รีวิวย้อนหลังเคยมาเที่ยว มากราบรูปหล่อหลวงพ่อธรรมโชติและรูปหล่อฮีโร่ของชาวไทยแห่งบ้านบางระจัน ส่วนประวัติก็ตามนี้ครับ
วัดโพธิ์เก้าต้นเป็นวัดอยู่ที่อำเภอค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี อยู่ตรงข้ามกับอุทยาน ค่ายบางระจัน วัดนี้เป็น วัดสำคัญวัดหนึ่ง ซึ่งภายในมีวิหารพระอาจารย์ธรรมโชติ ซึ่งภายในประดิษฐานรูปปฏิมากรรม พระอาจารย์ธรรมโชติเป็นที่เคารพสักการะของชาวสิงห์บุรีโดยทั่วไปพระอาจารย์ธรรมโชติ ท่านเป็นพระที่เป็นมิ่งขวัญและพลังใจแก่ วีระชนชาวบ้าน บางระจันที่ทำให้วีระชนเข้าต่อสู้ป้องกันข้าศึกและได้รับชัยชนะ ใกล้ๆกับวิหารพระอาจารย์ธรรมโชติมีต้นไม้แดงอยู่ต้นหนึ่งซึ่งมีอายุ ยืนยาวมาก เพิ่งตายไปเมื่อไม่นานนี้ ในบางครั้ง ชาวบ้านมักเรียก วัดนี้ว่า วัดไม้แดง บริเวณวัดโพธิ์เก้าต้น(วัดไม้แดง) แห่งนี้เป็นบริเวณ ที่พระอาจารย์ธรรมโชติ แห่งวัดเขาขึ้น(เขาบวช) เลือกเอาเป็น ทำเลที่ตั้งค่าย เพราะเป็นที่ดอนมีลำธารไหลผ่านหน้าวัดจากทิศ ตะวันตกสู่ทิศตะวันออก และอีกสายหนึ่งมาจาก ทิศเหนือไหลล่อง ลงใต้ตัดกันตรงบ้านวังกา ถ้ามองทางทิศใต้จะดูคล้ายเกาะ ข้าศึกตีได้ยาก น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ พระอาจารย์ธรรมโชติได้รวบรวม ชาวบ้าน และบรรดาศิษย์ช่วยกันสร้างค่ายขึ้นสองค่าย คือ ค่ายใหญ่ กินบริเวณวัดโพธิ์เก้าต้น และอุทยาน ค่ายบางระจันทั้งหมด ส่วนค่ายเล็กอยู่บริเวณวัดประโยชน์ (ที่ตั้งที่ว่าการอำเภอ ค่ายบางระจันปัจจุบัน) ค่ายทั้งสองมีปีกกา ติดต่อถึงกันได้ ค่ายทั้งสองนี้สามารถรบกับพม่าข้าศึก ได้รับชัยชนะถึงเจ็ดครั้ง จนกระทั่งการรบครั้งที่แปดค่ายจึงแตก รวมเวลาตั้งค่ายอยู่ได้ถึงห้าเดือน
ประวัติของบุคคลสำคัญในบางระจัน นายพันเรือง เป็นหัวหน้าหมู่บ้านและนายพันเรืองยังเป็นผู้ออกความคิดหล่อปืนใหญ่ เพื่อยิงทำลายค่ายพม่า จึงชวนชาวบ้านให้ เสียสละทองเหลือง ทองแดง หล่อปืนขึ้น 2 กระบอก นายแท่น เป็นคนบ้านศรีบัวทอง แขวงเมืองสิงห์บุรี เป็นผู้ที่มีความกล้าหาญและมีฝีมือในการวางแผนรบ จัดว่าเป็นแม่ทัพใหญ่อีกคนหนึ่ง นายโชติ เป็นคนบ้านศรีบัวทอง แขวงเขตเมืองสิงห์บุรีติดต่อเมืองสุพรรณบุรี นายโชติได้รวมชาวบ้านที่ถูกกองลาดตะเวนของทหารพม่าข่มเหงและให้ส่งหญิงสาวให้ ในครั้งนั้นท่านกับพรรคพวกได้ลวงทหารพม่าไปฆ่าได้ กว่า 20 คน