พระธาตุกู่คำ “กู้คำ” ตามตำนานเล่าว่า หลังจากเสด็จจากเขาน้อยแล้ว พระองค์ก็เสด็จไปถึงริมน้ำห้วยไคร้ (แม่น้ำน่าน) ทอดพระเนตรเห็นน้ำใสสะอาด จึงปรารภเพื่อจะสรงน้ำนั้น ในกาลนั้น เจ้าเมืองนันทบุรีก็ได้เสด็จมาสรงน้ำพร้อมกับพระราชเทวี ทอดพระเนตรเห็นพระพุทธเจ้าก็ตกพระทัยกลัวมาก คิดว่าชะรอยจะเป็นพระอินทร์หรือพระพรหมเป็นแน่จึงเสด็จเข้าไปไหว้แล้วทูลถามว่า ท่านมีชื่อว่าอะไรถึงได้มาที่นี้ องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า “เราได้ชื่อว่าตถาคต คือเป็นพระพุทธเจ้า เป็นครูแก่โลกทั้งสาม...”
พระบาทท้าวเธอเมื่อทรงทราบว่าเป็นพระพุทธเจ้า ก็มีความปีติเบิกบานยินดีมากนักจึงเอาผ้าขาวถวายพระพุทธเจ้า แล้วพระพุทธองค์จึงรับเอาผ้าผืนนั้นด้วยพระมหากรุณาเมื่อทรงสรงน้ำห้วยไคร้แล้ว ก็เปลี่ยนผ้าอาบผืนนั้นให้พระอานนท์ เพื่อเอาผ้าไปบิดตากบนก้อนหินลูกหนึ่ง
ในเวลานั้น พระพุทธเจ้าเสด็จประทับยืนอยู่ใต้ต้นมะเดื่อ พระอานนท์จึงเอาอาสนะปูให้พระพุทธองค์ประทับนั่งที่ใกล้ต้นมะเดื่อ ส่วนพระยามลราชเจ้าเมืองนันทบุรี ทรงรับสั่งพระนางสัณฐมิตราชเทวีกับคนใช้ไปนำเอาอาสนะที่วังหลวงมาปูถวายให้พระพุทธเจ้า นางผู้นั้นไปเอาอาสนะนานเหลือเกิน จนเจ้าเมืองทรงพิโรธเสด็จไปเอาอาสนะมาปูถวายพระพุทธเจ้าเอง พร้อมกับนำผลสมอแห้ง ๗ ลูก แช่เอาไว้ ฝ่ายองค์สมเด็จพระบรมศาสดาได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า พระองค์จะเสด็จต่อไปข้างหน้า พระเถระจึงไปเก็บผ้าอาบน้ำผืนนั้นซึ่งแห้งดีแล้ว
ในขณะที่ไปเก็บผ้าอาบนั้น ผ้าก็กลับกลายเป็นแผ่นทองคำ มีวรรณะเหมือนสุพรรณอันเหลืองเข้มอันรัศมีผ้าแผ่นทองคำนี้ ได้ส่องไปทั่วทั้งป่าไผ่ มองแล้วเหลืองงามไปทั่วบริเวณนั้น พระอานนท์เห็นอัศจรรย์ดังนั้น จึงทูลขอให้ไว้พระศาสนาที่นี้ เพื่อโปรดมนุษย์และเทวดาต่อไปภายหน้า พระองค์จึงประทานพระเกศา ๑ เส้น บรรจุไว้ที่นั้น
โดยพระอินทร์ได้ทรงเนรมิตอุโมงค์ได้ลูกหินนั้นลึกได้ ๗ วา แล้วอาราธนาพระเกศาธาตุและผ้าอาบน้ำทั้งสำเภาทองคำลงไว้เอาหินทับถมขึ้นมาแล้ว เอาก้อนหินใหญ่ที่ตากผ้านั้นขึ้นทับไว้ข้างบนให้เป็นปกติธรรมดาตามเดิม แล้วพระองค์ได้ตรัสพยากรณ์ว่า
“สถานที่พระตถาคตสรงน้ำที่ห้วยไคร้ที่พระอานนท์เอาผ้าไปตากแล้วกู้กลายเป็นแผ่นทองคำไปนั้น ต่อไปภายหน้าจะมีพระยาตนหนึ่งชื่อ มงคลวรยศ จะมายกยอสร้างพระเจดีย์ให้สูงใหญ่ขึ้น จักได้ชื่อว่า พระธาตุกู่คำ ตามนิมิตกู้ผ้าแผ่นทองคำนั้น และในป่าไผ่ที่รัศมีผ้าแผ่นทองคำส่องไปนั้น ต่อไปคนทั้งหลายจะมาสร้างขึ้นเป็นที่วัด จักได้ชื่อว่า...
