ข้อมูลจากกรมศิลปากรระบุว่า พระเจดีย์ศรีสุริโยทัย ตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า “วัดสวนหลวงสบสวรรค์ ติดกับถนนอู่ทอง ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้านทิศตะวันตกของเกาะเมือง
พระราชพงศาวดารกล่าวว่า “เมื่อสมเด็จพระสุริโยทัยสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า จึงได้เชิญพระศพสมเด็จพระสุริโยทัย ผู้เป็นพระอัครมเหสีมาไว้ ตำบลสวนหลวง…ครั้นกองทัพสมเด็จพระเจ้าหงสาวดียกไปแล้ว สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า ได้แต่งการพระราชทานเพลิงศพพระสุริโยทัยเสร็จแล้ว สมเด็จพระมหาธรรมราชา ก็ถวายบังคมลากลับขึ้นไปยังเมืองพิษณุโลก ฝ่ายสมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้าให้สถาปนาที่พระราชทานเพลิงนั้น เป็นพระเจดีย์ วิหารเสร็จแล้ว ให้นามวัดสบสวรรค์
สมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ขณะนั้นเป็นตอนปลายแห่งรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่องราววีรกรรมของสมเด็จพระสุริโยทัยที่ปรากฏในหนังสือพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยานั้นคงทราบกันอยู่ในวงแคบ แต่สถานที่คือ “วัดสบสวรรค์” อันเป็นที่ประดิษฐานอนุสาวรีย์ของพระองค์นั้น ย่อมไม่มีผู้ใดรู้หรือเฉลียวใจว่าจะอยู่ที่ใดแน่ ดังนั้นเมื่อมีการตั้งกรมทหารมณฑลกรุงเก่าเมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๙ จึงได้เลือกสถานที่ภายในกำแพงเมืองด้านทิศตะวันตกริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นสถานที่ทำการก่อสร้าง จนกระทั่งสองปีให้หลังเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๑ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จมาประกอบพิธีสังเวยอดีตมหาราช ณ พะนครศรีอยุธยา ดังนั้น พระยาโบราณราชธานินทร์ ผู้ซึ่งรับราชการอยู่ที่พระนครศรีอยุธยาเป็นเวลานานจึงได้ศึกษาจาก เอกสารโบราณเกี่ยวกับภูมิสถานที่ภายในพระนครศรีอยุธยา และได้เรียบเรียงเรื่องราวเกี่ยวกับสถานที่ตั้ง สำคัญๆ ของกรุงศรีอยุธยาขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายในหนังสือชื่อ “อธิบายแผนที่พระนครศรีอยุธยา” หนังสือ อธิบายแผนที่พระนครศรีอยุธยาของพระยาโบราณราชธานินทร์ฉบับนี้ระบุว่า กรมทหารที่สร้างใหม่นั้นตั้ง ตรงบริเวณที่เคยเป็นสวนหลวง วังหลัง และวัดสบสวรรค์ นั่นเอง ด้วยเหตุนี้ภายหลังต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๕ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว “เหล่าเสนาว่าทูลละอองธุลีพระบาทราชบริพาร…” จึงพร้อมใจกันสร้างอนุสาวรีย์เทิดพระเกียรติสมเด็จพระสุริโยทัย และจารึกข้อความสดุดีวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ไว้ด้วย
