HTML SitemapExplore
logo
Find Things to DoFind The Best Restaurants

Wat Mahathat Worawihan — Attraction in Phetchaburi Province

Name
Wat Mahathat Worawihan
Description
Nearby attractions
Chomklao bridge
4W5X+C6R, Phong Suriya Rd, Tha Rab, Mueang Phetchaburi District, Phetchaburi 76000, Thailand
Wat Kamphaeng Laeng
4 Kum Peng Mueang, Tha Rab, Mueang Phetchaburi District, Phetchaburi 76000, Thailand
Wat Petch Plee (Wat Plibplee Derm)
4X24+82, Tha Rab, Mueang Phetchaburi District, Phetchaburi 76000, Thailand
Nearby restaurants
Rabieng Rimnam
เลขที่ 1 ซอย ริม น้ำ Khlong Kra Saeng, Mueang Phetchaburi District, Phetchaburi 76000, Thailand
Uncle Kob's Pizza
303/1 Soi Bandai It 2, Banmoh Mueang Phetchaburi District, Chang Wat Phetchaburi 76000, Thailand
Nearby hotels
White Monkey Guest House
78/7 Khlong Krachaeng Rd, Khlong Kra Saeng, Mueang Phetchaburi District, Phetchaburi 76000, Thailand
Banthai guest house
89 Soi Wat Yang 2, Khlong Kra Saeng, Mueang Phetchaburi District, Phetchaburi 76000, Thailand
A+ Hometel
91 Khlong Krachaeng Rd, Khlong Kra Saeng, Mueang Phetchaburi District, Phetchaburi 76000, Thailand
SIDA​ ​HOSTEL
78 4 Khlong Krachaeng Rd, Khlong Kra Saeng, Mueang Phetchaburi District, Phetchaburi 76000, Thailand
Chedi View Hostel & Rooftop Bar
303 Thanon Ban-Dai-It Tambon Khlong-Kra-Saeng Amphoe Mueang-Phetchaburi 76000, Thailand
Thanyachatra Boutique
4W3R+867, Soi Bandai It 4, Khlong Kra Saeng, Mueang Phetchaburi District, Phetchaburi 76000, Thailand
Wake up Hostel
314/3 หมู่บ้านหมู่บ้านศรีเพชรวิลล์ Tha Rab, เมือง Phetchaburi 76000, Thailand
Related posts
Keywords
Wat Mahathat Worawihan tourism.Wat Mahathat Worawihan hotels.Wat Mahathat Worawihan bed and breakfast. flights to Wat Mahathat Worawihan.Wat Mahathat Worawihan attractions.Wat Mahathat Worawihan restaurants.Wat Mahathat Worawihan travel.Wat Mahathat Worawihan travel guide.Wat Mahathat Worawihan travel blog.Wat Mahathat Worawihan pictures.Wat Mahathat Worawihan photos.Wat Mahathat Worawihan travel tips.Wat Mahathat Worawihan maps.Wat Mahathat Worawihan things to do.
Wat Mahathat Worawihan things to do, attractions, restaurants, events info and trip planning
Wat Mahathat Worawihan
ThailandPhetchaburi ProvinceWat Mahathat Worawihan

Basic Info

Wat Mahathat Worawihan

ถนนดำเนินเกษม Khlong Kra Saeng, Mueang Phetchaburi District, Phetchaburi 76000, Thailand
4.7(1.3K)
Open 24 hours
Save
spot

Ratings & Description

Info

Cultural
Family friendly
attractions: Chomklao bridge, Wat Kamphaeng Laeng, Wat Petch Plee (Wat Plibplee Derm), restaurants: Rabieng Rimnam, Uncle Kob's Pizza
logoLearn more insights from Wanderboat AI.
Website
facebook.com

Plan your stay

hotel
Pet-friendly Hotels in Phetchaburi Province
Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.
hotel
Affordable Hotels in Phetchaburi Province
Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.
hotel
The Coolest Hotels You Haven't Heard Of (Yet)
Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.
hotel
Trending Stays Worth the Hype in Phetchaburi Province
Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

Reviews

Nearby attractions of Wat Mahathat Worawihan

Chomklao bridge

Wat Kamphaeng Laeng

Wat Petch Plee (Wat Plibplee Derm)

Chomklao bridge

Chomklao bridge

4.5

(18)

Open 24 hours
Click for details
Wat Kamphaeng Laeng

Wat Kamphaeng Laeng

4.6

(288)

Closed
Click for details
Wat Petch Plee (Wat Plibplee Derm)

Wat Petch Plee (Wat Plibplee Derm)

4.6

(64)

Open 24 hours
Click for details

Nearby restaurants of Wat Mahathat Worawihan

Rabieng Rimnam

Uncle Kob's Pizza

Rabieng Rimnam

Rabieng Rimnam

4.5

(308)

Click for details
Uncle Kob's Pizza

Uncle Kob's Pizza

4.7

(77)

Click for details
Get the Appoverlay
Get the AppOne tap to find yournext favorite spots!
Wanderboat LogoWanderboat

Your everyday Al companion for getaway ideas

CompanyAbout Us
InformationAI Trip PlannerSitemap
SocialXInstagramTiktokLinkedin
LegalTerms of ServicePrivacy Policy

