวาสวัดบางลี่มาแต่ครั้งยังทรงพำนักอยู่ที่บ้านบางช้าง เมื่อได้รับการสถาปนา เป็นพระบรมราชินีจึงได้สร้างกุฎีทองถวายเจ้าอาวาสวัดบางลี่บนรวมทั้งหมด ๓ หลังด้วยกัน ครั้นต่อมาภายหลังวัดบางลี่บนได้กลายสภาพเป็นวัดร้างเนื่องจากที่ตั้งของวัดนั้นตั้งอยู่ในบริเวณ ที่เป็นคุ้งน้ำช่วงหักข้อศอกจึงถูกกระแสน้ำกัดเซาะตลิ่งพังกินพื้นที่วัดทำให้วัดเหลือพื้นที่น้อยลงทุกที นานวันเข้าจึงทำความเสียหายให้แก่เสนาสนะต่างๆ ภายในวัด รวมทั้งกุฎีทองที่ได้พังทลายเสียหายลง ๒ หลัง คงเหลืออยู่เพียง ๑ หลัง วัดบางลี่บนจึงกลายเป็นวัดร้างไปในที่สุด จนกระทั่งในราวปี พ.ศ.๒๔๖๘ พระอธิการเกีย เจ้าอาวาสวัดภุมรินทร์จึงได้รื้อกุฎีทอง ที่เหลืออยู่หลังสุดท้ายมาปลูกไว้ที่วัดภุมรินทร์ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง และมีการสร้างกุฏีทองขึ้นใหม่อีก 2 หลัง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาวัดภุมรินทร์จึงมีชื่อเรียกต่อท้ายว่า วัดภุมรินทร์กุฎีทอง หลังที่ 1 ประดิษฐาน - พระพุทธรูปนาม "หลวงพ่อสัมผัสทิพย์" เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยโลหะสำริด เป็นพระพุทธรูปสมัยปลายอยุธยาดั้งเดิมสันนิษฐานว่าประดิษฐานในวิหารวัดบางลี่บนต่อมาเกิดน้ำท่วมวิหารชำรุดเสียหายพระพุทธรูปก็จมในน้ำนานหลายปีจนกระทั่งชาวบ้านออกหาปลาในคลองบางลี่แล้วก็เวียงแหเพื่อจับปลาปรากฏว่าติดองค์พระพุทธรูปขึ้นมาจึงได้อัญเชิญมาถวายวัดภุมรินทร์ - ท้าวเวสสุวรรณปั้นด้วยดินเจ็ดป่าช้า อายุประมาณ 200 ปี ขอพรเรื่องโชคลาภหรือค้าขาย - พระพิฆเนศ เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ หลังที่ 2 มีเสาตกน้ำมัน เจ้าแม่ตะเคียนทอง กุมารทอง หลังที่ 3 ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พิพิธภัณฑ์ของวัด มีวัตถุโบราณล้ำค่าจำนวนมาก รวมทั้งเครื่องใช้ต่าง ๆ ของคุณนากที่ได้ถวายวัดบางนางลี่บนไว้ นอกจากนี้วัดภุมรินทร์กุฎีทอง มีสถานฝึกสอนดนตรีไทย ชื่อบ้านดนตรี
Chanthawat Boonprasertsri

Chanthawat Boonprasertsri

See more posts
See more posts