Wat Phumin! Get ready for a temple that's not just a place of worship, but also a giant art gallery! 🎨🖼️ Imagine a place where ancient murals come to life, telling stories of love, war, and maybe even a few epic food fights (probably not, but hey, it's fun to imagine!) 🍜⚔️.
Picture yourself wandering through the temple, surrounded by these incredible paintings, feeling like you've stepped into a time machine and landed in the middle of a historical graphic novel 🚀📖. You can admire the intricate details, decipher the narratives, and maybe even try to figure out what the characters are whispering to each other (probably gossip, let's be real) 🤫. It’s a place where you can feel like you’re starring in your own archaeological adventure movie.
However, let’s be honest, sometimes "temple with amazing murals" can feel a bit like a real-life game of "I Spy," where you're trying to find all the hidden details while also trying to avoid bumping into other art enthusiasts 🧐😅. And while the atmosphere is undeniably inspiring, you might also find yourself questioning your posture as you crane your neck to admire the artwork on the walls and ceilings, especially if you forgot to stretch beforehand 🧘♀️😬.
Overall, Wat Phumin offers a unique and captivating experience, a place where you can appreciate the beauty of Thai art and culture, and maybe even learn a thing or two about history, even if you sometimes feel like you’re participating in a synchronized art appreciation session with a hundred...
Read moreภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในวัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน "ปู่ม่านย่าม่าน หรือ หนุ่มกระซิบ" อันเป็นผลงานของหนานบัวผัน จิตรกรพื้นถิ่นเชื้อสายไทลื้อ ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นผลงานที่ปราณีตและเป็นภาพที่โดดเด่นประจำวัดภูมินทร์ โดยเป็นภาพชายหญิงคู่หนึ่งกำลังกระซิบสนทนา และมีชื่อเสียงว่าเป็นภาพ "กระซิบรักบันลือโลก" และกลายเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองน่านที่ไปปรากฏอยู่ในสินค้าจำนวนมาก อาทิ เสื้อยืด, โปสการ์ด หรือแม้แต่ข้าวของตกแต่งบ้าน
ซึ่งหนานบัวผันได้ตั้งชื่อภาพดังกล่าวตามเจตนารมณ์ด้วยการกำกับชื่อด้านบนของภาพว่า "ปู่ม่านย่าม่าน" และ วินัย ปราบริปู ศิลปินและเจ้าของหอศิลป์ริมน่าน ได้ค้นคว้าเกี่ยวกับที่มาของชื่อ "ปู่ม่านย่าม่าน"