Get the app

© 2025 Wanderboat. All rights reserved.
logo

Posts

Suphakorn PanyangamSuphakorn Panyangam
เป็นวัดโบราณที่โคตรสวยเลย ยิ่งพระปรางค์สวยมากๆ มาทำบุญกราบพระพุทธรูปสวยมากและรูปหล่ออดีตเจ้าอาวาส เชิญชวนเลยครับ แนะนำให้มา ไปมาวันที่ 5/5/67 ส่วนประวัติวัดตามนี้ครับ วัดมหาธาตุวรวิหาร ไม่มีหลักฐานว่าสร้างในสมัยใด มีผู้สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างในสมัยทวารวดี-สุโขทัย มีอายุราว 800-1000 ปี โดยพบหลักฐานสำคัญคือ ซากอิฐสมัยทวารวดีเป็นจำนวนมาก มีใบเสมาคู่ ลวดลายแบบทวารวดี น่าจะเป็นวัดที่เจริญรุ่งเรืองและเป็นพระอารามหลวงมาก่อน ต่อมากับชำรุดทรุดโทรมลง ผู้ประทานนามวัดใหม่ว่า วัดมหาธาตุ คือ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรสสมเด็จพระสังฆราชเจ้า พระมหากษัตริย์และพระบรมวศ์กับวัดมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (สมัยขอมเรืองอำนาจ) โปรดให้สร้างพระพุทธรูป “พระชัยพุทธมหานาถ” ขึ้น 23 องค์ ให้อันเชิญประดิษฐานไปยังเมืองต่าง ๆ คือ ลพบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี เพชรบุรี ฯลฯ ซึ่งคงได้สร้างพระปรางค์หรือศาสนสถานแบบขอมไว้ด้วย พ่อขุนรามคำแหง (สมัยกรุงสุโขทัย) ทรงอาราธนาพระสังฆราชจากลังกา จากนครศรีธรรมราช มาเป็นประธานสงฆ์ในกรุงสุโขทัย และทรงเสด็จมารับพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ประเทศศรีลังกาส่งมาถวายจากนครศรีธรรมราชขึ้นไปยังกรุงสุโขทัย สันนิษฐานว่าพ่อขุนรามต้องเสด็จผ่าน และประทับที่เพชรบุรีและชาวเพชรบุรีต้องร่วมงานบุญในครั้งนั้นด้วย วัดหน้าพระธาตุ ก็น่าจะสร้างขึ้นในสมัยนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (สมัยกรุงศรีอยุธยา) พระองค์ได้ทรงสร้างและบูรณะปฏิสังขรณ์วัดต่างๆ มีพระบรมราชานุญาตให้พระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนาง ข้าราชบริพาร ร่วมโดยเสด็จพระราชกุศลสร้างวัดวาอารามและเจดีย์สถาน ทั้งในกลุ่มและหัวเมืองเป็นอันมาก ปรากฏว่าศิลปกรรมต่างๆ ในสมัยของพระองค์ มีอยู่ในวัดมหาธาตุมากมาย เช่น พระวิหารหลวง พระระเบียงคด พระอุโบสถ พระวิหารน้อย ลายปูนปั้นหน้าบันซุ้มประตูซุ้มหน้าต่าง พระพุทธรูป และปูชนียสถาน โบราณวัตถุต่างๆ ที่ประณีตงดงาม พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินท์) โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะพระปรางค์ ซึ่งหักพังให้ดีดังเดิม ใน พ.ศ. 2406 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินท์) โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะพระปรางค์ โดยก่อให้สูงขึ้นมาในระดับหนึ่ง ต่อมาพังลงอีก และคงค้างอยู่จนถึงสมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินท์ โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์สร้างกุฏิสงฆ์ ซึ่งประสบอัคคีภัย ในปี พ.ศ 2458 สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ในสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงขอพระราชทานยกวัดเป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รััชกาลที่ 7 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) เสด็จฯ วัดมหาธาตุพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ ร่วมบูรณะพระปรางค์ ซึ่งยังไม่เสร็จเรียร้อย เมื่อ พ.ศ. 2479 และมีการฉลองพระปรางค์ 5 วัน 5 คืน ในปี พ.ศ. 2480 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9 แห่งกรุงรัตนโกสินท์) เสด็จฯ วัดมหาธาตุ 4 ครั้ง ทรงทอดพระเนตรเป็นการส่วนพระองค์ เมื่อ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2496 ในปีถัดมาเสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ กลางครรภธาตุของพระปรางค์องค์ประธาน เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2497 เสด็จฯ บำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระเจ้าลุกเธอเจ้าฟ้าอุบลรัตนฺราชกัญญาฯ และพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ทรงเวียนเทียนรอบองค์พระปรางค์ และทรงถวายกัปปิยภัณฑ์บำรุงพระอารม เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2508 และเสด็จฯ พร้อมสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเททองหล่อพระพุทธรูปปางประทานพร ประดิษฐานพระบรมปรมาภิไธย ร. 9 เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2508 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินเวียนเทียนรอบพระปรางค์วัดมหาธาตุวรวิหาร เนื่องในวันมาฆบูชา เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จทรงยกฉัตรทองคำประดิษฐาน ณ ยอดพระปรางค์องค์ประธาน เมื่อวันที่ 12 มิถุนาย พ.ศ. 2551 ทำเนียบเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุวรวิหาร พระอธิการถัว พระอธิการแก้ว พระอธิการอัด พระอธิการครุธ พระอธิการน้อย พระอธิการหลุบ พระครูอโศกธรรมสาร พระสุวรรณมุนี (ชิต) พระเทพสุวรรณมุนี (ผัน) พระธรรมรัตนดิลก (บุญรวม สีลภูสิโต) พระราชสุวรรณมุนี (แคล้ว) พระครูวาทีวรวัฒน์, ดร. (กล้า วีรรตโน )
Noppodon OnnumNoppodon Onnum
วัดมหาธาตุ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่เลขที่ ๒๙ ถนนนิกรบำรุง ตำบลในเมืองอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ ๑๗ ไร่๓งาน ๓๓ ตารางวาตามโฉนดที่ดินเลขที่๘๓๐เล่ม๙หน้า๓๐อาณาเขตทิศเหนือติดต่อกับที่ดินของเอกชนทิศใต้ติดต่อกับคลองตลุกทิศตะวันออกติดต่อกับถนนนิกรบำรุงทิศตะวันตกติดต่อกับที่ดินของเอกชน พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบอยู่ในเขตเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ การคมนาคมสะดวก อาคารเสนาสนะต่าง ๆ มี พระอุโบสถหลังใหม่ ศาลาการเปรียญเป็นอาคารไม้ยกพื้นสูง กุฎีสงฆ์ จำนวน ๑๓ หลัง อาคารเรียน พระปริยัติธรรม ๒ ชั้น พระวิหารหลวงพ่อเพชรมีชัย ศาลาธรรมสังเวชและฌาปนสถาน ปูชนียวัตถุของวัดมี พระประธานในพระอุโบสถ มีพระนามว่า “หลวงพ่องาม” พระประธานในพระวิหารมีพระนามว่า “หลวงพ่อเพชรมีชัย” นอกจากนี้มีพระเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ บูรณะเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๐ เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ อัฐิธาตุพระอรหันต์ และพระพุทธรูปบูชา พระเครื่อง พระพิมพ์ต่าง ๆ ตลอดจนวัตถุโบราณอื่น ๆ อีกด้วย วัดมหาธาตุ สร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ประมาณ พ.