ครั้นถึง พ.ศ. ๒๔๗๒ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หนังสืออธิบายแผน ที่พระนครศรีอยุธยาของพระยาโบราณราชธานินทร์ได้รับการตีพิมพ์ซ้ำอีกครั้ง เนื่องในงานพระเมรุท้องสนามหลวง พระวิมาดาเธอกรมพระสุทธาสินีนาถฯ ในหน้าที่ภาพถ่ายพระเจดีย์ระหว่างหน้า ๗๐-๗๑ มีคำ บรรยายใต้ภาพว่า “พระเจดีย์วัดสวนหลวงสบสวรรค์ ในรัชกาลที่ ๖ โปรดฯ ให้เรียกว่า “พระเจดีย์ศรีสุริโยทัย”๒ การที่พระยาโบราณราชธานินทร์ ได้อ้างไว้ในหนังสือที่พิมพ์เป็นครั้งที่สองของท่านซึ่งเป็นเวลาที่ ท่านยังมีชีวิตอยู่ว่า พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจาอยู่หัว โปรดให้เรียกเจดีย์องค์นี้ว่า “เจดีย์ศรีสุริโยทัย” จึงมีความหมายถึงการสถาปนาอนุสรณ์สถานของสมเด็จพระสุริโยทัยขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่งจากองค์เจดีย์ที่ เป็นสิ่งก่อสร้างที่เหลืออยู่เพียงชิ้นเดียวของอนุสรณ์สถานสมเด็จพระสุริโยทัย ซึ่งหลักฐานในพระราช พงศาวดารกล่าวว่า แต่เดิมอยู่ ณ วัดสวนหลวงสบสวรรค์นั้น มิได้มีหลักฐานยืนยันว่าจะต้องเป็นเจดีย์บรรจุ อัฐิสมเด็จพระสุริโยทัยด้วยหรือไม่ พระเจดีย์ศรีสุริโยทัยและภูมิสถาปัตย์โดยรอบมีเนื้อที่ทั้งหมด ๑๓ ไร่ ๓๘ ตารางวา ประกอบด้วยรั้วแบบย่อมุมสมัยอยุธยา สร้างเป็นกำแพงแก้วทึบเจาะช่องโปร่งใส่ มีโคมไฟประดับทุกๆ ๕ เมตร รั้วสูง ๑.๒๐ เมตร รั้วด้านหน้ายาว ๑๔๐ เมตร ด้านหลังยาว ๘๐ เมตร มีประตูทางเข้า ๒ ประตู อยู่ด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จากประตูทางเข้าตรงมาสองข้างทางจะเป็นสวนหย่อมปลูกไม้ประดับ ถัดออกไปทางด้านซ้ายมือมีทางเดินปูด้วยอิฐบล็อกเรียงแบบก้างปลา ทั้ง ๒ ข้างของทางเดินจัดทำ เป็นสวนหย่อมตรงไปตามทางเดินนี้จะพบพระเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสององค์ใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ได้พระราชทานนามพระเจดีย์องค์นี้ว่า...
Read moreเจดีย์ศรีสุริโยทัย เจดีย์ศรีสุริโยทัย เจดีย์สีทองอร่ามตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บนสถานที่ถวายเพลิงพระศพสมเด็จพระศรีสุริโยทัย วีรสตรีไทย ผู้ไสช้างเข้าขวางช้างพระเจ้าแปร เจดีย์แห่งนี้เป็นโบราณสถานอยู่บนเกาะเมืองอยุธยาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก พร้อมพิพิธภัณฑ์และศาลพระศรีสุริโยทัย เมื่อครั้งที่พม่ายกทัพล้อมพระนคร สมเด็จพระมหาจักรพรรดิกระทำยุทธหัตถีกับพระเจ้าแปรและเกิดเพลี่ยงพล้ำ สมเด็จพระศรีสุริโยทัยซึ่งแต่งองค์ในแบบพระมหาอุปราชจึงไสช้างเข้าขวางช้างพระเจ้าแปร พระเจ้าแปรก็ลงง้าวต้องพระองค์ขาดสะพายแล่ง หลังจากที่สมเด็จพระศรีสุริโยทัยสิ้นพระชนม์แล้ว ได้มีการเชิญพระศพมาไว้ที่สวนหลวงของวังหลัง ใกล้กับวัดสบสวรรค์ และจัดถวายเพลิงพระศพขึ้นที่สวนหลวง จากนั้นสมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงทรงสร้างวัดบริเวณสวนหลวงขึ้นโดยมีเจดีย์ย่อมมุมไม้สิบสองเป็นเจดีย์ประธาน