หมายถึงว่า เขาเรียกผู้ชายพม่า ผู้หญิงพม่าคู่นี้ เป็นนัย เป็นสามีภรรยา แล้วการเกาะไหล่กันเป็นธรรมชาติของผู้ชายผู้หญิงที่เป็นสามีภรรยา ถ้าเป็นหนุ่มสาวถูกเนื้อต้องตัวไม่ได้ และรูปลักษณะการแต่งกายชี้ชัดไปอีกสอดคล้องกับคำว่า ปู่ม่าน ย่าม่าน ม่านคือพม่า ปู่นี่คือผู้ชาย พ้นวัยเด็กผู้ชายเรียกปู่ พ้นวัยเด็กผู้หญิงเรียกย่า ซึ่งที่จริงออกเสียง "ง่า" ไม่ใช่ปู่ย่าตายาย
โดย หนานบัวผัน เป็นศิลปินผู้เขียนจิตรกรรมประวัติศาสตร์ทั้งที่ วัดหนองบัว และ วัดภูมินทร์ ภาพ "ปู่ม่านย่าม่าน" เป็นหนึ่งในงานจิตรกรรมฝาผนังถูกวาดขึ้นช่วงปี พ.ศ. 2410-2417 ระหว่างการบูรณะซ่อมแซมวัดภูมินทร์ในสมัยเจ้าอนันตฤทธิวรเดชครองเมืองน่าน
ซึ่งตรงกับปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งภาพจิตรกรรมส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวในชาดก และแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชาวน่านในอดีต ภาพ "ปู่ม่านย่าม่าน" เป็นหนึ่งในภาพที่มีชื่อเสียงของงานจิตรกรรมฝาผนังดังกล่าว ด้วยได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุดทั้งด้านองค์ประกอบและอารมณ์
ซึ่ง คุณโบ ชญาดา เธอก็เป็นคนนึงที่มีความเชื่อ ได้ควงคู่คุณสามีสุดที่รัก ไปทำพิธีกรรมกระซิบรักนี้ และโพสใน IG ว่า
..... มากระซิบรักกันค่ะ “ความรักของน้องนั้น พี่จะเอาฝากไว้ในน้ำก็กลัวเหน็บหนาว จะฝากไว้กลางท้องฟ้าอากาศกลางหาว ก็กลัวเมฆหมอกมาปกคลุมรักของพี่ไปเสีย หากเอาไว้ในวังในคุ้ม เจ้าเมืองมาเจอก็จะเอาความรักของพี่ไป เลยขอฝากเอาไว้ในอกในใจของพี่ จะให้มันร้องไห้รำพี้รำพันถึงน้อง ไม่ว่ายามพี่นอนหลับหรือสะดุ้งตื่น”
ว่ากันว่า หากต้องการให้ความรัก มีความมั่นคง ยืนยาว สามารถมาขอพรต่อหน้า ภาพปู่ม่านย่าม่านได้ โดยก่อนขอพร คู่รักต้องไปทำการลอดซุ้มพญานาคคู่ขวัญที่อยู่ทางด้านหน้าพระอุโบสถเสียก่อน ซึ่งซุ้มพญานาคคู่ขวัญดังกล่าวมีอายุกว่า 400 ปี เดินลอดวนทวนเข็มนาฬิกาสามรอบ แล้วค่อยมาขอพรจาก “ปู่ม่านย่าม่าน” โดยเฉพาะฝ่ายชาย จักต้องจำประโยคบอกรักที่สำคัญ ข้างต้น ไปพูดกระซิบบอกคนรักต่อหน้า “ปู่ม่านย่าม่าน”
วันนี้เราสองคนมากระซิบรักเรียบร้อยแล้ว (เขินมากพี่แบงค์พูดจนจบ คนมองเยอะ แต่ไพเราะมากเลยค่ะ) คู่รักคู่ไหนที่ผ่านมาเที่ยวน่านนคร ลองมาบอกรักกันต่อหน้าปู่ม่านย่าม่านนะคะ ตำนานว่ากันว่าเป็น "ตำนานกระซิบรักบันลือโลก" ภาพแห่งความรักเหนือกาลเวลา