ศ.๑๙๒๖ พระเจ้าเพชรบูรณ์ซึ่งเป็นเจ้าเมืองเพชรบูรณ์เป็นผู้สร้างขึ้น ตามการสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ซึ่งขุดพบลานทองจารึกในพระเจดีย์องค์ใหญ่เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๐ คงเป็นวัดที่ได้รับการทะนุบำรุงจากเจ้าเมืองให้เจริญรุ่งเรืองมาก ต่อมาได้กลายสภาพเป็นวัดร้าง เล่ากันว่า เจ้าพระยาจักรี(สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) กับเจ้าพระยาสุรสีห์ (กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท) เมื่อคราวยกทัพไปรบกับพม่าที่พิษณุโลก ได้นำไพร่พลมาทางเมืองเพชรบูรณ์ และได้กระทำพิธีบวงสรวงเพื่อชัยชนะที่วัดมหาธาตุ นอกจากนี้แล้วทางราชการยังเคยใช้สถานที่นี้ประหารนักโทษสำคัญอีกด้วย ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๔๗ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ขณะประทับอยู่ที่เมืองเพชรบูรณ์ มีรับสั่งให้พระยาเพชรรัตน์ (เฟื่อง) เจ้าเมืองเพชรบูรณ์ เกณฑ์ผู้คนมาทำการบูรณะวัดมหาธาตุครั้งใหญ่ ครั้นถึงสมัยรัชกาลที่ ๖ ราว พ.ศ.๒๔๕๓ มีพระราชพิธีราชาภิเษกทรงรับน้ำจากหัวเมืองต่าง ๆ โดยเจ้าเมืองเพชรบูรณ์ได้นำน้ำจากสระมนในวัดมหาธาตุไปร่วมพิธีด้วย วัดมหาธาตุ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาแต่เดิม ซึ่งมีใบเสมาของเก่าทำจากหินทรายปรากฏอยู่ แต่ได้ขอพระราชทานวิสุงคามสีมาใหม่ ได้รับพระราชทานเมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๙๖ เขตวิสุงคามสีมากว้าง ๔๐ เมตร ยาว ๘๐ เมตร ได้ผูกพัทธสีมาใหม่ในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ มีพระภิกษุจำพรรษาประมาณปีละ ๕๐ รูป สามเณร ๘๐ รูป ทางวัดได้เปิดสอนพระปริยัติธรรม พ.ศ.๒๔๘๓ มีทั้งแผนกธรรมและบาลี เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างในปี พ.ศ.๒๕๐๙ ได้รับการสถาปนาให้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ นับตั้งแต่วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๕ ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการลงวันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๕ วัดมหาธาตุ มีพระเจดีย์ ทรงพุ่ม ข้าวบิณฑ์แบบสุโขทัย สูง ประมาณ 4 วาเศษ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า วัดนี้คงสร้างมา ตั้งแต่สมัยสุโขทัย เมื่อปี พ.ศ. 2510 ทางกรมศิลปกรได้บูรณะพระเจดีย์องค์นี้ ได้ขุดพบลานทองจารึกใน พระเจดีย์องค์ใหญ่ หลังพระอุโบสถ และได้นำ โบราณวัตถุที่บรรจุเจดีย์นั้นขึ้นมาด้วย มีสิ่งหนึ่งที่ได้มาพร้อมกับพระเครื่อง พระบูชา เป็นรูปช้าง รูปหมู ในท้องหมูมีลานทองจาลึกอยู่ 3 แผ่น
Chanthawat BoonprasertsriChanthawat Boonprasertsri
เที่ยวเพชรบุรีอย่าลืมมาทำบุญไหว้พระที่วัดนี้กันก่อนนะครับ ประวัติ วัดมหาธาตุวรวิหาร เพชรบุรี วัดมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างในสมัยใด มีผู้สันนิษฐานว่าน่าจะสร้าง สมัยทวารวดี - สุโขทัย มีอายุราว 800 - 1,000 ปี โดยประมาณ เนื่องจากขุดพบซากอิฐสมัยทวารวดีอยู่เป็นจำนวนมาก มีผู้กล่าวว่าวัดมหาธาตุวรวิหารน่าจะเคยเป็นวัดที่เคยมีความเจริญรุ่งเรืองและเป็นพระอารามหลวงมาก่อน ต่อมาชำรุดทรุดโทรมลง จนถึงสมัยรัชกาลที่ 6 จึงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมื่อปี พ.ศ. 2459 วัดมหาธาตุวรวิหาร เป็นวัดที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ศิลปะและโบราณคดี สถานที่สำคัญของวัดแห่งนี้ พระอุโบสถ ประดิษฐานพระประธาน ผนังอุโบสถฉาบเรียบไม่มีภาพเขียนสีแต่อย่างใด มีพระพุทธรูปเรียงกันอยู่ 3 องค์ หน้าบันปูนปั้นศิลปเพชรบุรี พระวิหารหลวง สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย รัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (พ.ศ. 2275 - 2301) ภายในพระวิหารหลวงมีพระพุทธรูปที่สำคัญ คือ พระพุทธรูปประธานทรงราชาภรณ์ นอกจากนี้ ยังมี หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ วัดมหาธาตุ เป็นพุทธรุปปรางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 8 นิ้ว หัตถ์ซ้ายถือพัด ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อวัดมหาธาตุ ภายในพระวิหารหลวงผนังทุกด้านมีจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม ทั้งภาพชาดก และเทพชุมนุมที่หน้าบันประดับด้วยลาย ปูนปั้น รูปพระนารายณ์ทรงครุฑยุดนาค มีพญาวานรแบกครุฑอยู่อีกชั้นหนึ่ง พื้นหลังเป็นลายกนก ก้านขดออกช่อลายหางโต เป็นรูปครุฑ นาค ยักษ์ ฯลฯ หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ ตามประวัติ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) นำมาจากวัดร้างแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรี ประดิษฐานไว้ในพระวิหารวัดมหาธาตุวรวิหารเพชรบุรีเมื่อครั้งพระองค์ยังทรงผนวชอยู่ พระวิหารน้อย เป็นสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยา ฐานอ่อนโค้งทรงสำเภา ตั้งอยู่ระหว่างพระวิหารหลวงกับพระอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหลวงพ่ออู่ทอง ศิลปะแบบอู่ทอง ปางมารวิชัย ที่ฐานมีลายปูนปั้น ประดับกระจกสวยสดงดงาม ที่หน้าบันประดับด้วยลวดลายปูนปั้นวิจิตรงดงาม เช่นเดียวกับพระอุโบสถ และพระวิหารหลวง พระปรางค์ 5 ยอด เป็นสัญลักษณ์ สูงตระหง่านในเขตพุทธาวาส สามารถมองเห็นได้แต่ไกลทั้ง 4 ทิศ วัดจากฐานถึงยอดนภศูลได้ 55 เมตร รอบฐานยาว 120 เมตร มีอายุราว 1,000 กว่าปี ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุมาแต่อดีตกาล มีระเบียงคตรอบพระปรางค์ เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ในระเบียงคตมีพระพุทธรูปจำนวน 193 องค์ ประดิษฐานบนระเบียง พร้องทั้งมีตัวแบกที่ฐานพระ ส่วนมากตั้งอยู่ใต้องค์พระพุทธรูปทรงเครื่องไว้หลากหลาย สวยงาม พระพุทธรูปส่วนใหญ่ เป็นศิลปะอยุธยาตอนปลาย และสกุลช่างเมืองเพชร พุทธลักษณะงดงามมาก กรมศิลปากร ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เมื่อ วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2478
See more posts
See more posts
hotel
Find your stay

