เจดีย์วัดสามปลื้มและที่มาของชื่อ เจดีย์นักเลง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เดิมเจดีย์สามปลื้ม ไม่ได้ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว และกีดขวางกลางถนนอย่างที่เป็นอยู่ในวันนี้ หากแต่เป็นเจดีย์ประธานของ วัดสามปลื้ม ที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิธาตุ โดยมีพระอุโบสถ และพระวิหาร รวมทั้งเจดีย์ต่างๆ รายรอบ ตามแบบอย่างองค์ประกอบของวัดทั่วไปในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเมื่อดูจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของวัดแล้ว ถือเป็นวัดที่ตั้งอยู่ในชัยภูมิที่ดี สามารถเดินทางสะดวก เพราะทางด้านทิศตะวันตกของวัดติดกับคลองปากข้าวสาร และทางด้านทิศเหนืออยู่ใกล้คลองกระมัง ซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรของผู้คนสมัยโบราณ
กระทั่งความสูญเสีย จากสงครามคราวเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ ๒ ในปี พ.ศ.๒๓๑๐ ได้เปลี่ยนให้ วัดสามปลื้ม กลายสภาพเป็นวัดร้าง ตั้งอยู่กลางทุ่งนานมากกว่าศตวรรษ จนเมื่อย่างเข้าสู่พุทธทศวรรษที่ ๒๔๘๐ อันเป็นห้วงเวลาที่รัฐบาลยุคหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง มีนโยบายพัฒนาระบบขนส่งทางรถยนต์ โดยการตัดถนนพหลโยธินมุ่งสู่หัวเมืองทางภาคเหนือ ดังนั้น ทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงต้องตัดถนนเพื่อแยกจากถนนพหลโยธินที่บริเวณอำเภอวังน้อย มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา
ถนนสายนี้ ซึ่งมีชื่อเรียกภายหลังว่า “ถนนโรจนะ” ได้ตัดผ่านกลางวัดร้างหลายแห่งตามรายทาง รวมทั้งเจดีย์วัดสามปลื้ม ก่อนข้ามแม่น้ำป่าสักที่สะพานปรีดี-ธำรง เพื่อไปสิ้นสุดที่หน้าศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางตัวเมือง อันเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่มีโครงการวางผังเมืองใหม่ในเกาะเมืองอยุธยา เพื่อพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งชุมชนเมือง
ช่วงเวลาดังกล่าว จึงนับว่าเป็นเวลาที่น่ากังวลว่า โบราณสถานหลายๆ แห่งในอยุธยา กำลังเสี่ยงต่อการถูกรื้อไถ เพื่อสร้างถนนหนทางให้เกิดความเจริญก้าวหน้า ตามนโยบายการพัฒนาบ้านเมืองยุคใหม่ ในขณะที่กรมศิลปากร ซึ่งเป็นหน่วยงานราชการที่มีบทบาทด้านทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม และสงวนรักษาโบราณสถานของชาติ ก็ได้มีความเคลื่อนไหว โดยส่งหลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ หัวหน้ากองโบราณคดี เดินทางมาตรวจสอบโบราณสถานที่กำลังได้รับผลกระทบจากโครงการผังเมืองใหม่หลายแห่ง ทั้งในและนอกเกาะเมือง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๘๓ และหนึ่งในรายการที่คณะของหลวงบริบาลบุรีภัณฑ์เดินทางมาตรวจสอบก็คือวัดสามปลื้มที่กำลังจะถูกถนนโรจนะตัดผ่านด้วย
ถัดจากนั้น ๑ ปี ได้มีประกาศ “แจ้งความกรมศิลปากร กำหนดจำนวนโบราณสถานสำหรับชาติ” ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ.๒๔๘๔ ปรากฏรายชื่อ วัดสามปลื้ม เป็น ๑ ใน ๓๘ โบราณสถานของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโบราณสถานแห่งชาติครั้งนี้ ทำให้เจดีย์องค์นี้ได้รับการคุ้มครอง มิให้บุคคลหรือหน่วยงานราชการทำลายหรือเปลี่ยนแปลงโบราณสถาน ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยโบราณสถาน ศิลปวัตถุ โบราณวัตถุ และการพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ กรมทางจึงตัดถนนโรจนะเรียบผ่านไปทางด้านเหนือขององค์เจดีย์
ต่อมาในรัฐบาลสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้มีโครงการ “บูรณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา” ในช่วง พ.ศ.๒๔๙๙ - ๒๕๐๐ เพื่อฟื้นฟูจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้มีสภาพ “คืนดีดังเดิม” คือบูรณะวัด และถนนหนทางให้สามารถใช้งานได้อย่างดี สมเกียรติแห่งอดีตราชธานีของไทย
จอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้มีคำสั่งผ่านคณะกรรมการบูรณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้บูรณะเจดีย์วัดสามปลื้มแห่งนี้ และพิจารณาให้สร้างอนุสาวรีย์สมเด็จ พระเจ้าตากสินไว้ที่วงเวียนเจดีย์แห่งนี้ อันสอดคล้องกับเหตุการณ์ตอนที่สมเด็จพระเจ้าตากสิน ขณะยังดำรงตำแหน่งเป็น พระยาตาก ได้เคลื่อนพลผ่านบริเวณนี้ เพื่อมุ่งหน้าสู่หัวเมืองภาคตะวันออก ก่อนกลับมากอบกู้เอกราช รวมทั้งให้ปรับวงเวียน ให้มีศูนย์กลางอยู่ที่องค์เจดีย์ด้วย
นอกจากนี้ การปรับปรุงถนนสายที่ ๕ หรือถนนโรจนะช่วงในเกาะเมือง (ปัจจุบันคือ ถนนปรีดี พนมยงค์) ให้คล้ายกับถนนราชดำเนินในกรุงเทพฯ โดยมีการสร้างตึกแถวสองข้างถนนบริเวณเชิงสะพานปรีดี-ธำรง เลียนแบบนั้น เมื่อเปรียบแผนผังของถนนโรจนะที่อยุธยา กับถนนราชดำเนินในกรุงเทพฯ แล้ว เจดีย์วัดสามปลื้ม จึงเปรียบกลายๆ ได้กับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย...