นายอิน เป็นคนบ้านสีบัวทอง ที่มากับนายแท่น นายโชติ นายเมือง เป็นคนหนึ่งที่ร่วมกันฆ่าทหารพม่าในครั้งแรก แล้วมารวบรวมกำลังตั้งค่ายบางระจันขึ้น ณ วัดโพธิ์เก้าต้น ท่านเป็น 1 ใน 11 ผู้นำชาวบ้านที่ออกต่อสู้กับทหารพม่า ด้วยความกล้าหาญจนตัวตายในสนามรบ นายดอกแก้ว อยู่เมืองวิเศษชัยชาญ เมืองถูกกองทัพพม่าตีเมือง วิเศษชัยชาญแตกและยึดเมืองได้ นายทองแก้วจึงรวบรวมชาวบ้านหลบหนีไป อยู่ที่บ้านโพธิ์ทะเล ท่านหนีออกมาคราวเดียวกับนายดอก ต้องแยกทัพกันอยู่เพราะมีชาวบ้านจำนวนมาก นายทองแสงใหญ่ ท่านเป็น 1 ใน 11 ท่าน ที่เป็นผู้นำระดับ แนวหน้า และท่านเป็นผู้ที่คิดตั้งค่ายน้อยเพื่อลวงทหารพม่า ได้คัดชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่ง ตั้งค่ายขึ้นอีกค่ายหนึ่ง ซึ่งห่างจากค่ายใหญ่ออกไป นายเมือง เป็นคนบ้านศรีบัวทอง เมืองสิงห์บุรี ร่วมกับนายอิน นายโชติ นายแท่น และชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่ง ลวงทหารพม่าไปฆ่า และท่านเป็นคนไปนิมนต์พระอาจารย์ธรรมโชติ จากแคว้นเมืองสุพรรณมาอยู่วัดโพธิ์เก้าต้น ค่ายบางระจัน ขุนสรรค์ จากเมืองสรรค์บุรี ท่านได้รวบรวมชาวบ้านต่อสู้กับทหารพม่า ที่ยกทัพมาทางเมืองอุทัยธานี ท่านมีฝีมือในการยิงปืน เมื่อท่านกับชาวบ้านต่อต้าน ทหารพม่าไม่ไหวจึงชักชวนชาวบ้านมารวมกันที่บางระจัน และได้ร่วมรบกับชาวบ้าน ศรีบัวทอง ชาวเมืองวิเศษชัยชาญ ชาวบ้านที่รวมตัวกันอยู่ วัดโพธิ์เก้าต้นค่ายบางระจัน นายดอก อยู่เมืองวิเศษชัยชาญ เมื่อกองทัพพม่ายกมาล้อม กรุงศรีอยุธยา แม่ทัพพม่าสั่งให้กองทัพออกตีหัวเมืองต่าง ๆ เมืองวิเศษชัยชาญ จึงอยู่ในเป้าหมาย เมื่อกองทัพพม่าเข้าตีเมืองวิเศษชัยชาญแตก นายดอกจึงชักชวนชาวบ้านไปอยู่บ้านตลับ คือบ้านตลับในปัจจุบัน นายจันหนวดเขี้ยวท่านเป็นคนบางระจัน เดิมเป็นคนชื่อจัน ชอบไว้หนวดและแต่งหนวดให้งอนดูเหมือนเขี้ยว ชาวบ้านทั่วไปจึงเรียนท่านว่า นายจัน หนวดเขี้ยว ท่านเป็นผู้กล้าหาญมีฝีมือในการต่อสู้ เป็นเหมือนครูฝึกประจำหมู่บ้าน ให้เด็กหนุ่มสาว เมื่อทหารพม่ามาข่มเหงชาวบ้าน ท่านจึงออกช่วยชาวบ้าน นายทองเหม็นท่านเข้าร่วมในค่ายบางระจันและเป็นอีกท่านหนึ่งที่ ร่วมวางแผนในการรบครั้งที่ 4 ท่านทำหน้าที่เป็นปีกขวา ร่วมกับนายโชติ นายดอก นายทองแก้ว คุมพล 200 คน ไปข้ามคลองบ้านขุนโลก ตีโอบหลังข้าศึก...