Pet-friendly Hotels in Phetchaburi Province

Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

เป็นวัดโบราณที่โคตรสวยเลย ยิ่งพระปรางค์สวยมากๆ มาทำบุญกราบพระพุทธรูปสวยมากและรูปหล่ออดีตเจ้าอาวาส เชิญชวนเลยครับ แนะนำให้มา ไปมาวันที่ 5/5/67 ส่วนประวัติวัดตามนี้ครับ วัดมหาธาตุวรวิหาร ไม่มีหลักฐานว่าสร้างในสมัยใด มีผู้สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างในสมัยทวารวดี-สุโขทัย มีอายุราว 800-1000 ปี โดยพบหลักฐานสำคัญคือ ซากอิฐสมัยทวารวดีเป็นจำนวนมาก มีใบเสมาคู่ ลวดลายแบบทวารวดี น่าจะเป็นวัดที่เจริญรุ่งเรืองและเป็นพระอารามหลวงมาก่อน ต่อมากับชำรุดทรุดโทรมลง ผู้ประทานนามวัดใหม่ว่า วัดมหาธาตุ คือ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรสสมเด็จพระสังฆราชเจ้า พระมหากษัตริย์และพระบรมวศ์กับวัดมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (สมัยขอมเรืองอำนาจ) โปรดให้สร้างพระพุทธรูป “พระชัยพุทธมหานาถ” ขึ้น 23 องค์ ให้อันเชิญประดิษฐานไปยังเมืองต่าง ๆ คือ ลพบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี เพชรบุรี ฯลฯ ซึ่งคงได้สร้างพระปรางค์หรือศาสนสถานแบบขอมไว้ด้วย พ่อขุนรามคำแหง (สมัยกรุงสุโขทัย) ทรงอาราธนาพระสังฆราชจากลังกา จากนครศรีธรรมราช มาเป็นประธานสงฆ์ในกรุงสุโขทัย และทรงเสด็จมารับพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ประเทศศรีลังกาส่งมาถวายจากนครศรีธรรมราชขึ้นไปยังกรุงสุโขทัย สันนิษฐานว่าพ่อขุนรามต้องเสด็จผ่าน และประทับที่เพชรบุรีและชาวเพชรบุรีต้องร่วมงานบุญในครั้งนั้นด้วย วัดหน้าพระธาตุ ก็น่าจะสร้างขึ้นในสมัยนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (สมัยกรุงศรีอยุธยา) พระองค์ได้ทรงสร้างและบูรณะปฏิสังขรณ์วัดต่างๆ มีพระบรมราชานุญาตให้พระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนาง ข้าราชบริพาร ร่วมโดยเสด็จพระราชกุศลสร้างวัดวาอารามและเจดีย์สถาน ทั้งในกลุ่มและหัวเมืองเป็นอันมาก ปรากฏว่าศิลปกรรมต่างๆ ในสมัยของพระองค์ มีอยู่ในวัดมหาธาตุมากมาย เช่น พระวิหารหลวง พระระเบียงคด พระอุโบสถ พระวิหารน้อย ลายปูนปั้นหน้าบันซุ้มประตูซุ้มหน้าต่าง พระพุทธรูป และปูชนียสถาน โบราณวัตถุต่างๆ ที่ประณีตงดงาม พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินท์) โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะพระปรางค์ ซึ่งหักพังให้ดีดังเดิม ใน พ.ศ. 2406 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินท์) โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะพระปรางค์ โดยก่อให้สูงขึ้นมาในระดับหนึ่ง ต่อมาพังลงอีก และคงค้างอยู่จนถึงสมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินท์ โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์สร้างกุฏิสงฆ์ ซึ่งประสบอัคคีภัย ในปี พ.ศ 2458 สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ในสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงขอพระราชทานยกวัดเป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รััชกาลที่ 7 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) เสด็จฯ วัดมหาธาตุพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ ร่วมบูรณะพระปรางค์ ซึ่งยังไม่เสร็จเรียร้อย เมื่อ พ.ศ. 2479 และมีการฉลองพระปรางค์ 5 วัน 5 คืน ในปี พ.ศ. 2480 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9 แห่งกรุงรัตนโกสินท์) เสด็จฯ วัดมหาธาตุ 4 ครั้ง ทรงทอดพระเนตรเป็นการส่วนพระองค์ เมื่อ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2496 ในปีถัดมาเสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ กลางครรภธาตุของพระปรางค์องค์ประธาน เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2497 เสด็จฯ บำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระเจ้าลุกเธอเจ้าฟ้าอุบลรัตนฺราชกัญญาฯ และพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ทรงเวียนเทียนรอบองค์พระปรางค์ และทรงถวายกัปปิยภัณฑ์บำรุงพระอารม เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2508 และเสด็จฯ พร้อมสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเททองหล่อพระพุทธรูปปางประทานพร ประดิษฐานพระบรมปรมาภิไธย ร. 9 เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2508 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินเวียนเทียนรอบพระปรางค์วัดมหาธาตุวรวิหาร เนื่องในวันมาฆบูชา เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จทรงยกฉัตรทองคำประดิษฐาน ณ ยอดพระปรางค์องค์ประธาน เมื่อวันที่ 12 มิถุนาย พ.ศ. 2551 ทำเนียบเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุวรวิหาร พระอธิการถัว พระอธิการแก้ว พระอธิการอัด พระอธิการครุธ พระอธิการน้อย พระอธิการหลุบ พระครูอโศกธรรมสาร พระสุวรรณมุนี (ชิต) พระเทพสุวรรณมุนี (ผัน) พระธรรมรัตนดิลก (บุญรวม สีลภูสิโต) พระราชสุวรรณมุนี (แคล้ว) พระครูวาทีวรวัฒน์, ดร. (กล้า วีรรตโน )
Suphakorn Panyangam

