Wat Si Phichit Kirati Kanlayaram outside the city walls and south of Namo gate 2 kilometers.Wat Si Phichit Kirati Kanlayaram was founded in the time of the Sukhothai Kingdom during the reign of King Sai Lue Thai in 1403. In 1956, during excavations by the Fine Arts Department, a stone inscription was found on the temple grounds, which has since been called "Stone Inscription 46". The inscription consists of a slab of greenish slate about six centimeters thick, the lower part of which is missing. It is about 72 centimeters high. The stone inscription is supposed to remind of the foundation of Wat Si Phichit Kirati Kanlayaram by the Queen Mother " and her son. At the same time she wants to put down in writing the declaration of independence of the Sukhothai Kingdom of Ayutthaya in 1400. The Queen Mother further describes that she invited, the leader of a group of monks who had just made their monastic vows in Kamphaeng Phet, to settle in the temple . In the year 1403 she gave the temple the so-called Bodhi tree, under which the Buddha experienced his...
Read moreโบราณสถานวัดศรีพิจิตรกิรติกัลยาราม หรือโบราณสถานร้าง ต.29 ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองสุโขทัยด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ห่างจากประตูนะโมไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ1.7 กิโลเมตร เดิมชาวบ้านเรียกชื่อวัดนี้ว่า วัดตาเถรขึงหนัง ส่วนชื่อวัดศรีพิจิตรกิรติกัลยารามที่เรียกกันในปัจจุบันนั้น มาจากจารึกที่ 46 วัดตาเถรขึงหนังที่มีการพบที่วัดแห่งนี้ เนื้อหาของจารึกได้กล่าวถึงสมเด็จพระราชชนนีศรีธรรมราชมาดามหาดิลกรัตนราชนาคาถกรรโลง ซึ่งเป็นพระมเหสีของพระมหาธรรมราชาลิไท และเป็นพระราชมารดาของพระมหาธรรมราชาเจ้าเมืองสุโขทัยพระองค์หนึ่ง ได้อาราธนาพระเถระสำคัญองค์หนึ่งนามว่า สมเด็จพระมหาศรีกิรติ จากเมืองกำแพงเพชรมาอำนวยการสร้างวัดนี้ในปี พ.ศ. 1943 และต่อมาในปี พ.ศ. 1946 ได้มีการปลูกพระศรีมหาโพธิ์ เนื้อหาของจารึกถูกบันทึกด้วยอักษรขอมสุโขทัย – ไทยสุโขทัย จารึกขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1947 ภายหลังการสร้างวัดแล้วเสร็จ ดังปรากฏข้อความในจารึกดังนี้ “…ศักราช 762 นาคนักษัตรปีมะโรง สมเด็จพระราชชนนีศรีธรรมราชมาดา มหาดิลกรัตนราชนาถ-กรรโลง แม่และสมเด็จมหาธรรมราชาธิบดีศรีสุริยวงศ์ (โอรส) ราชอำนวจน้าวห้าวหาญ นำ พ(ล) รชราคลาธรณีดลสกลกษัตริย์ (หากขึ้นเสวยใน) มหามไหสวริยอัครราช เป็นท้าวพระยามหากษัตริย์ (นครศรีสัชนาลัย) สุโขทัย แกวกลอยผลาญปรปักษ์ศตรูนู พระราชสีมา…เป็นขนอบขอบพระบางเป็นแดน เท่าแสนสอง หนองห้วยและแพร่…สมเด็จแม่ออกท่าน จึงจักให้นิมนต์ตนสมเด็จพระ(มหา) ศรี (กิรติ) เจ้าเหง้าพุทธางกูรดรุณพันลอก ฝูงอริยะ จากสถานสถิระ คือพชรบุรีศรีกำแพงเพชร มาสร้างพระอาวาสอาสน์อันดีมีชื่อศรีพิจิตรกิรติกัลยารามเป็นสนามเจ้ามหาสัปปุรุษทั้งหลาย จักถวายอัญชุลีน้อมตน นมัสการคำนับ อันดับนั้น ศักราช 765 ในปีมะแมแปรวันเดือนในเดือนอ้าย ออกใหม่ใส่ไว้ได้แปดค่ำ วันพฤหัสบดีศรีทินพารกาลยามตะวันชายย้ายหกบาทฉายาเสร็จ สมเด็จพระศรีธรรมราชมาดามหาดิ (ลกรัตนราช) กรรโลง จึงสถิตสถาปนาปลูกพระพฤกษาอธิบดีศรีมหา (โพธิ)…” ลักษณะทางสถาปัตยกรรม เป็นวัดที่มีคูน้ำล้อมรอบเป็นขอบเขตวัด โดยมีโบราณสถานตั้งอยู่ภายในซึ่ง ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างดังนี้ เจดีย์ประธานทรงระฆังขนาดใหญ่ ก่อด้วยอิฐ ตั้งอยู่บนฐานสูงเป็นรูปสี่เหลี่ยม ที่ฐานด้านตะวันออกและตะวันตก ทำเป็นซุ้มจระนำประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่ง โดยเฉพาะซุ้มด้านทิศตะวันออกปรากฏร่องรอยการก่อเป็นซุ้มโค้งสูงขึ้นไปคล้ายกรวยแหลม รูปแบบของเจดีย์ทรงระมังกลมซึ่งเป็นประธานของวัด ได้เปลี่ยนแปลงไปจากรูปแบบทั่วไปของสุโขทัยที่มีฐานเตี้ย แต่เจดีย์วัดศรีพิจิตรกิรติกัลยาราม ตั้งอยู่บนฐานสูง มีฐานเขียงสี่เหลี่ยมเรียบ 3 ชั้น ต่อด้วยฐานย่อมุมไม้ยี่สิบ แล้วจึงถึงองค์ระฆังกลม ทางด้านตะวันออกของเจดีย์ได้พบอัฒจรรย์ คือลายบนพื้นเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งซีก (ครึ่งวงกลม) มีลวดลายเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นอิทธิพลที่ได้รับมาจากศิลปะลังกา ฐานวิหารก่ออิฐ ขนาดกว้าง อยู่ทางด้านหน้า หรือตะวันออกของเจดีย์ประธาน ฐานเจดีย์ราย 4 ฐาน ตั้งเรียงรายอยู่โดยรอบฐานเจดีย์ประธาน คูน้ำล้อมรอบอาณาเขตวัด มีขนาดของคูกว้างประมาณ 15 เมตร...
Read moreHappy to see the 14th century stupa with huge base having intact structures above the bell shaped dome and perfect for photography.The trace or outline of head around the buddha hands on the entrance side of the stupa is impressive and shouldn't be missed.The prayer hall and pedestal for the statue is in the ruins state and one of the must visit temple on this side of the...
Read more