Read moreวัดโพธ์เก้าต้น จ.สิงห์บุรี มาทำบุญพร้อมเที่ยวชมตลาดไทยย้อนยุค
วัดโพธิ์เก้าต้น เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลบางระจัน อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี
วัดโพธิ์เก้าต้น มีนามเรียกอีกนามหนึ่งว่า วัดไม้แดง เนื่องจากภายในบริเวณวัดมีต้นไม้แดงขึ้นเป็นจำนวนมาก เป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ กล่าวคือ ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ราว พ.ศ. 2308 บ้านเมืองถูกข้าศึกรุกราน พวกชาวบ้านแถวนี้ได้รวบรวมรวบรวมกันประมาณ 400 คน ตั้งกองสร้างค่ายล้อบรอบบ้านบางระจัน ได้มีพระอาจารย์ธรรมโชติจำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์สามต้น เดิมอยู่วัดเขานางบวช เมืองสุพรรณบุรี ได้ช่วยปลุกเสกเครื่องรางของขลังให้ความคุ้มครองทำให้ชาวบ้านต่อสู้กับข้าศึกได้อย่างเข้มแข็ง แต่ในที่สุดเมื่อถูกข้าศึกที่กำลังมากกว่าหลายเท่า ก็ต้องแตกถอยอพยพหนีกันไป วัดวาอารามถูกปล่อยทิ้งให้เป็นวัดร้างและถูกทำลายไปก็มาก จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ประมาณ พ.ศ. 2484 ประชาชนอพยพมาตั้งถิ่นฐานมากขึ้น และริเริ่มทำการบูรณะวัดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศยกสภาพให้เป็นวัดที่มีพระสงฆ์นับตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2511 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2513 เขตวิสุงคามสีมากว้าง 40 เมตร ยาว 60 เมตร ได้ผูกพัทธสีมาวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2524 ปัจจุบันทางราชการได้สร้างค่ายจำลองขึ้นบริเวณด้านหน้าของวัดโพธิ์เก้าต้น เพื่อเป็นอนุสรณ์
เสนาสนะสถานที่สำคัญ
พระพุทธโคตมะ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่สีขาว ประดิษฐานอยู่บริเวณด้านหน้าของวัด
วิหารพระอาจารย์ธรรมโชติเป็นวิหารทรงจตุรมุข ภายในมีรูปเหมือนพระอาจารย์ธรรมโชติขนาดใหญ่
มีวิหารหลังเก่า สร้างขึ้นเมือใดไม่ปรากฏหลักฐานแต่คาดว่ามีขึ้นก่อนที่ชาวบ้านจะมารวมตัวกันตั้งค่ายต่อสู้กับพม่า
เจดีย์ทรงศิลปะอยุธยาซึ่งคาดว่าสร้างขึ้นมาพร้อมกับวัด แผ่นอิฐที่ใช้ก่อเจดีย์มีลักษณะรูปดอกจัน 3 ดอกแบบเดียวกับวิหารอยุธยา
สระน้ำโบราณศักดิ์สิทธิ์ กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนวัดโพธิ์เก้าต้นเป็นโบราณสถาน
ปัจจุบันทางวัดได้จัดพื้นที่เพื่อให้ประชาชนทำการค้าและส่งเสริมการท่องเที่ยว ในนาม “ตลาดไทยย้อนยุคค่ายบางระจัน” ตลาดแห่งนี้จัดได้ว่ามีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศเลยทีเดียว ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน ถูกจัดขึ้นบริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่ภายในวัด บรรยากาศจึงร่มรื่นน่าเที่ยวชม มีการจัดแต่งซุ้มจำหน่ายสินค้าด้วยวัสดุธรรมชาติในรูปแบบพื้นบ้าน พ่อค้าแม่ค้าจะแต่งตัวย้อนยุคมานั่งจำหน่ายสินค้า สินค้าที่นำมาจำหน่ายก็จะเป็นอาหารท้องถิ่น ขนมโบราณที่หาทานยาก ผลิตภัณฑ์ทำมือ รวมไปถึงพืชผักและผลไม้สด ๆ จากไร่ของชาวบ้าน อีกทั้งยังมีการแสดงต่างๆเช่น การละเล่นพื้นบ้าน การแสดงเพลงฉ่อย การเต้นรำ การแสดงวีรกรรมชาวบ้านบางระจัน จากเด็กๆ ในชุมชน อีกด้วย และถ้าใครอยากจะมาเที่ยวให้อินกับบรรยากาศก็สามารถที่จะแต่งกายด้วยชุดไทยย้อนยุคมาเที่ยวกันได้จากบ้านหรือจะมาเช่าชุดไทยย้อนยุคได้จากที่นี่ก็ได้ เปิดให้บริการ วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ที่อยู่ติดกับเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น. ไม่มีค่าเข้าชม...