Suphakorn Panyangam

hotel
Find your stay

Affordable Hotels in Phetchaburi Province

Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

Get the Appoverlay
Get the AppOne tap to find yournext favorite spots!
วัดมหาธาตุ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่เลขที่ ๒๙ ถนนนิกรบำรุง ตำบลในเมืองอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ ๑๗ ไร่๓งาน ๓๓ ตารางวาตามโฉนดที่ดินเลขที่๘๓๐เล่ม๙หน้า๓๐อาณาเขตทิศเหนือติดต่อกับที่ดินของเอกชนทิศใต้ติดต่อกับคลองตลุกทิศตะวันออกติดต่อกับถนนนิกรบำรุงทิศตะวันตกติดต่อกับที่ดินของเอกชน พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบอยู่ในเขตเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ การคมนาคมสะดวก อาคารเสนาสนะต่าง ๆ มี พระอุโบสถหลังใหม่ ศาลาการเปรียญเป็นอาคารไม้ยกพื้นสูง กุฎีสงฆ์ จำนวน ๑๓ หลัง อาคารเรียน พระปริยัติธรรม ๒ ชั้น พระวิหารหลวงพ่อเพชรมีชัย ศาลาธรรมสังเวชและฌาปนสถาน ปูชนียวัตถุของวัดมี พระประธานในพระอุโบสถ มีพระนามว่า “หลวงพ่องาม” พระประธานในพระวิหารมีพระนามว่า “หลวงพ่อเพชรมีชัย” นอกจากนี้มีพระเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ บูรณะเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๐ เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ อัฐิธาตุพระอรหันต์ และพระพุทธรูปบูชา พระเครื่อง พระพิมพ์ต่าง ๆ ตลอดจนวัตถุโบราณอื่น ๆ อีกด้วย วัดมหาธาตุ สร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ประมาณ พ.ศ.๑๙๒๖ พระเจ้าเพชรบูรณ์ซึ่งเป็นเจ้าเมืองเพชรบูรณ์เป็นผู้สร้างขึ้น ตามการสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ซึ่งขุดพบลานทองจารึกในพระเจดีย์องค์ใหญ่เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๐ คงเป็นวัดที่ได้รับการทะนุบำรุงจากเจ้าเมืองให้เจริญรุ่งเรืองมาก ต่อมาได้กลายสภาพเป็นวัดร้าง เล่ากันว่า เจ้าพระยาจักรี(สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) กับเจ้าพระยาสุรสีห์ (กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท) เมื่อคราวยกทัพไปรบกับพม่าที่พิษณุโลก ได้นำไพร่พลมาทางเมืองเพชรบูรณ์ และได้กระทำพิธีบวงสรวงเพื่อชัยชนะที่วัดมหาธาตุ นอกจากนี้แล้วทางราชการยังเคยใช้สถานที่นี้ประหารนักโทษสำคัญอีกด้วย ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๔๗ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ขณะประทับอยู่ที่เมืองเพชรบูรณ์ มีรับสั่งให้พระยาเพชรรัตน์ (เฟื่อง) เจ้าเมืองเพชรบูรณ์ เกณฑ์ผู้คนมาทำการบูรณะวัดมหาธาตุครั้งใหญ่ ครั้นถึงสมัยรัชกาลที่ ๖ ราว พ.ศ.๒๔๕๓ มีพระราชพิธีราชาภิเษกทรงรับน้ำจากหัวเมืองต่าง ๆ โดยเจ้าเมืองเพชรบูรณ์ได้นำน้ำจากสระมนในวัดมหาธาตุไปร่วมพิธีด้วย วัดมหาธาตุ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาแต่เดิม ซึ่งมีใบเสมาของเก่าทำจากหินทรายปรากฏอยู่ แต่ได้ขอพระราชทานวิสุงคามสีมาใหม่ ได้รับพระราชทานเมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๙๖ เขตวิสุงคามสีมากว้าง ๔๐ เมตร ยาว ๘๐ เมตร ได้ผูกพัทธสีมาใหม่ในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ มีพระภิกษุจำพรรษาประมาณปีละ ๕๐ รูป สามเณร ๘๐ รูป ทางวัดได้เปิดสอนพระปริยัติธรรม พ.ศ.๒๔๘๓ มีทั้งแผนกธรรมและบาลี เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างในปี พ.ศ.๒๕๐๙ ได้รับการสถาปนาให้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ นับตั้งแต่วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๕ ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการลงวันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๕ วัดมหาธาตุ มีพระเจดีย์ ทรงพุ่ม ข้าวบิณฑ์แบบสุโขทัย สูง ประมาณ 4 วาเศษ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า วัดนี้คงสร้างมา ตั้งแต่สมัยสุโขทัย เมื่อปี พ.ศ. 2510 ทางกรมศิลปกรได้บูรณะพระเจดีย์องค์นี้ ได้ขุดพบลานทองจารึกใน พระเจดีย์องค์ใหญ่ หลังพระอุโบสถ และได้นำ โบราณวัตถุที่บรรจุเจดีย์นั้นขึ้นมาด้วย มีสิ่งหนึ่งที่ได้มาพร้อมกับพระเครื่อง พระบูชา เป็นรูปช้าง รูปหมู ในท้องหมูมีลานทองจาลึกอยู่ 3 แผ่น
Noppodon Onnum

Noppodon Onnum

hotel
Find your stay

The Coolest Hotels You Haven't Heard Of (Yet)

Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

hotel
Find your stay

Trending Stays Worth the Hype in Phetchaburi Province

Find a cozy hotel nearby and make it a full experience.

