S-Pier 1964 Restaurant Pier — Restaurant in Samut Sakhon Province

แจ้งก่อนว่าจริงๆแล้วอยากจะแจ้งตัวต่อตัวกับคุณป้าเจ้าของร้านโดยตรง แต่ตอนที่ออกมาไม่เจอคุณป้า นั้นขออนุญาตจ้งตรงนี้นะคะ ปกติเรากับแฟนจะไปทานอาหารที่ร้านนี้บ่อยมากบางครั้งเดือนมากว่า 3 ครั้งด้วยซ้ำ เพราะพวกเราชอบรสชาติของอาหารความสดและบรรยากาศ และวันนี้ก็ตั้งใจจะไปกินอาหารทะเลเหมือนกันและมีพนักงานต่างด้าวเป็นคนมารับออเดอร์ต้องบอกว่าปกติเราไปแล้วไม่เคยมีปัญหาและพนักงานที่นั่นน่ารักทุกคนโดยเฉพาะน้องผู้ชาย แต่วันนี้พอเรามานั่งที่โต๊ะและลมมันแรงมากเราก็เลยบอกน้องว่าเราขอย้ายโต๊ะได้ไหมพอเราพูดพนักงานชาวต่างด้าวก็ทำหน้าตาแบบไม่พอใจเราก็งงอ้าวทำไมเราขอย้ายไม่ได้ในเมื่อเรามานั่งและอากาศมันเย็นแต่เราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเผอิญว่ามีน้องผู้หญิงคนนึงที่เป็นพนักงานเสิร์ฟก็บอกว่าอ๋อได้ค่ะเราก็ย้ายโต๊ะแล้วเราก็เริ่มสั่งอาหารพอเราเริ่มสั่งอาหารเราก็บอกเขาไปเราเข้าใจนะว่าน้องเขาไม่เข้าใจภาษาไทยทั้งหมดและช้าเรื่องการเขียนเราบอกเขาไปอาหารจาก 4 อย่างเขาจดไป 3 อย่างทั้งที่เราบอกไปแล้วแต่เราก็โอเคไม่เป็นไรเราก็เข้าใจว่าเขาไม่ใช่คนไทยเราก็พูดอีกครั้งนึงช้าๆ เหตุการณ์ผ่านไปหลังจากนั้นเราเผอิญเดินไปที่หน้าเคาน์เตอร์ซึ่งมีน้องผู้ชายที่ใส่แว่นและพนักงานต่างด้าวคนนั้นเขากำลังนินทาเราอยู่ซึ่งที่เขานินทาไม่สมควรที่จะนินทา ตอนที่เขานินทาเขาไม่รู้ว่าเราอยู่ที่นั่นและเราเดินไปได้ยินพอดีขณะที่เขานินทาเขาพูดว่าสั่งแต่หอย สงสัยกินเป็นแต่หอยแล้วหัวเราะ เราโมโหมากแล้วเราก็เดินเข้าไปบอกว่าใช่ค่ะเขาก็อึ้งมากพนักงานต่างด้าวคนนั้นคงไม่คิดว่าเราจะได้ยิน มันแย่มากเมื่อคุณอยู่ในเหตุการณ์นี้แล้วคุณได้ยินแบบนี้มันบ่งบอกว่าพนักงานต่างด้าวคนนี้ไม่มี Service Mind การบริการก็แย่ชักสีหน้าแล้วที่สำคัญคุณยังนินทาลูกค้าซึ่งมันไม่สมควรจะทำแบบนี้!!!! แค่นั้นยังไม่พอ ซึ่งวันนี้เรารู้สึกแย่มากกับการบริการแล้วยังรู้สึกแย่กับอาหาร เราสั่งหอยลายผัดพริกเผาซึ่งที่มามันเป็นเหมือนหอยลายผัดกระเพราซึ่งมันไม่มีพริกเผาเลยแล้วเราก็เลยถามน้องผู้ชายที่ใส่แว่นว่าอันนี้ผัดอะไรเขาบอกอ๋อหอยลายผัดพริกเผาครับสงสัยเอ่อเขาใส่พริกเผาน้อย ซึ่งน้ำมันใสแทบจะไม่มีพริกเผาและรสชาติแย่ของแย่ของแย่มากเรามากินบ่อยมากเราไม่เคยเจอรสชาติที่แย่เท่ากับวันนี้และเป็นครั้งแรกเราสั่งหอยลายผัดพริกเผาซึ่งที่มามันเป็นเหมือนหอยลายผัดกระเพราซึ่งมันไม่มีพริกเผาเลยแล้วเราก็เลยถามน้องผู้ชายว่าที่ใส่แว่นว่าอันนี้ผัดอะไรเขาบอกอ๋อหอยลายผัดพริกเผาครับสงสัยเอ่อเขาใส่พริกเผาน้อยซึ่งมันน้ำใสมันแทบจะไม่มีพริกเผาและรสชาติแย่ของแย่ของแย่มากเรามากินบ่อยมากไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย แค่นั้นยังไม่พอเราสั่งหอยแครงลวกแล้วเราบอกว่าเอาแบบไม่สุกแต่ที่มาคือสุกเราก็โอเคไม่เปนไร สั่งจานที่สองแบบเดิมคะ ยังยังไม่พอค่ะอาหารมาครบรอไปเกือบ 5 นาทีข้าวยังไม่มาเราก็สงสัยน้องลืมเอ๊ะหรือว่าข้าวค่อยตามมาจนเราไม่ไหวแล้วเราต้องเดินไปบอกน้องผู้ชายที่ใส่แว่นว่าขอข้าวด้วยคือสรุปพนักงานที่เป็นต่างด้าวคนนี้แย่และแย่และโคตรแย่ เราดูโต๊ะข้างหลังเราซึ่งมาเป็นครอบครัวใหญ่มากเขาก็สั่งอาหารกับต่างด้าวผู้หญิงคนนี้และเธอก็สร้างปัญหาเช่นเดียวกันพวกเขาส่ายหน้ากับพนักงานผู้หญิงคนนี้ อยากจะบอกว่าควรที่จะอบรมพนักงานและอยากจะให้ช่วยรักษารสชาติของอาหารวันนี้เรารู้สึกเสียความรู้สึกมากกับอาหารและการบริการของพนักงานต่างด้าวคนนี้เป็นอย่างมากซึ่งค่าอาหารที่เราจ่ายไปวันนี้ 1,900 กว่าเกือบ 2,000 นะคะเราคิดว่ามันโอเคไม่แพงกับเรื่องของอาหารที่สด และรสชาติ บรรยากาศการบริการแต่สำหรับวันนี้เรารู้สึกมันไม่โอเคเลย!!!! และเราคิดว่าเราจะไม่กลับไปอีกแล้ว ฝากให้ทางร้านคิดและปรับปรุง!!!! และควรแจ้งให้พนักงานต่างด้าว ผญ...

