วัดพระพายหลวง ดังเช่นที่เคยบอกไปแล้ว ส่วนตัวเคยมาสุโขทัยก่อนหน้านี้ 2 ครั้ง เคยได้ยินชื่อวัดพระพายหลวงมาบ้าง แต่ก็ไม่เคยได้เข้าไปเยี่ยมชม หลายคนที่เคยมาสุโขทัยกับทัวร์ก็มักจะไม่พามาที่นี่ เหตุผลน่าจะเพราะเป็นวัดที่ใหญ่ ต้องใช้เวลามาก ใหญ่ขนาดไหน? วัดมหาธาตุที่สุโขทัย มีขนาด 200 x 200 เมตร แต่ขนาดของวัดพระพายหลวงคือ 600 x 600 เมตร แม้จะปรักหักพังไปมาก แต่ก็ยังคงความอลังการของความเป็นราชธานีเดิม ก่อนที่จะมีการอพยพโยกย้ายไปที่ อุทยานประวัติศาสตร์ สุโขทัย ในเวลาต่อมา โบราณสถานวัดพระพายหลวง ตั้งอยู่ใกล้ประตูเมืองด้านทิศเหนือ โดยอยู่ขนานกับกำแพงเมืองชั้นนอก จัดเป็นโบราณสถานที่เก่าแก่ และมีความสำคัญมากต่อประวัติศาสตร์สุโขทัย กล่าวได้ว่าเป็นโบราณสถานขนาดใหญ่มีความสำคัญเป็นอันดับสองรองจากวัดมหาธาตุ เพราะมีสิ่งก่อสร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมตั้งแต่ยุคเริ่มแรกของเมืองสุโขทัย และก่อสร้างเพิ่มเติมสืบต่อกันมาจนถึงสมัยสุโขทัยตอนปลาย กลุ่มโบราณสถานตั้งอยู่ตรงกลางในพื้นที่ที่มีคูน้ำล้อมรอบ ผังบริเวณวัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีคูน้ำล้อมรอบ 3 ชั้น คูชั้นนอกเรียก "คูแม่โจน" คูน้ำแต่ละด้านมีความยาวประมาณ 600 เมตร โบราณสถานที่เก่าแก่ที่สุดเป็นปราสาทแบบขอม 3 องค์ ปัจจุบันพังทลายลงเหลือเพียงฐาน 2 องค์ และที่สมบูรณ์เพียงองค์ด้านทิศเหนือ มีลวดลายปูนปั้นประดับเล่าเรื่องตามพุทธประวัติเหมือนกับปราสาทที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ลพบุรี และปราสาทปาลิไลย์ ในเมืองพระนครหลวงของเขมร เป็นเครื่องยืนยันว่า ในราวกลางพุทธศตวรรษที่ 18 ชุมชนสุโขทัยมีวัฒนธรรมร่วมกับขอมในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และมีความเกี่ยวข้องกับเมืองละโว้ (ลพบุรี) เมืองใหญ่ที่เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมขอม ในที่ราบลุ่มแม่น้ำภาคกลางของประเทศไทย ถัดจากปราสาทไปทางตะวันออก มีวิหารขนาด 5 ห้อง มีเจดีย์ทรงเหลี่ยมแบบปิรามิดประดับทุกด้านด้วยซุ้มพระพุทธรูปลดหลั่นเป็นชั้น ๆ ขึ้นไป เหมือนกับเจดีย์กู่กุด จังหวัดลำพูน ที่เจดีย์นี้มีหลักฐานการก่อสร้างทับซ้อนกันหลายสมัย เช่น มีพระพุทธรูปในซุ้มเป็นแบบหมวดวัดตระกวนอยู่ภายใน โดยถูกปิดและซ้อนทับอยู่ด้วยพระพุทธรูปสุโขทัยหมวดใหญ่อันเป็นที่รู้จักกันทั่วไป เป็นต้น ทางด้านตะวันออกสุดของกลุ่มโบราณสถาน เป็นมณฑปประดิษฐานพระพุทธรูป 4 อิริยาบท เดิน ยืน นั่ง และนอน ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะสร้างในสมัยหลังที่สุดในบรรดาโบราณสถานที่กล่าวมาแล้ว คือในสมัยสุโขทัยตอนปลาย วัดพระพายหลวง เดิมเป็นเทวสถาน เนื่องจากพบชิ้นส่วนของเทวรูปและฐานศิวลึงค์ต่อมาปรับเปลี่ยนมาเป็นวัดในพระพุทธศาสนาแบบมหายานในราวพุทธศตวรรษที่ 18 วิหารขนาด 5 ห้อง อยู่ด้านหน้าปรางค์ เจดีย์ทรงเหลี่ยมแต่ละชั้นมีพระพุทธรูปนั่งลดหลั่นอยู่ภายในทั้ง 4 ซุ้ม รอบเจดีย์มีระเบียงคด และมีร่องรอยตั้งพระพุทธรูปปูนปั้น ถัดจากเจดีย์เหลี่ยมมีมณฑปก่ออิฐ มีพระพุทธรูปปูนปั้นเป็นพระพุทธรูปยืนติดกับด้านหน้ามณฑป 5 องค์ ที่ปรากฏชัดเจนคือพระพุทธรูปปางลีลา ถัดจากมณฑปมีวิหารพระนอน และมีวิหารเจดีย์ราย หลักฐานที่พบ พบพระพุทธรูปแกะสลักปางนาคปรก และตรงด้านหน้าพระวิหารยังพบพระพุทธรูปสลักหินองค์ใหญ่ปางสมาธิเฉพาะส่วนล่างขององค์พระ ลักษณะเหมือนกับพระพุทธรูปฉลองพระองค์ที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงสร้างขึ้นไปประดิษฐานตามเมืองต่าง ๆ วัดพระพายหลวง สร้างขึ้นประมาณระหว่างพ.ศ. 1724 ถึง 1762 ซึ่งเห็นได้จากพระปรางค์ ที่มีศิลปะแบบขอม ต่อมาเมื่อชาวไทอพยพเข้ามาและก่อตั้งกรุงสุโขทัย จึงเปลี่ยนเป็นวัดพุทธนิกายเถรวาท วัดพระพายหลวงมีความสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องงานศิลปะปูนปั้น แม้ว่าวัดแห่งนี้จะเต็มไปด้วยงานศิลปะตกแต่งประดับประดามากมาย แต่งานปูนปั้นส่วนใหญ่ได้ย้ายไปจัดเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหง จ.สุโขทัย ซึ่งมีส่วนจัดแสดงศิลปะปูนปั้นแห่งใหม่อยู่ใกล้ๆ...
Read moreOne of the two main temples to see in the North Zone of the Sukhothai Historical Park heritage site. Located slightly outside the North Gate of the ancient wall city, it was at the heart of the busy North Gate traffic and trade. Only one of the 3 prangs in the Khmer style remain, and this is one of only 3 temples in the entire complex that show Angkor - LopBuri influences. You will need a ticket to enter the North Zone - 100 thb - this ticket is separate from the similar one for the...
Read moreThe temples are amzing in this city, especially this one. Always look at the small details the amount of beauty in the architexture is missed by most people who seem to walk blindly passed the smaller details.
Always pay what you can! These structures require maintanace and once they are gone they are gone, the small details remaining are of such value that it would be a great loss. what is left...
Read more