เที่ยวเพชรบุรีอย่าลืมมาทำบุญไหว้พระที่วัดนี้กันก่อนนะครับ ประวัติ วัดมหาธาตุวรวิหาร เพชรบุรี วัดมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างในสมัยใด มีผู้สันนิษฐานว่าน่าจะสร้าง สมัยทวารวดี - สุโขทัย มีอายุราว 800 - 1,000 ปี โดยประมาณ เนื่องจากขุดพบซากอิฐสมัยทวารวดีอยู่เป็นจำนวนมาก มีผู้กล่าวว่าวัดมหาธาตุวรวิหารน่าจะเคยเป็นวัดที่เคยมีความเจริญรุ่งเรืองและเป็นพระอารามหลวงมาก่อน ต่อมาชำรุดทรุดโทรมลง จนถึงสมัยรัชกาลที่ 6 จึงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมื่อปี พ.ศ. 2459 วัดมหาธาตุวรวิหาร เป็นวัดที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ศิลปะและโบราณคดี สถานที่สำคัญของวัดแห่งนี้ พระอุโบสถ ประดิษฐานพระประธาน ผนังอุโบสถฉาบเรียบไม่มีภาพเขียนสีแต่อย่างใด มีพระพุทธรูปเรียงกันอยู่ 3 องค์ หน้าบันปูนปั้นศิลปเพชรบุรี พระวิหารหลวง สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย รัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (พ.ศ. 2275 - 2301) ภายในพระวิหารหลวงมีพระพุทธรูปที่สำคัญ คือ พระพุทธรูปประธานทรงราชาภรณ์ นอกจากนี้ ยังมี หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ วัดมหาธาตุ เป็นพุทธรุปปรางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 8 นิ้ว หัตถ์ซ้ายถือพัด ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อวัดมหาธาตุ ภายในพระวิหารหลวงผนังทุกด้านมีจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม ทั้งภาพชาดก และเทพชุมนุมที่หน้าบันประดับด้วยลาย ปูนปั้น รูปพระนารายณ์ทรงครุฑยุดนาค มีพญาวานรแบกครุฑอยู่อีกชั้นหนึ่ง พื้นหลังเป็นลายกนก ก้านขดออกช่อลายหางโต เป็นรูปครุฑ นาค ยักษ์ ฯลฯ หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ ตามประวัติ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) นำมาจากวัดร้างแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรี ประดิษฐานไว้ในพระวิหารวัดมหาธาตุวรวิหารเพชรบุรีเมื่อครั้งพระองค์ยังทรงผนวชอยู่ พระวิหารน้อย เป็นสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยา ฐานอ่อนโค้งทรงสำเภา ตั้งอยู่ระหว่างพระวิหารหลวงกับพระอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหลวงพ่ออู่ทอง ศิลปะแบบอู่ทอง ปางมารวิชัย ที่ฐานมีลายปูนปั้น ประดับกระจกสวยสดงดงาม ที่หน้าบันประดับด้วยลวดลายปูนปั้นวิจิตรงดงาม เช่นเดียวกับพระอุโบสถ และพระวิหารหลวง พระปรางค์ 5 ยอด เป็นสัญลักษณ์ สูงตระหง่านในเขตพุทธาวาส สามารถมองเห็นได้แต่ไกลทั้ง 4 ทิศ วัดจากฐานถึงยอดนภศูลได้ 55 เมตร รอบฐานยาว 120 เมตร มีอายุราว 1,000 กว่าปี ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุมาแต่อดีตกาล มีระเบียงคตรอบพระปรางค์ เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ในระเบียงคตมีพระพุทธรูปจำนวน 193 องค์ ประดิษฐานบนระเบียง พร้องทั้งมีตัวแบกที่ฐานพระ ส่วนมากตั้งอยู่ใต้องค์พระพุทธรูปทรงเครื่องไว้หลากหลาย สวยงาม พระพุทธรูปส่วนใหญ่ เป็นศิลปะอยุธยาตอนปลาย และสกุลช่างเมืองเพชร พุทธลักษณะงดงามมาก กรมศิลปากร ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เมื่อ วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2478
Chanthawat Boonprasertsri

Chanthawat Boonprasertsri

See more posts
See more posts

Reviews of Wat Mahathat Worawihan

4.7
(1,281)
avatar
5.0
1y

เป็นวัดโบราณที่โคตรสวยเลย ยิ่งพระปรางค์สวยมากๆ มาทำบุญกราบพระพุทธรูปสวยมากและรูปหล่ออดีตเจ้าอาวาส เชิญชวนเลยครับ แนะนำให้มา ไปมาวันที่ 5/5/67 ส่วนประวัติวัดตามนี้ครับ