Read moreถ้าจะพูดถึงวัดโพธิ์เก้าต้น บางท่านอาจไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่าพระอาจารย์ธรรมโชติแห่งบ้านบางระจัน อันนี้ทุกคนรู้จักแน่นอน เพราะเราเรียนวิชาประวัติศาสตร์มาตั้งแต่เด็ก วัดแห่งนี้เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่ง ซึ่งภายในวัดมีวิหารพระอาจารย์ธรรมโชติ ซึ่งภายในประดิษฐานรูปเหมือนพระอาจารย์ธรรมโชติ ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวสิงห์บุรีโดยทั่วไปท่านเป็นมิ่งขวัญและพลังใจแก่วีระชนชาวบ้านบางระจันที่ทำให้สามารถเข้าต่อสู้ป้องกันข้าศึกและได้รับชัยชนะถึง 7 ครั้ง เป็นพระที่มีอาคมชั้นเลิศ และชำนาญเรื่องเกี่ยวกับยาสมุนไพร
วัดแห่งนี้เป็นบริเวณที่พระอาจารย์ธรรมโชติแห่งวัดเขาขึ้น(เขาบวช) เลือกเป็นทำเลที่ตั้งค่าย เพราะเป็นที่ดอนมีลำธารไหลผ่านหน้าวัดจากทิศตะวันตกสู่ทิศตะวันออก และอีกสายหนึ่งมาจากทางทิศเหนือไหลล่องลงใต้ตัดกันตรงบ้านวังกา พระอาจารย์ธรรมโชติได้รวบรวม ชาวบ้าน และบรรดาศิษย์ช่วยกันสร้างค่ายขึ้นและเป็นที่ยึดเหนี่ยวแห่งวีระชนชาวบ้านบางระจัน ปัจจุบันได้มีการสร้างค่ายจำลองขึ้นบริเวณด้านหน้าของวัดโพธิ์เก้าต้น เพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนใจแก่ผู้คนที่มาท่องเที่ยวว่าบริเวณวัดโพธิ์เก้าต้นนี้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นสมรภูมิรบ และเป็นที่มั่นของบรรพชนไทยในอดีตอีกทั้งยังเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่บรรพบุรุษของเราได้เอาเลือด เอาเนื้อ เอาชีวิตเข้าแลก กลิ่นคาวเลือดที่ฝังลึกลงไปในแผ่นดินที่เหล่าวีระชนชาวบ้านบางระจันได้ฝากเอาไว้ให้ลูกหลานได้สำนึกในการรักษ์ชาติรักษ์แผ่นดิน ถึงแม้วันเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ดินแดนแห่งนี้ยังคงเป็นดินแดนวีระชนที่สร้างคุณประโยชน์ให้กับชาติไทยเรา
นอกจากวัดแห่งนี้จะมีแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์แล้ว ยังมีตลาดไทยย้อนยุคบ้านบางระจัน ซึ่งได้จำลองวิถีชีวิตในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยพ่อค้า แม่ค้าที่ตั้งร้านขายของจะแต่งกายด้วยชุดนักรบ ชุดชาวบ้าน เพื่อให้เราได้อรรถรสในการเดินชมตลาดอีกด้วย มีทั้งขนมไทยโบราณที่หาทานได้ยากให้เราได้เลือกสรร
สถานที่สำคัญที่ไม่ควรพลาดอีกอันเลย นั่นก็คือสระน้ำศักด์สิทธิ์แห่งวัดโพธิ์เก้าต้น ซึ่งชาวจังหวัดสิงห์บุรีรวมถึงประชาชนจากทั่วสารทิศมีความศรัทธามากๆ หากใครได้มาสัมผัสที่วัดแห่งนี้ เราจะเห็นภาพผู้คนต่างก็หาบน้ำมาเติมในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งวัดโพธิ์เก้าต้น หากใครได้บนบานศาลกล่าวแล้วสำเร็จก็จะมาหาบน้ำด้วยเช่นกัน ทุกวันนี้ยังมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวมิขาดสาย นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่สีขาวให้ได้กราบไหว้บูชาอีกด้วย ดินแดนแห่งนี้จึงนับว่าเป็นดินแดนที่ศักดิ์สิทธิ์ และรอให้ทุกท่านได้มาสัมผัสด้วยตัวเองและคุณอาจรักที่นี่ก็ได้ วัดโพธิ์เก้าต้น ตั้งอยู่ที่ตำบลบางระจัน ตรงข้ามกับ อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน อำเภอค่ายบางระจัน...
Read more