ซึ่งมีความเชื่อว่าถ้าหาก คู่รักใดมาบอกรักขอพรต่อหน้า “ปู่ม่านย่าม่าน” นอกจากจะขอพรให้มีความรักยืนยงยาวนานแล้ว ยังหมายถึงความมั่นคง มั่งคั่งในชีวิตรักหรือชีวิตสมรสอีกด้วย การขอพรนั้นคู่รักฝ่ายชาย จะต้องจำประโยคบอกรักที่สำคัญ ซึ่งแต่งและแปลโดย อาจารย์สมเจตน์ วิมลเกษม เป็นภาษาถิ่นพายัพ (ภาษาเหนือ) อันสละสลวย ไปพูดกระซิบบอกคนรักต่อหน้า “ปู่ม่านย่าม่าน” ว่า
คำฮักน้อง กูปี้จักเอาไว้ในน้ำก็กลัวหนาว
จักเอาไว้พื้นอากาศกลางหาว ก็กลัวหมอกเหมยซอนดาวลงมาคะลุม
จักเอาไปใส่ในวังข่วงคุ้ม ก็กลัวเจ้าปะใส่แล้วลู่เอาไป
ก็เลยเอาไว้ในอกในใจตัวชายปี้นี้ จักหื้อมันไห้อะฮิอะฮี้
ยามปี้นอนสะดุ้งตื่นเววา…
แปลว่า
ความรักของน้องนั้น พี่จะเอาฝากไว้ในน้ำก็กลัวเหน็บหนาว
จะฝากไว้กลางท้องฟ้าอากาศกลางหาว ก็กลัวเมฆหมอกมาปกคลุมรักของพี่ไปเสีย
หากเอาไว้ในวังในคุ้ม เจ้าเมืองมาเจอก็จะแย่งความรักของพี่ไป
เลยขอฝากเอาไว้ในอกในใจของพี่ จะให้มันร้องไห้รำพี้รำพันถึงน้อง
ไม่ว่ายามพี่นอนหลับหรือสะดุ้งตื่น
โดยก่อนขอพร คู่รักต้องไปทำการลอด ซุ้มพญานาคคู่ขวัญ ที่อยู่ทางด้านหน้าพระอุโบสถเสียก่อน ซึ่งซุ้มพญานาคคู่ขวัญดังกล่าวมีอายุกว่า 400 ปี คู่รักต้องลอดเดินวนทวนเข็มนาฬิกาสามรอบ แล้วค่อยมาขอพรจาก “ปู่ม่านย่าม่าน” ความรักจะยั่งยืนนาน ใครที่มีโอกาสเดินทางไปจังหวัดน่าน อย่าลืมไปสัมผัสกับ "ตำนานรักบันลือโลกปู่ม่าน ย่าม่าน" แห่งวัดภูมินทร์ กันนะคะ
แชร์เรื่องนี้
คัดลอกลิงก์
ขอขอบคุณ
ข้อมูล :wikipedia
ภาพ :wikipedia , IG bo_achi
แท็ก :...
Read moreไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำแห่งวัดภูมินทร์ ถ่ายรูปคู่กระซิบรัก อาฮิ อาฮี้
วัดภูมินทร์ เดิมมีชื่อว่า “วัดพรหมมินทร์” ตั้งตามชื่อของเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครองนครน่านได้โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2139 หลังจากที่เจ้าเจตบุตรขึ้นครองนครน่านได้ 6 ปีนี้ ต่อมาชื่อวัดถูกเรียกกันจนเพี้ยนไป จนกลายเป็น “วัดภูมินทร์” ตามที่รู้จักกันในปัจจุบัน จุดเด่นของวัดนี้คือ "พระอุโบสถจตุรมุข” สถาปัตยกรรมอันโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะ ที่รวมเอาโบสถ์ วิหาร และเจดีย์ ไว้ในอาคารเดียวกัน ในลักษณะการจำลองแผนภูมิจักรวาลตามความเชื่อแห่งพุทธศาสนา โดยมีพระประธานจตุรทิศปางมารวิชัย 4 องค์ หันหน้าออกสู่ประตูทั้ง 4 ทิศ ประดิษฐ์ฐานอยู่ภายใน และมีนาคสะดุ้งขนาดใหญ่แห่แหนพระอุโบสถเทินไว้กลางลำตัว ที่เปรียบเสมือนการอุ้มชูพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไป มีเรื่องเล่ากันว่า หากใครจะไปกราบขอพรพระจตุรทิศ ให้พยายามสังเกตหน้าองค์พระ 1 ในทั้งสี่ทิศ ซึ่งจะมีอยู่เพียงทิศเดียวเท่านั้น ที่หน้าองค์พระประธานจะมีลักษณะยิ้มแย้มมากกว่าทั้ง 3 ทิศที่เหลือ ก็ให้กราบขอพรยังทิศนั้นแล้วจะได้สมปรารถนาตามที่ตั้งใจ