วัดมหาธาตุวรวิหาร ไม่มีหลักฐานว่าสร้างในสมัยใด มีผู้สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างในสมัยทวารวดี-สุโขทัย มีอายุราว 800-1000 ปี โดยพบหลักฐานสำคัญคือ ซากอิฐสมัยทวารวดีเป็นจำนวนมาก มีใบเสมาคู่ ลวดลายแบบทวารวดี น่าจะเป็นวัดที่เจริญรุ่งเรืองและเป็นพระอารามหลวงมาก่อน ต่อมากับชำรุดทรุดโทรมลง ผู้ประทานนามวัดใหม่ว่า วัดมหาธาตุ คือ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรสสมเด็จพระสังฆราชเจ้า พระมหากษัตริย์และพระบรมวศ์กับวัดมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (สมัยขอมเรืองอำนาจ) โปรดให้สร้างพระพุทธรูป “พระชัยพุทธมหานาถ” ขึ้น 23 องค์ ให้อันเชิญประดิษฐานไปยังเมืองต่าง ๆ คือ ลพบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี เพชรบุรี ฯลฯ ซึ่งคงได้สร้างพระปรางค์หรือศาสนสถานแบบขอมไว้ด้วย พ่อขุนรามคำแหง (สมัยกรุงสุโขทัย) ทรงอาราธนาพระสังฆราชจากลังกา จากนครศรีธรรมราช มาเป็นประธานสงฆ์ในกรุงสุโขทัย และทรงเสด็จมารับพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ประเทศศรีลังกาส่งมาถวายจากนครศรีธรรมราชขึ้นไปยังกรุงสุโขทัย สันนิษฐานว่าพ่อขุนรามต้องเสด็จผ่าน และประทับที่เพชรบุรีและชาวเพชรบุรีต้องร่วมงานบุญในครั้งนั้นด้วย วัดหน้าพระธาตุ ก็น่าจะสร้างขึ้นในสมัยนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (สมัยกรุงศรีอยุธยา) พระองค์ได้ทรงสร้างและบูรณะปฏิสังขรณ์วัดต่างๆ มีพระบรมราชานุญาตให้พระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนาง ข้าราชบริพาร ร่วมโดยเสด็จพระราชกุศลสร้างวัดวาอารามและเจดีย์สถาน ทั้งในกลุ่มและหัวเมืองเป็นอันมาก ปรากฏว่าศิลปกรรมต่างๆ ในสมัยของพระองค์ มีอยู่ในวัดมหาธาตุมากมาย เช่น พระวิหารหลวง พระระเบียงคด พระอุโบสถ พระวิหารน้อย ลายปูนปั้นหน้าบันซุ้มประตูซุ้มหน้าต่าง พระพุทธรูป และปูชนียสถาน โบราณวัตถุต่างๆ ที่ประณีตงดงาม พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินท์) โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะพระปรางค์ ซึ่งหักพังให้ดีดังเดิม ใน พ.ศ. 2406 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินท์) โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะพระปรางค์ โดยก่อให้สูงขึ้นมาในระดับหนึ่ง ต่อมาพังลงอีก และคงค้างอยู่จนถึงสมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินท์ โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์สร้างกุฏิสงฆ์ ซึ่งประสบอัคคีภัย ในปี พ.ศ 2458 สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ในสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงขอพระราชทานยกวัดเป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รััชกาลที่ 7 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) เสด็จฯ วัดมหาธาตุพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ ร่วมบูรณะพระปรางค์ ซึ่งยังไม่เสร็จเรียร้อย เมื่อ พ.ศ. 2479 และมีการฉลองพระปรางค์ 5 วัน 5 คืน ในปี พ.ศ. 2480 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9 แห่งกรุงรัตนโกสินท์) เสด็จฯ วัดมหาธาตุ 4 ครั้ง ทรงทอดพระเนตรเป็นการส่วนพระองค์ เมื่อ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2496 ในปีถัดมาเสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ กลางครรภธาตุของพระปรางค์องค์ประธาน เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2497 เสด็จฯ บำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระเจ้าลุกเธอเจ้าฟ้าอุบลรัตนฺราชกัญญาฯ และพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ทรงเวียนเทียนรอบองค์พระปรางค์ และทรงถวายกัปปิยภัณฑ์บำรุงพระอารม เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2508 และเสด็จฯ พร้อมสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเททองหล่อพระพุทธรูปปางประทานพร ประดิษฐานพระบรมปรมาภิไธย ร. 9 เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2508 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินเวียนเทียนรอบพระปรางค์วัดมหาธาตุวรวิหาร เนื่องในวันมาฆบูชา เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จทรงยกฉัตรทองคำประดิษฐาน ณ ยอดพระปรางค์องค์ประธาน เมื่อวันที่ 12 มิถุนาย พ.ศ. 2551 ทำเนียบเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุวรวิหาร พระอธิการถัว พระอธิการแก้ว พระอธิการอัด พระอธิการครุธ พระอธิการน้อย พระอธิการหลุบ พระครูอโศกธรรมสาร พระสุวรรณมุนี (ชิต) พระเทพสุวรรณมุนี (ผัน) พระธรรมรัตนดิลก (บุญรวม สีลภูสิโต) พระราชสุวรรณมุนี (แคล้ว) พระครูวาทีวรวัฒน์, ดร....

   Read more
avatar
5.0
3y

วัดมหาธาตุ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่เลขที่ ๒๙ ถนนนิกรบำรุง ตำบลในเมืองอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ ๑๗ ไร่๓งาน ๓๓ ตารางวาตามโฉนดที่ดินเลขที่๘๓๐เล่ม๙หน้า๓๐อาณาเขตทิศเหนือติดต่อกับที่ดินของเอกชนทิศใต้ติดต่อกับคลองตลุกทิศตะวันออกติดต่อกับถนนนิกรบำรุงทิศตะวันตกติดต่อกับที่ดินของเอกชน

พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบอยู่ในเขตเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ การคมนาคมสะดวก อาคารเสนาสนะต่าง ๆ มี พระอุโบสถหลังใหม่ ศาลาการเปรียญเป็นอาคารไม้ยกพื้นสูง กุฎีสงฆ์ จำนวน ๑๓ หลัง อาคารเรียน พระปริยัติธรรม ๒ ชั้น พระวิหารหลวงพ่อเพชรมีชัย ศาลาธรรมสังเวชและฌาปนสถาน ปูชนียวัตถุของวัดมี พระประธานในพระอุโบสถ มีพระนามว่า “หลวงพ่องาม” พระประธานในพระวิหารมีพระนามว่า “หลวงพ่อเพชรมีชัย” นอกจากนี้มีพระเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ บูรณะเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๐ เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ อัฐิธาตุพระอรหันต์ และพระพุทธรูปบูชา พระเครื่อง พระพิมพ์ต่าง ๆ ตลอดจนวัตถุโบราณอื่น ๆ อีกด้วย วัดมหาธาตุ สร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ประมาณ พ.ศ.๑๙๒๖ พระเจ้าเพชรบูรณ์ซึ่งเป็นเจ้าเมืองเพชรบูรณ์เป็นผู้สร้างขึ้น ตามการสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ซึ่งขุดพบลานทองจารึกในพระเจดีย์องค์ใหญ่เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๐ คงเป็นวัดที่ได้รับการทะนุบำรุงจากเจ้าเมืองให้เจริญรุ่งเรืองมาก ต่อมาได้กลายสภาพเป็นวัดร้าง เล่ากันว่า เจ้าพระยาจักรี(สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) กับเจ้าพระยาสุรสีห์ (กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท) เมื่อคราวยกทัพไปรบกับพม่าที่พิษณุโลก ได้นำไพร่พลมาทางเมืองเพชรบูรณ์ และได้กระทำพิธีบวงสรวงเพื่อชัยชนะที่วัดมหาธาตุ นอกจากนี้แล้วทางราชการยังเคยใช้สถานที่นี้ประหารนักโทษสำคัญอีกด้วย ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๔๗ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ขณะประทับอยู่ที่เมืองเพชรบูรณ์ มีรับสั่งให้พระยาเพชรรัตน์ (เฟื่อง) เจ้าเมืองเพชรบูรณ์ เกณฑ์ผู้คนมาทำการบูรณะวัดมหาธาตุครั้งใหญ่ ครั้นถึงสมัยรัชกาลที่ ๖ ราว พ.ศ.๒๔๕๓ มีพระราชพิธีราชาภิเษกทรงรับน้ำจากหัวเมืองต่าง ๆ โดยเจ้าเมืองเพชรบูรณ์ได้นำน้ำจากสระมนในวัดมหาธาตุไปร่วมพิธีด้วย วัดมหาธาตุ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาแต่เดิม ซึ่งมีใบเสมาของเก่าทำจากหินทรายปรากฏอยู่ แต่ได้ขอพระราชทานวิสุงคามสีมาใหม่ ได้รับพระราชทานเมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๙๖ เขตวิสุงคามสีมากว้าง ๔๐ เมตร ยาว ๘๐ เมตร ได้ผูกพัทธสีมาใหม่ในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ มีพระภิกษุจำพรรษาประมาณปีละ ๕๐ รูป สามเณร ๘๐ รูป ทางวัดได้เปิดสอนพระปริยัติธรรม พ.ศ.๒๔๘๓ มีทั้งแผนกธรรมและบาลี เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างในปี พ.ศ.๒๕๐๙ ได้รับการสถาปนาให้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ นับตั้งแต่วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๕ ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการลงวันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๕