Read moreวัดกู่คำ ตามในคัมภีร์ใบลานตำนานพระธาตุวัดกู่คำว่า ครั้งอดีตกาลเมื่อพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาทรงน้ำที่ห้วยไคร้ ได้ทรงสรงน้ำแล้วได้ไห้พระสาวกนำผ้าอาบน้ำ ไปตากที่ก้อนหินใหญ่ริมแม่น้ำ แล้วพระพุทธองค์ทรงเสด็จไปยังดอยภูเพียง เพื่อไปไว้เกศาที่ดอยภูเพียง เมื่อจะเสด็จกลับได้ให้พระสาวกไปกู้หรือเก็บผ้าอาบน้ำผืนนั้นเมื่อพระสาวกไปยังก้อนหินก็พบว่าผ้าอาบน้ำผืนนั้นกลับกลายเป็นแผ่นทองคำ เมื่อเป็นดังนั้นพระพุทธองค์จึงทรงให้เก็บกู้ผ้าทองคำผืนนั้นและทรงประทานเกศาให้แก่พระสาวกและชาวเมืองแห่งนี้ เพื่อให้เป็นตัวแทนพระองศ์ ชาวเมืองจึงได้สร้าง พระธาตุครอบที่หินตากผ้าพร้อมทั้งนำเอาผ้าทองคำและพระเกศาธาตุบรรจุไว้ในพระธาตุวัดกู่คำ[4]
โบราณสถานและโบราณวัตถุภายในวัดมีองค์พระประธานในอุโบสถ และลวดลายดาวเพดาลซึ่งเป็นศิลปะแบบพม่าที่ยังคงเหลืออยู่ในจังหวัดน่าน และยังมีธรรมาสน์โบราณศิลปะพื้นเมืองน่าน ที่ประดับด้วยกระจกตะกั่ว หรือแก้วจืน แก้วอังวะ พระธาตุกู่คำเป็นเจดีย์ทรงระฆังที่เจดีย์ยึดส่วนฐานให้สูงทำให้องค์ระฆังมีขนาดเล็กลง โดยส่วนฐานล่างเป็นฐานเขียงสามชั้นต่อด้วยฐานบัวลูกแก้วอกไก่และชั้นบัวถลา รองรับองค์ระฆัง โดยบริเวณปากองค์ระฆังมีลวดลายกลีบบัวประดับ เหนือองค์ระฆังเป็นบัลลังค์...
Read moreวัดกู่คำสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1883 ดังปรากฎในคัมภีร์ใบลานตำนานพระธาตุวัดกู่คำว่า พระพุทธเจ้าเสด็จมาสรงน้ำที่ห้วยไคร้ และได้ให้พระสาวกนำผ้าอาบน้ำไปตากที่ก้อนหินใหญ่ริมแม่น้ำ เมื่อพระสาวกไปกู้หรือเก็บผ้าอาบน้ำได้พบว่าผ้าผืนนั้นได้กลายเป็นแผ่นทองคำ พระพุทธองค์จึงประทานเกศาและผ้าทองคำให้ชาวบ้าน โดยชาวบ้านได้สร้างพระธาตุครอบหินตากผ้านั้นพร้อมทั้งเอาผ้าทองคำและพระเกศาบรรจุไว้ในพระธาตุกู่คำ อีกหนึ่งความโดดเด่นของวัดกู่คำคือโบราณสถานและโบราณวัตถุ ทั้งองค์พระประธานในอุโบสถ...
Read more