Phra That Choeng Chum is a major and sacred religious monument on the eastern side of Sakhon Nakhon in the grounds of Phra That Choeng Chum temple. The structure is rectangular and made with mortar and bricks reaching a height of 24 meters. If you look carefully at a ten-satang coin, you will see it featured on the reverse side.
Sakhon Nakhon was a major city in the Khmer Empire of Khotraboon, and its glory days were between the 12th and 16th centuries. Today the city of Sakhon Nakhon does not hold much for the tourist but Wat Phra That Choeng Chum Worrawiharn is well worth inspection.
Close to the vast Nong Han Lake in Sakhon Nakhon, Wat Phra That Choeng Chum was originally a 10th century Khmer monastery. Today the temple is highly revered as it is believed that the four incarnations of the Buddha came to this location and pressed their footprint in the soil here. The chedi was built to cover the footprints of the four Buddha's. The temple derives its name from the Phra That Choeng Chum Chedi and is an important pilgrimage site for Thai Buddhists plus a magnet for the local population. In addition to the Chedi are several other attractive buildings, including a wooden temple that is under construction at the time of writing (27 March 2016) which sits inside an octagonal pond.
There are the standard Naga snakes, temple guardians in the form of Chinese style lions, gold leaf decoration everywhere and a couple of attractive floral arrangements that utilise some traditional Thai carts. The majority of what is on view is inside a reasonably large compound which is kept very neat and tidy, but there is more to see outside the main compound where there is a car park and market.
When we arrived, we were treated to a traditional Thai dance by 75 ladies, presumably from Sakhon Nakhon. It looked as though it was a rehearsal for a later festival as they were dressed very casually. Once they had finished their dance they were incredibly friendly and inquisitive about this ferang that was wondering around the compound which I found a little surprising but pleasing at the same time. Seeing a ferang is especially rare in this part of Issan as a number of ex-pats have settled down here with their Thai lady.
Because the temple grounds are particularly impressive it can be quite easy to forget that there are further sights inside some of the buildings. While there is nothing exceptional about the interiors they are...
Read moreตั้งอยู่ถนนเรืองสวัสดิ์ ตำบลธาตุเชิงชุม เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร ภายในวัดมีองค์พระธาตุเชิงชุมตั้งหันหน้าไปทางหนองหารซึ่งอยู่ทิศตะวันออก สร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานชัด แต่นับเป็นปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมืองสกลนครมาแต่โบราณ
ลักษณะองค์พระธาตุเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน ฐานรูปสี่เหลี่ยมสูง 24 เมตร ส่วนบนเป็นทรงบัวเหลี่ยมไม่มีลวดลายประดับ ยอดฉัตรทองคำเหนือองค์พระธาตุทำด้วยทองคำบริสุทธิ์มีน้ำหนัก 247 บาท มีซุ้มประตู 4 ด้าน ซุ้มยอดประตูมีลักษณะเป็นยอดปราสาทข้างในทึบสร้างด้วยศิลาแลงและหินทรายแดง มีซุ้มประตูหลอกแบบขอมด้านทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันตก ส่วนซุ้มประตูทางเข้าจริงอยู่ด้านทิศตะวันออก องค์พระธาตุสร้างครอบรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าสี่พระองค์ ได้แก่ พระกกุสันทะ พระโกนาคม พระกัสสะปะ และพระโคดมหรือพระศรีอริยเมตไตรย มีข้อสันนิษฐานว่าแต่เดิมพระธาตุเชิงชุมอาจเป็นปราสาทหินทรายศิลปะสมัยขอม เนื่องจากภายในกรอบประตูทางเข้าอุโมงค์ด้านขวามือ พบจารึกพระธาตุเชิงชุมอักษรขอมโบราณราวพุทธศตวรรษที่ 16 แต่องค์พระธาตุในปัจจุบันเป็นศิลปะล้านช้าง เนื่องด้วยอิทธิพลของอาณาจักรล้านช้างแผ่เข้ามาบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยราวพุทธศตวรรษที่ 19 และได้มีการบูรณะองค์พระธาตุขึ้นมาใหม่ ภายในวิหารใกล้พระธาตุเชิงชุมเป็นที่ประดิษฐาน หลวงพ่อพระองค์แสน พระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง ปางมารวิชัยศิลปะเชียงแสน ประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชี ฐานมีความสูง 1.35 เมตร หน้าตักองค์พระกว้าง 2 เมตร วัดจากหน้าตักถึงยอดพระเกศสูง 3.2 เมตร เป็นที่เคารพนับถือและเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดสกลนคร ทุกวันพระในเวลาค่ำ มักมีประชาชนไปกราบไหว้องค์พระธาตุเชิงชุมและหลวงพ่อพระองค์แสนเป็นจำนวนมาก และในวันขึ้น 9-15 ค่ำ เดือน 2 (กำหนดตามจันทรคติ) จะมีการจัดงานนมัสการพระธาตุเชิงชุมและหลวงพ่อพระองค์แสน เป็นประจำทุกปี สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ - พระอุโบสถหลังเดิม (สิมเก่า) สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2370 ลักษณะเป็นสิมแบบโถง (สิม เป็นภาษาอีสาน แปลว่า อุโบสถ) โครงสร้างเป็นไม้ก่ออิฐถือปูน หลังคาเป็นกระเบื้องไม้แบบเดิม ภายในมีจิตรกรรมภาพเถาไม้เลื้อยเป็นแนวรอบอาคาร หน้าบันมีจิตรกรรมเป็นรูปเทพบุตร เทพธิดา ดาวประจำยาม มังกร และเถาไม้เลื้อย ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหลายองค์ ทั้งที่สร้างด้วยไม้และปูนปั้น - บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นบ่อน้ำที่มีมาพร้อมองค์พระธาตุเชิงชุม เดิมมีน้ำพุผุดขึ้นมาเนื่องจากเป็นปลายทางของลำน้ำใต้ดินซึ่งไหลมาจากเทือกเขาภูพาน ผ่านศูนย์ราชการด้านทิศเหนือ ผ่านใจกลางเมืองข้างวัดเหนือ แล้วไหลมาผุดที่นี่ เรียกว่า "ภูน้ำซอด" หรือ "ภูน้ำลอด" แล้วไหลผ่านไปที่สระพังทอง ในสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ซึ่งอยู่ติดกับวัด เมื่อน้ำน้อยลงเรื่อย ๆ จึงได้มีการทำผนังกั้นไม่ให้ดินพังลงไป ในอดีตจะมีการนำน้ำจากบ่อน้ำนี้ไปประกอบพิธีกรรมสำคัญต่าง ๆ ปัจจุบันมีการสร้างประติมากรรมรูปพญานาคล้อมบ่อน้ำนี้ไว้ - หอกลอง หรือหอระฆัง เป็นหอสูง 3 ชั้น สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2503 โดยชาวเวียดนามที่ได้มาพำนักอาศัย ณ จังหวัดสกลนคร...