Read moreเจดีย์วัดสามปลื้ม: เจดีย์โบราณใจกลางกรุงเก่า ในวงเวียนชุมทางคมนาคมจากถนนพหลโยธินเข้า-ออกเมืองอยุธยา อีกทั้งยังเป็นแลนด์มาร์กหนึ่งเดียวของอยุธยาที่ไม่มีใครทราบประวัติแน่ชัด พร้อมฉายา ‘เจดีย์นักเลง’ ที่ยืนเด่นตระหง่าน แม้แต่ถนนก็ยังต้องหลบให้ท่าน
ประวัติและตำนานเจดีย์วัดสามปลื้ม
ตามตำนานเล่าว่า วัดสามปลื้มถูกสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยเจ้าแม่วัดดุสิต พระนมชั้นเอกในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพื่อฉลองชัยชนะให้กับพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) และพระยาโกษาธิบดี (ปาน) บุตรเจ้าแม่วัดดุสิตที่รบชนะข้าศึกกลับมา
อย่างไรก็ดีกรมศิลปากรได้สันนิษฐานจากรูปแบบของเจดีย์ทรงลังกาแล้ว สันนิษฐานว่าเจดีย์วัดสามปลื้มน่าจะสร้างขึ้นช่วงปี พ.ศ. 1900 หรือเก่าแก่กว่านั้น จึงเป็นไปได้ว่าเจดีย์ถูกสร้างขึ้นก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา และอาจเป็นช่วงที่บริเวณนี้เป็นเมืองอโยธาศรีรามเทพ
วัดสามปลื้มเป็นวัดที่มีองค์เจดีย์ประธานและมีโบสถ์เหมือนวัดปกติทั่วไป แต่ในภายหลังส่วนอื่นๆ ของวัดผุพังไปจนเหลือแต่เจดีย์เด่นตระหง่านเพียงองค์เดียว
ฉายา ‘เจดีย์นักเลง’
เจดีย์วัดสามปลื้มได้ฉายา ‘เจดีย์นักเลง’ เรื่องเล่าในโลกไซเบอร์เล่ากันว่าเป็นเพราะสมัยที่มีการปรับภูมิทัศน์เพื่อสร้างถนนสู่เทศบาลเมืองอยุธยา รัฐบาลได้รื้อถอนโบราณสถานมากมายที่อยู่ขวางเส้นทางที่ถนนตัดผ่าน แต่พอมาถึงองค์เจดีย์ได้มีนักเลงกลุ่มหนึ่งขวางเอาไว้ สุดท้ายจึงต้องตัดถนนอ้อม ทำให้เจดีย์กลายเป็นวงเวียนกลางชุมทางคมนาคมไป
อย่างไรก็ดีมีผู้เฒ่าผู้แก่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาบอกว่าไม่เคยได้ยินเรื่องนักเลงขวางถนนมาก่อน ที่เรียกกันเล่นๆ ว่าเจดีย์นักเลง เพราะท่านยืนตระหง่านกลางถนนอยู่องค์เดียว ไม่หลบให้ใคร แม้แต่ถนนก็ต้องอ้อมองค์ท่านไป
อันที่จริงถนนรอบองค์เจดีย์ตัดขึ้นในปี พ.ศ. 2480 รัฐบาลยุคหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองดำริตัดถนนเชื่อมต่อจากพหลโยธินเข้าตัวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและวางผังเมืองใหม่ เจดีย์ดังกล่าวจึงอาจเสี่ยงต่อการถูกรื้อถอน ทว่าอยู่ๆ กรมศิลปากรก็ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2484 ให้เจดีย์วัดสามปลื้มเป็นโบราณสถาน เมื่อเป็นโบราณสถาน รัฐบาลจึงไม่อาจรื้อถอนได้ จำเป็นต้องสร้างถนนอ้อมไป
ในปี พ.ศ. 2499 – 2500 รัฐบาลจอมพล ป. พิบูสงคราม มีนโยบายบูรณะโบราณสถานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยารวมถึงเจดีย์วัดสามปลื้ม โดยกำหนดให้เจดีย์วัดสามปลื้มเป็น “หมายเมือง” หรือแลนด์มาร์กของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกด้วย จากภาพถ่ายปี พ.ศ. 2500 หน้าเจดีย์มีพระพุทธรูปโบราณทำจากหินสีดำประดิษฐานอยู่ โดยเศียรและพระพาหา (แขน) ขวาหายไปจึงไม่แน่ว่าเป็นปางมารวิชัยหรือปางสมาธิ ทว่าพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวได้สูญหายไปโดยไม่มีใครทราบว่าหายไปอยู่ที่ไหน...
Read moreOn the way to the ruins of Ayutthaya, I took a taxi and crossed a bridge. I took a shortcut before this roundabout, skipping it. But actually, I think it would be better to go around this roundabout three times and say hello before going. There is an anecdote that when the government once tried to demolish the pagoda as part of urban development, local gangs protested, and as a result, the government was unable to demolish the pagoda and instead built a roundabout to bypass it. It sounds like a lie, but I wonder... Also known as Gangster...
Read more