A Peaceful Riverside Retreat in Chiang Mai
If you're craving a quiet temple experience away from the crowds, Wat Pa Daed in Chiang Mai is a true hidden gem that completely captured my heart. I visited on a calm afternoon, and I honestly left feeling more grounded, inspired, and connected to Thai culture than I had at many of the more famous temples.
🌿 Tranquility by the River Tucked beside the Ping River, Wat Pa Daed offers an incredibly peaceful setting. As I stepped inside the grounds, I was greeted by lush greenery, rustling trees, and the gentle sound of wind chimes. There were no tour groups, no noise—just serenity. The natural beauty around the temple makes it feel like a spiritual retreat in the middle of the city.
🛕 Unique Architecture & Sacred Energy One of the things that really stood out to me was the distinctive architecture. The wooden structures have intricate carvings and traditional Lanna-style roofs, while the white chedis and golden details reflect the sun beautifully. Every corner of the temple feels thoughtfully designed and lovingly maintained.
Inside the prayer halls, I found myself lingering longer than I expected. The atmosphere is meditative, and the monks here were friendly, going about their daily rituals quietly. It’s the kind of place where you don’t just look—you feel.
🐘 Beautiful Details & Spiritual Symbols There are small statues, sacred Bodhi trees, elephant sculptures, and colorful lanterns spread throughout the temple grounds. Everything seems to hold meaning. I especially loved the old trees wrapped with saffron cloth, a traditional symbol of sacred space in Thai Buddhism.
📍 Off the Tourist Trail – But Worth the Walk Wat Pa Daed is located south of the Old City, and it’s easy to reach by scooter or Grab. It's a bit off the beaten path, which is why it remains such a peaceful and authentic place to visit. If you’re on a spiritual journey, practicing mindfulness, or simply want to explore Chiang Mai beyond the obvious—this is the kind of place...
Read moreเป็นเทวสถานพระพิฆเนศมากกว่าที่จะเป็นวัด เพราะเกือบทั้งหมดของบุคคลที่ไปรวมถึงเจ้าหน้าที่และพระสงฆ์ภายในวัดล้วนแต่มุ่งประเด็นเชิญชวนไปที่พระพิฆเนศ เดินเข้าประตูวัดเกือบทั้งหมดเลี้ยวซ้ายเข้าเทวสถาน แทบไม่มีใครเลยเลี้ยวขวาไปไหว้พระในโบสถ์(ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโบสถ์ปิดหรือเปิด เพราะถูกเรียกถูกต้อนเข้าไปจ่ายเครื่องบูชาพระพิฆเณศกันเกือบทั้งหมดเท่าที่ไปยืนดูอยู่เกือบชั่วโมงยังไม่ได้ยินเสียงพระเชิญชวนให้ไปไหว้พระเลยมีแต่ไหว้พระพิฆเนศ แล้วๆก็ต้องเข้าคิวและเสียเงินพุทธพาณิชย์โดยแท้.
สถานที่จะเป็นวัดเล็กๆ พื้นที่ไม่น่าเกิน 1.5 ไร่ ลานนอดรถแย่แต่มีเจ้าหน้าที่คอยโบกอำนวยความสะดวกสบาย. ช่วงเวลาที่ผมไปมีการคัดกรองวัดอุณหภูมิและเว้นระยะห่าง น่าชื่นชมความรับผิดชอบตรงนี้ครับ.
รูปบูชา เครื่องราง ค่อนข้างราคาแพงมากถึงมากที่สุด การประกอบพิธิบูชาล้วนต้องเดินหน้าด้วยเงิน ในอีกมุมผมตัดสินใจถามเจ้าหน้าที่จัดคิวว่า ผมขอเข้าไปไหว้มือเปล่าและไม่ซื้อเครื่องบูชาได้ไหม เจ้าหน้าที่มองหน้าแล้วก็ยิ้มบอกว่าได้สิแต่ให้รอคิวคนที่ซื้อเครื่องบูชาให้เสร็จก่อนแล้วค่อยเข้าใจ.. (ก็ได้อยู่แต่ก็ต้องให้สิทธิ์คนซื้อเครื่องบูชาก่อน -- ถือว่าเข้าใจกัน)
เทวสถานพระพิฆเนศค่อยข้างสะอาด สวยงาม อารมณ์เหมือนหอเจ้าคำหลวงขนาดเล็ก(ต้องถอดรองเท้าขึ้นเทวสถาน) ด้านล่างจะเป็นห้องเล็กค่อนข้างแคปไว้เดินวนๆบ่อน้ำเพื่อขอพร เขาให้สรรพคุณว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ครับ.