Read more♤◇♤ วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ในตัวเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร ♤◇♤ เป็นปูชนียสถานสำคัญ คู่บ้านคู่เมืองของชาวสกลนครมาอย่างยาวนาน และเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดสกลนคร โดยมีองค์พระธาตุประดิษฐาน อยู่กลางดวงตราประจำจังหวัด และเป็นส่วนหนึ่งของคำขวัญประจำจังหวัด ♤◇♤ พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาร แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสุดซึ้งสาวภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม ♤◇♤ ประวัติและความสำคัญ ♤ รอยพระพุทธบาท ความเชื่อสำคัญที่ทำให้พระธาตุเชิงชุม มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งคือ เชื่อกันว่าเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึง 4 พระองค์ ที่เคยเสด็จมาประทับรอยพระบาท ณ ที่แห่งนี้ ได้แก่ ♤ พระกกุสันธพุทธเจ้า ♤ พระโกนาคมนพุทธเจ้า ♤ พระกัสสปพุทธเจ้า ♤ และพระโคตมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) และเชื่อว่าในกาลสมัยของพระศรีอริยเมตไตรย (พระพุทธเจ้าองค์ที่ 5) ก็จะเสด็จมาประทับรอยพระบาทที่นี่เช่นกัน ทำให้ครบ 5 พระองค์ตามหลักพุทธ ♤◇♤ ประเพณีภัทรกัป ♤ การก่อสร้าง เดิมทีเป็นปราสาทหินทรายศิลปะขอมโบราณ ที่สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 10-13 เพื่อครอบรอยพระพุทธบาท ♤ ต่อมาในพุทธศตวรรษที่ 17 ได้มีการก่อสร้างองค์พระธาตุเชิงชุม ครอบปราสาทขอมเดิมไว้ ♤ องค์พระธาตุเป็นสถูปก่ออิฐถือปูน ♤ รูปทรงได้รับอิทธิพลจากพระธาตุพนม ♤ ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยม ♤ ส่วนบนเป็นทรงบัวเหลี่ยม สูงประมาณ 24-25 เมตร ไม่มีลวดลายประดับ ♤◇♤ ภายในวิหารของวัดประดิษฐาน "หลวงพ่อพระองค์แสน" ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวสกลนคร ♤ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ♤ ศิลปะแบบเชียงแสน/ล้านนา มีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี ชาวสกลนครมีความเชื่อและความศรัทธาในหลวงพ่อพระองค์แสนอย่างมาก ♤◇♤ การบูรณะและยกฐานะ วัดพระธาตุเชิงชุม มีการบูรณปฏิสังขรณ์ มาอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง ♤ และได้เปลี่ยนชื่อจาก "วัดพระธาตุศาสดาราม" เป็น "วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร" เมื่อปี พ.ศ. 2496 ♤◇♤ และได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ♤ ชนิดวรวิหาร เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2506 ♤◇♤ สถาปัตยกรรมและสิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจภายในวัด ♤◇♤ องค์พระธาตุเชิงชุม ♤ เป็นเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยม ♤ ก่ออิฐถือปูนศิลปะล้านช้าง ♤ สูงประมาณ 24 เมตร ♤ ยอดฉัตรทองคำเหนือองค์พระธาตุ มีน้ำหนักเกือบ 4 กิโลกรัม ♤◇♤ พระวิหารสร้างเมื่อ พ.ศ. 2498 เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระองค์แสน ♤ พระอุโบสถสร้างเมื่อ พ.ศ. 2513 และยังมีพระอุโบสถหลังเก่า ที่กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียน เป็นโบราณสถานแห่งชาติ ♤ หอระฆัง/หอกลอง สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2503 โดยชาวเวียดนามที่มาพำนักในจังหวัดสกลนคร เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและใช้บอกเวลา ♤◇♤ วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร อยู่ใจกลางเมืองสกลนคร ใกล้กับหนองหาร สามารถเดินทางไปได้สะดวก ♤ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และศูนย์รวมจิตใจของชาวสกลนคร ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญอีกด้วย...
Read more