Wat Burapharam, officially recognized as a Phra Aram Luang (Royal Temple), is one of the most revered and historically significant Buddhist temples in Surin Province, Thailand. Located in the heart of Surin city, this temple stands as a spiritual and cultural landmark that reflects centuries of Thai religious tradition.
Founded during the late Ayutthaya and early Rattanakosin periods (around the mid-18th century), Wat Burapharam has long been a center for Buddhist learning and meditation. Its main hall is adorned with intricate murals depicting the life of the Buddha, offering visitors a visual journey through sacred teachings and stories. The temple grounds are peaceful and beautifully maintained, making it an ideal place for quiet reflection and spiritual connection.
One of the unique features of Wat Burapharam is its annex museum, which honors high-ranking monks and showcases religious artifacts. The museum’s architecture, with its wave-like roof reminiscent of the Sydney Opera House, adds a modern touch to this ancient site.
Whether you’re a pilgrim, a history enthusiast, or a curious traveler, Wat Burapharam offers a meaningful experience. It’s not just a temple—it’s a living testament to Surin’s spiritual heritage and the enduring beauty of Thai...
Read moreวัดบูรพาราม (เดิมเรียกว่าวัดบูรณ์) ตั้งอยู่ใจกลางของจังหวัดสุรินทร์ หน้าศาลากลางจังหวัด หลังศาลจังหวัดสุรินทร์ สร้างขึ้นเมื่อใด และท่านผู้ได้ริเริ่มสร้างขึ้นนั้น ไม่ปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษรที่แน่ชัด เพียงแต่สันนิษฐานโดยอนุมานเอาคงจะอยู่ในระยะใกล้เคียงกับการสร้างเมืองสุรินทร์ คือ ก่อนพุทธศักราช ๒๔๐๐ รวมกับวัดต่าง ๆ ประมาณ ๖ - ๗ วัดด้วยกัน แม้จำนวนชื่อและลำดับเจ้าอาวาสที่ผ่านมา ก็ไม่อาจลำดับได้ถูกต้องตามจำนวนและลำดับได้เช่นเดียวกัน ฯ
เนื่องจากวัดบูรพาราม เป็นวัดเก่าแก่สร้างมาตั้งแต่เริ่มแรกของการสร้างเมืองสุรินทร์นั่นเอง จึงต้องเป็นไปตามยุคตามสมัย ตามกาลเวลาอาจรุ่งเรืองบางครั้ง และเสื่อมโทรมเป็นบางคราวโดยธรรมดา นัยว่าบางครั้งเจ้าอาวาสไม่อาจดำรงรักษาศรัทธาของชาวบ้านไว้ได้ เป็นเหตุให้วัดเสื่อมโทรมและทรุดลงมาเป็นเวลานาน กรอปกับเจ้าอาวาสแต่ละรูปก็อยู่ด้วยระยะเวลาสั้น จึงไม่อาจพัฒนาวัดให้เจริญมาได้เท่าที่ควร
ดังนั้น เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๗ ผู้บังคับบัญชาการคณะสงฆ์ในสมัยนั้นจึงมีบัญชาให้หลวงปู่ดุลย์ อตุโล เดินทางกลับจากธุดงค์กรรมฐานมาประจำอยู่ที่วัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์ เพื่อดำเนินการศึกษาปริยัติธรรม และเผยแพร่ข้อปฏิบัติ ทางกรรมฐานไปด้วยกันพร้อมทั้งดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ร่วมเป็นคณะพระสังฆาธิการบริหารวัดและคณะสงฆ์ตลอดมา
นับแต่กาลนั้นเป็นต้นมา แสงแห่งรัศมีของพระธรรมทั้งทางปริยัติและปฏิบัติ ก็เริ่มรุ่งเรืองโชติช่วงตลอดมา โดยหลวงปู่รับภาระทั้งทางคันถธุระ และวิปัสสนาธุระ บริหารงานพระศาสนาอย่างเต็มความสามารถ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพัฒนาวัดบูรพาราม ก็ทำมาอย่างต่อเนื่อง มีการก่อสร้างพระอุโบสถแบบคอนกรีตเสริมเหล็กเป็นครั้งแรก หล่อพระพุทธชินราชจำลองประดิษฐานในพระอุโบสถ บูรณปฏิสังขรณ์ พระวิหารหลวงพ่อพระชีว์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำคัญประจำเมืองสุรินทร์แต่โบราณ ตลอดจนถึงก่อสร้างเสนาะ กุฎีวิหาร แบบสมัยใหม่หลายหลัง เป็นการถาวร และมีจำวนพระเณรเพิ่มมากขึ้นโดยลำดับ ฯ
เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๑ กรมการศาสนา ได้ประกาศยกให้วัดบูรพารามขึ้นเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างแรกของจังหวัด
เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๐ ทรงพระกรุณาพระราชทาน วัดบูรพารามขึ้นพระอารามหลวง ชั้นตรี
เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๗ กรมการศาสนา ประกาศยกย่องให้เป็นพัฒนาดีเด่น ประจำปี ๒๕๓๗
ถาวรวัตถุสำคัญภายในวัด
๑. พระอุโบสถหลังใหญ่ สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๙ แล้วเสร็จ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๒
๒. ศาลาการเปรียญหลังใหญ่ "อตุลเถระ" สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๐
๓. โรงเรียนพระปริยัติธรรม "ราชบูรพา" สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๒
๔. พิพิธภัณฑ์กัมมัฏฐาน บรรจุอัฐิธาตุ และอัฐบริขารของหลวงปู่ดุลย์ อตุโล สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕ แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๘
๕. พระวิหารจตุมุข ประดิษฐานหลวงพ่อพระชีว์ ซึ่งเป็นพุทธรูปโบราณถือว่าเป็นพระประธานเมืองอันสำคัญพระวิหารนี้ บูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่ แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๘
๖. มีกุฎีแบบคอนกรีตเสริมเหล็กขนาด ๒ ชั้น จำนวน ๑๗ หลัง พร้อมถนนคอนกรีตรอบ ๆ บริเวณวัด มีทั้งไม้ร่มไม้ประดับ เป็นระเบียบเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน...
Read moreวัดบูรพาราม พระอารามหลวง (ธรรมยุต) จ. สุรินทร์ มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และปูชนียวัตถุ ได้แก่ ๑. พระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐานใน “เจดีย์อัฐิธาตุ” ๒. พระพุทธรูปโบราณ “หลวงพ่อพระชีว์” ใน “มณฑปจตุรมุข” ๓. พระพุทธชินราชจำลอง พระประธาน ในพระอุโบสถ ๔. พิพิธภัณฑ์หลวงปู่ดุลย์ วัดบูรพาราม (เดิมชื่อ วัดบูรณ์) สร้างประมาณสมัยกรุงธนบุรี หรือ ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เท่ากับอายุเมืองสุรินทร์ โดยมี พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง (ปุม) เจ้าเมืองสุรินทร์คนแรก และประชาชนร่วมกันสร้างวัดเมื่อประมาณ พ.ศ. 2300 ถึง 2310 พ.ศ. 2476 วัดบูรพาราม แต่งตั้งให้เป็นวัดในสังกัดคณะธรรมยุต ซึ่งเป็นวัดแรกของสุรินทร์ พระอุโบสถก่อสร้างเมื่อปี 2479 ถึง 2493 และพระพุทธชินราชจำลองเมื่อปี 2489 ได้รับพระราชทาน วิสุงคามสีมา เมื่อปี 2480 และ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี เมื่อปี 2520 ในหลวง ร. ๙ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาวัดบูรพาราม ตรัสถามสุขภาพของพระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดุลย์ อตุโล) และทรงอาราธนาให้หลวงปู่แสดงธรรม เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2522 มี.ค. 2526 ในหลวง ร. ๙ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมหลวงปู่ดุลย์ พร้อมสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ ได้ทรงจัดดอกไม้ที่โต๊ะหมู่บูชาด้วยพระองค์เอง และทรงปรุงน้ำปานะจากส้มเขียวหวานด้วยฝีพระหัตถ์ แล้วทูลเกล้าฯ ถวายในหลวงเพื่อทรงถวายหลวงปู่ดุลย์ ได้ประกอบพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร. ๙ ในพิธีเฉลิมพระชนพรรษาครบ 60, 72, 80 และ 84 พรรษา ปี 2562 เป็นสถานที่ประกอบพิธีจัดทำน้ำอภิเษกใน พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ร. ๑๐
บันทึกภาพเมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566, 7:29-7:52 น. วัดบูรพาราม ต. ในเมือง อ. เมืองสุรินทร์ จ. สุรินทร์ (มีสำนักงานอัยการอยู่ฝั่งตรงข้าม) 14°53'3.76"N 103°29'35.66"E (14.884378, 103.493239), altitude 150 m Post: Aug 28, 2023, 8:08 PM; edit Nov 5, 7:07 AM (วันที่ 2 ของการเดินทาง 7 วัน 6 คืน สาย...
Read more