ด้านหลังเทวสถานถัดไปเป็นศาลาหลังใหญ่ทำจากไม้สักทั้งหลัง ยังสร้างไม่เสร็จดี อาจจะรอปัจจัยเพิ่มเติม สถานภาพค่อนข้างสกปรกและคับแคป(คงเพราะอยู่ระหว่างการก่อสร้างกระมัง) มีพระองค์ใหญ่ให้ไหว้ ฝุ่นจับองค์พระเขรอะ ต่างกับพระพิฆเนศที่ใหม่กริบ สว่าง สะอาด สดใส ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด. มีบ่อเลี้ยงปลาคาร์ฟบ่อใหญ่พอสมควรสร้างเชื่อมระหว่างศาลาไม้สักกับส่วนที่เป็นหอพักพระ ค่อนข้างมืด และคับแคบ. ในวันที่ข้าพเจ้าไปมีพระปูเสื่อนั่งแปกะดินอยู่มุมหนึ่งของศาลา คอยรับการทำบุญจากผู้ศรัทธา ข้าพเจ้าเห็นสภาพของพระที่อยู่เทียบกับเทวสถานแล้วได้แต่อนาถใจเหลือเกิน.. เจ้าอาวาสหรือผู้ดูแลควรยกแท่นขึ้น เชิดชูพระสงค์ให้อยู่ในที่เหมาะสมกว่านี้. พระนั่งระดับพื้น หมาก็วิ่งไปวิ่งมา คนไปทำบุญก็ต้องนั่งในที่เดียวกัน...โอ...หรือนี่คือ ธรรมมะที่สอนให้เราได้ระลึกถึงการปลง...และปล่อยวาง...
ข้าพเจ้าเดินไปไหว้พระด้านหลังและตัดสินใจกลับเพราะ "ไม่มีอะไรเลยและไม่ถูกจริตตน อยู่นานไปจะติเตียนเขาให้เกิดบาป"...
Read moreวัดป่าแดด วัดดังในเชียงใหม่ที่เป็นที่นิยมสำหรับสายมู ไม่ว่าจะเป็นดารา นักธุรกิจ หรือแม้กระทั้งคนทั่วไป เรามาที่วัดนี้เป็นปีที่ 2 แล้ว ความตั้งใจของเราเลยคือมากราบไหว้องค์พ่อพระพิฆเนศ เริ่มแรกเดิมทีปีก่อน เรามาแบบงงๆ ไม่รู้เรื่องในขั้นตอนของการจองอารตีโดยพราหมณ์ ปีนี้เราเลยตั้งใจมากๆ โดยเริ่มแรกเราจะต้องแอดไลน์ของวัดไปก่อน เพื่อจองผลไม้ Line: @fruitwpd ซึ่งทางวัดจะเปิดจองเป็นรอบๆ ทุกต้นเดือน ให้เราเม้นตามวัน เวลา ที่เราสะดวกจะเข้าไป (เฉพาะวันเสาร์, วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ถ้าเกิดว่าเราได้ ทางวัดจะติดต่อเรามาเองใน Line เพื่อทำการยืนยันและชำระเงิน
ขั้นตอนการไหว้บูชาของเรา 1.เริ่มจากกราบสักการะองค์พระประธานหลวงพ่อตาหวานในวิหารก่อน 2.เดินไปตรงจุดรับชุดผลไม้ แจ้งโค้ดที่ได้รับให้กับเจ้าหน้าที่ เค้าก็จะให้บัตรคิว เทียนเล่มใหญ่ กับกระดาษเขียนชื่อมาให้เรา 3.เมื่อเขียนชื่อเรียบร้อยแล้วก็รอให้เจ้าหน้าที่เรียกชื่อ พี่เค้าจะทยอยเรียกทีละชุดๆ ละ 5 คน 4.เมื่อถึงคิวเราเจ้าหน้าที่เขาจะเรียกพร้อมกับให้ชุดผลไม้มงคลที่เราได้จองเอาไว้ เราก็ถือชุดผลไม้นั้นขึ้นไปบนหอมหาเทพบูรพาจารย์ 5.พราหมณ์จะเป็นผู้ทำพิธีอารตีไฟและเจิมหน้าผากให้เรา โดยท่านจะสวดพร้อมกันทั้งหมด ให้เราเอ่ยชื่อของเรา และในขั้นตอนของการเจิมหน้าผาก ท่านจะสวดและเจิมให้เป็นรายคน 6.หลังจากนั้นก็ให้เราไปกระซิบขอพรอีกครั้งที่พี่หนูมุสิกะ เพื่อให้พี่หนูนำพรนี้ไปบอกพ่ออีกครั้งเป็นการช่วยเตือนความจำ โดยเอามือปิดหูด้านในแล้วกระซิบที่หูด้านนอกตัวใดตัวหนึ่งก็ได้ 7.ต่อมาก็เป็นขั้นตอนสรงน้ำศิวลึงค์และเอามือรองรับน้ำมนต์แล้วลูบศีรษะ 8.เมื่อเสร็จพิธีไหว้พระพิฆเนศด้านบนเราก็นำชุดผลไม้ลงมาด้านล่างฝากเจ้าหน้าที่ให้เค้านำผลไม้ใส่ถุงให้กลับบ้าน และนำเทียนไปจุดที่ด้านหน้าหอมหาเทพบูรพาจารย์ 9.จากนั้นให้เราเดินไปลอดท้ององค์พระพิฆเนศใต้หอมหาเทพบูรพาจารย์ 3 รอบ โดยเดินตามลูกศรด้านซ้ายมือ และท่องคำถวายบูชาพระพิฆเนศไปเรื่อยๆ จนเราเดินครบ 10.เมื่อเดินครบ 3 รอบแล้ว ให้ขึ้นไปที่หอพระเพชรกรรมฐานเพื่อขึ้นไปโอบเสาเอก เสาโท ไหว้ขออพร พร้อมกับตีฆ้อง ถือเป็นอันเสร็จพิธี
ป.ล.ผลไม้มงคลราคาชุดละ 599 บาท...
Read more