วัดมหาธาตุ มีพระเจดีย์ ทรงพุ่ม ข้าวบิณฑ์แบบสุโขทัย สูง ประมาณ 4 วาเศษ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า วัดนี้คงสร้างมา ตั้งแต่สมัยสุโขทัย เมื่อปี พ.ศ. 2510 ทางกรมศิลปกรได้บูรณะพระเจดีย์องค์นี้ ได้ขุดพบลานทองจารึกใน พระเจดีย์องค์ใหญ่ หลังพระอุโบสถ และได้นำ โบราณวัตถุที่บรรจุเจดีย์นั้นขึ้นมาด้วย มีสิ่งหนึ่งที่ได้มาพร้อมกับพระเครื่อง พระบูชา เป็นรูปช้าง รูปหมู...

   Read more
avatar
5.0
3y

เที่ยวเพชรบุรีอย่าลืมมาทำบุญไหว้พระที่วัดนี้กันก่อนนะครับ ประวัติ วัดมหาธาตุวรวิหาร เพชรบุรี วัดมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างในสมัยใด มีผู้สันนิษฐานว่าน่าจะสร้าง สมัยทวารวดี - สุโขทัย มีอายุราว 800 - 1,000 ปี โดยประมาณ เนื่องจากขุดพบซากอิฐสมัยทวารวดีอยู่เป็นจำนวนมาก มีผู้กล่าวว่าวัดมหาธาตุวรวิหารน่าจะเคยเป็นวัดที่เคยมีความเจริญรุ่งเรืองและเป็นพระอารามหลวงมาก่อน ต่อมาชำรุดทรุดโทรมลง จนถึงสมัยรัชกาลที่ 6 จึงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมื่อปี พ.ศ. 2459 วัดมหาธาตุวรวิหาร เป็นวัดที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ศิลปะและโบราณคดี สถานที่สำคัญของวัดแห่งนี้ พระอุโบสถ ประดิษฐานพระประธาน ผนังอุโบสถฉาบเรียบไม่มีภาพเขียนสีแต่อย่างใด มีพระพุทธรูปเรียงกันอยู่ 3 องค์ หน้าบันปูนปั้นศิลปเพชรบุรี พระวิหารหลวง สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย รัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (พ.ศ. 2275 - 2301) ภายในพระวิหารหลวงมีพระพุทธรูปที่สำคัญ คือ พระพุทธรูปประธานทรงราชาภรณ์ นอกจากนี้ ยังมี หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ วัดมหาธาตุ เป็นพุทธรุปปรางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 8 นิ้ว หัตถ์ซ้ายถือพัด ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อวัดมหาธาตุ ภายในพระวิหารหลวงผนังทุกด้านมีจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม ทั้งภาพชาดก และเทพชุมนุมที่หน้าบันประดับด้วยลาย ปูนปั้น รูปพระนารายณ์ทรงครุฑยุดนาค มีพญาวานรแบกครุฑอยู่อีกชั้นหนึ่ง พื้นหลังเป็นลายกนก ก้านขดออกช่อลายหางโต เป็นรูปครุฑ นาค ยักษ์ ฯลฯ หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ ตามประวัติ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) นำมาจากวัดร้างแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรี ประดิษฐานไว้ในพระวิหารวัดมหาธาตุวรวิหารเพชรบุรีเมื่อครั้งพระองค์ยังทรงผนวชอยู่ พระวิหารน้อย เป็นสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยา ฐานอ่อนโค้งทรงสำเภา ตั้งอยู่ระหว่างพระวิหารหลวงกับพระอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหลวงพ่ออู่ทอง ศิลปะแบบอู่ทอง ปางมารวิชัย ที่ฐานมีลายปูนปั้น ประดับกระจกสวยสดงดงาม ที่หน้าบันประดับด้วยลวดลายปูนปั้นวิจิตรงดงาม เช่นเดียวกับพระอุโบสถ และพระวิหารหลวง พระปรางค์ 5 ยอด เป็นสัญลักษณ์ สูงตระหง่านในเขตพุทธาวาส สามารถมองเห็นได้แต่ไกลทั้ง 4 ทิศ วัดจากฐานถึงยอดนภศูลได้ 55 เมตร รอบฐานยาว 120 เมตร มีอายุราว 1,000 กว่าปี ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุมาแต่อดีตกาล มีระเบียงคตรอบพระปรางค์ เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ในระเบียงคตมีพระพุทธรูปจำนวน 193 องค์ ประดิษฐานบนระเบียง พร้องทั้งมีตัวแบกที่ฐานพระ ส่วนมากตั้งอยู่ใต้องค์พระพุทธรูปทรงเครื่องไว้หลากหลาย สวยงาม พระพุทธรูปส่วนใหญ่ เป็นศิลปะอยุธยาตอนปลาย และสกุลช่างเมืองเพชร พุทธลักษณะงดงามมาก กรมศิลปากร ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เมื่อ วันที่ 8...

   Read more
Page 1 of 7
Previous
Next