เรียกชื่อวัดว่า ‘วัดสวนหลวงสบสวรรค์’ จดหมายเหตุหลายฉบับบันทึกเอาไว้ว่า วัดสวนหลวงฯ และวัดสบสวรรค์เป็นคนละวัดกัน โดยมีคลองฉางมหาไชยกั้น วัดสบสวรรค์มีเจดีย์ทรงลังกาแฝด 2 องค์ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่า เจดีย์ทรงลังกาแฝด 2 องค์นั้น คือ ที่บรรจุพระอัฐิสมเด็จพระศรีสุริโยทัยองค์หนึ่งและพระราชบุตรี ที่ทรงแต่งองค์เป็นชายเข้าร่วมรบในสงครามและสิ้นพระชนม์พร้อมกับสมเด็จพระศรีสุริโยทัยอีกองค์หนึ่ง ส่วนเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองของวัดสวนหลวงฯ เป็นเจดีย์ที่รำลึกถึงสถานที่ถวายเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระศรีสุริโยทัยเท่านั้น วัดสวนหลวงฯ และวัดสบสวรรค์ถูกทิ้งร้างตั้งแต่เมื่อครั้งเสียกรุงครั้งที่ 2 ส่วนคลองฉางมหาชัยก็ถูกทับถมกลายเป็นที่ดินเปล่า ในสมัยรัชกาลที่ 5 พระยาโบราณราชธานินทร์ (ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์จันทรเกษม) ได้ศึกษาจนสืบทราบว่าวัดสวนหลวงและวัดสบสวรรค์ที่แท้อยู่บริเวณใด ปรากฏว่าที่ดินของวังหลัง วัดสวนหลวง และวัดสบสวรรค์ถูกทำเป็นกองพลทหารบกไปเสียแล้ว หลวงบริบาลบุรีภัณฑ์บันทึกไว้ว่าเนื่องจากเจดีย์ต่างๆ ที่มีอยู่มากมายในบริเวณนั้น เป็นอุปสรรคในการซ้อมยิงปืนใหญ่ของทหาร กองพลทหารบกจึงทำหนังสือขออนุญาตรื้อเจดีย์ไปทางกรุงเทพฯ และทางกรุงเทพฯ ก็อนุญาต โดยขอให้เก็บเจดีย์บรรจุพระอัฐิสมเด็จพระศรีสุริโยทัยเอาไว้ ทว่าทหารไม่มีความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ จึงรื้อเจดีย์ทรงลังกาแฝดของวัดสบสวรรค์ออก เหลือไว้เพียงเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองของวัดสวนหลวงเท่านั้น ต่อมารัชกาลที่ 6 ได้พระราชทานชื่อเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองนี้ว่า “เจดีย์พระศรีสุริโยทัย” ในปี พ.ศ. 2533 กรมศิลปากรได้เข้าเปิดกรุเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองและพบว่าภายในไม่มีพระอัฐิสมเด็จพระศรีสุริโยทัย แต่พบของล้ำค่ามากมาย เช่น เครื่องราชูปโภคจำลอง สถูปผลึกแก้วจำลอง พระบรมสารีริกธาตุในผอบ และพระพุทธรูปปางมารวิชัยทำจากผลึกแก้วสีขาว...
Read moreLocated on the 'island' of Ayutthaya by the river not far from the bridge to Wat Chai Wattanaram, this chedi was erected in memory of a royal consort in the 16th century, who in warrior's disguise wanted to help her husband and died in battle against the Burmese. There is a beautiful little park surrounding the chedi. If you park and walk around the well manicured grounds it is quite impressive. Some people go to pay respect to the spirit of the late queen who was regarded as a martyr. No entry ticket to pay here and some good...
Read more