Food: The seafood was incredibly fresh, with the octopus and shrimp standing out in both quality and flavor. The prawns were exceptionally soft and delicious, making for a truly enjoyable meal. Portions were generous, ensuring great value for a family outing.

Service: While the staff was polite, the service was a bit slow. They provided bottles but no glasses, and at times, they prioritized cleaning tables before attending to guests, even when there was no waiting crowd.

Atmosphere: The setting was lovely—clean, breezy, and perfectly situated by the Gulf of Thailand, creating a relaxing dining experience.

Overall: Despite minor service delays, I was satisfied with the experience and will definitely return with my family for the fresh seafood and...

S-Pier 1964 ท่าเรือภัตตาคาร

หากใครเคยเดิน gourmet market คงเคยเห็น Sirikhun Seafood  ผ่านตาอยู่บ้าง เพราะเขาเป็นเจ้าพ่อแผงปลาใน gourmet นั่นเอง

Sirikhun เขามีประสบการณ์กว่า 40 ปีในการสรรหาวัตถุดิบชั้นเยี่ยมจากทะเล และ process เพื่อส่งให้กับร้านอาหารชั้นนำต่าง ๆ ในประเทศ และจากประสบการณ์นั้นเอง เขาก็เลยเอาวัตถุดิบของเขาเองมาเปิดร้านอาหารเองก็คือร้าน S-Pier 1964 ท่าเรือภัตตาคาร

อาหารจานที่ผมชอบที่สุดก็คือ ปลาดุกทะเลผัดฉ่า เนื้อปลาดุกมีความสดนุ่มมาก เขาจะเลือกใช้ปลาที่ไม่มีไข่เพราะปลาที่ไม่มีไข่จะมีรสชาติที่นุ่มและมีเนื้อกว่า ทีเด็ดจริงคือการปรุงรสของทางร้าน คือมันมี layer ซ้อน layer ความเผ็ดของเขาเป็นความเผ็ดที่มีมิติจริง ๆ ก็คือหมายความว่า พอกินคำแรกจะไม่ค่อยรู้สึกว่าเผ็ด แต่พอกินไปเรื่อย ๆ จะรู้สึกเผ็ดขึ้นแล้วก็เผ็ดขึ้น ส่วนตัวโคตรชอบกินอาหารเผ็ดแบบนี้เลย LOVE!!!

อีกเมนูนึงที่เด็ดก็คือปลาเต๋าเต้ยจักพรรดิ หรือถ้าเรียกแบบบ้าน ๆ ก็คือจิ้มจุ่มปลา เนื้อปลาขาวสะอาดมาก นุ่มละมุน แล้วก็พอจิ้มกับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวที่ป็นอารมณ์ผสมระหว่างน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวร้านข้าวต้มปลาโบราณ ๆ และ น้ำจิ้มซีฟู้ด บอกได้คำเดียวว่าฟิน แต่เนื่องจากไปกัน 9 คน เลยได้กินปลาแค่ 3 ชิ้น แต่ก็ดีถือว่าเป็น 3 ชิ้นที่คุ้มค่ามาก เอาจริงตอนเด็ก ๆ โคตรเกลียดปลาเต๋าเต้ยเลย เพราะมันมีกลิ่นคาวอย่างนึงที่มัน unique มากของตัวปลานี้ แล้วพ่อก็ชอบซื้อมาที่บ้านทีนึงเป็น 10 – 20 ตัว แล้วเราต้องทนกิน แต่พอมาร้านนี้รู้สึกเปลี่ยนใจได้เลย เพราะปลาที่มันสดจริง ๆ มันไม่คาวเลย

เกี๊ยวปลาไห่ฮง ก็อร่อยสุด ๆ เลย ปกติถ้าเราจะไปสั่งที่ร้านต้นตำหรับของเขา ต้องเข้าคิวเป็นเดือน ๆ แต่ทางร้านคงดีลกันพิเศษ เลยมีขายตลอด ถ้าพาเด็กมาต้องสั่งฮะ เด็ก ๆ ต้องชอบแน่นอน อ้อ เกือบลืม เนื่องจากทางร้านเขามี supply ปลาเอง เขาก็เลยทำ ปลาดิบปลาไทย ปลาที่ได้ชิมวันนี้เป็นปลากะพงขาวทะเล age มาแล้ว 2 วัน ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ที่ดี เห็นว่าเดือนหน้าจะมีปลาหลากหลายมากขึ้น เดี๋ยวก็จะแวะมาชิมอีกรอบ

ร้านอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ ขับรถไปชั่วโมงเดียวก็ถึง แนะนำให้ไปตอน 4 โมงเย็น จะได้ดื่มด่ำกับรรยากาศยามเย็นกับวิวหลักล้าน...