"ฮูปแต้ม" ภาพจิตรกรรมวัดภูมินทร์ วัดภูมินทร์ ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ ในปี พ.ศ. 2410 ในสมัยพระเจ้า อนันตวรฤทธิเดช (ปลายสมัยรัชกาลที่ 4 ต่อรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ซึ่งเจ้าผู้ครองนครน่านมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง จึงทรงโปรดให้ช่างหลวงบูรณะวัดเป็นครั้งใหญ่ มีจำนวนถึง 22 วัด และวัดภูมินทร์ก็ได้รับการบูรณะเป็นอันดับที่ 9 ใช้เวลาบูรณะอยู่ราว 8 ปี (พ.ศ. 2410 - 2418) ซึ่งกรม ศิลปากรสันนิษฐานว่า การบูรณะครั้งนี้ เป็นที่มาของภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในวิหารวัดภูมินทร์นี้เอง
ภาพจิตกรรมฝาผนังที่โดดเด่นเป็นพิเศษในวัดภูมินทร์แห่งนี้ก็คือ ภาพ “กระซิบบันลือโลก” หรือภาพ “ปู่ม่าน ย่าม่าน” ซึ่งเป็นคำเรียกผู้ชายผู้หญิงชาวไทลื้อสมัยโบราณ ในลักษณะกระซิบสนทนากัน
อาจารย์ วินัย ปราบริปู ศิลปินสายเลือดน่าน ได้แสดงความเห็นไว้ว่า ศิลปินผู้เขียนภาพที่วัดภูมินทร์เป็นศิลปินคนเดียวกับผู้เขียนภาพที่วัดหนองบัว ที่อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน "หนานบัวผัน" หรือ ทิดบัวผัน ช่างวาด ชาวไทลื้อ เนื่องจากภาพจิตรกรรมวัดภูมินทร์กับวัดหนองบัวมีโครงสร้างสีเดียวกัน คือ แม่สีแดง น้ำเงิน เหลืองเป็นหลัก และมีภาพที่คล้ายคลึงกันถึงกว่า 40 จุด เช่น ใบหน้าคน การแต่งกาย สรรพสัตว์ ทั้งไก่แจ้ นก ลิง กวาง แม้กระทั่งแนวการลากเส้นสายพุ่มไม้และกอ สับปะรด ก็ยังเป็นแบบเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการ ค้นพบภาพร่างด้วยหมึกบนกระดาษสาพับ (ชาวล้านนาเรียก ปั๊บสา) ระบุว่าเป็น ของ "หนานบัวผัน" ใช้ร่างก่อนภาพจริงลงบนฝาผนัง ซึ่งมีหลายภาพ อาทิ ภาพอี โรติกของลิงหนุ่มสาว เป็นภาพร่างใน "ปั๊บสา" พบที่วัดหนองบัว แล้วมีภาพนี้ไป ปรากฎที่ฝาผนังวัดภูมินทร์ด้วย
คำกลอนภาษาคำเมือง ที่แต่งขึ้นมาสำหรับภาพนี้ ว่าไว้ว่า… "กำฮักน้องกูปี้จั๊กเอาไว้ในน้ำก็กั๋วหนาว จั๊กเอาไว้ปื้นอากาศกลางหาว ก็กั๋วหมอกเหมยซ่อนดาวลงมาขะลุ้ม จั๊กเอาไปใส่ในวังข่วงคุ้ม ก็กั๋วเจ้าปะใส่แล้วลู่เอาไป ก็เลยเอาไว้ในอกในใจ๋ตัวจายปี้นี้ จั๊กหื้อมันไห้ อะฮิ อะฮี้ ยามปี้นอนสะดุ้งตื่นเววา"
คำแปล “ความรักของน้องนั้น พี่จะเอาฝากไว้ในน้ำก็กลัวเหน็บหนาว จะฝากไว้กลางท้องฟ้าอากาศกลางหาว ก็กลัวเมฆหมอกมาปกคลุมรักของพี่ไปเสีย หากเอาไว้ในวังในคุ้ม เจ้าเมืองมาเจอก็จะเอาความรักของพี่ไป เลยขอฝากเอาไว้ในอกในใจของพี่ จะให้มันร้องไห้รำพี้รำพันถึงน้อง...
Read more