CHEZ MILINE — Restaurant in Suan Chitlada Subdistrict

Randomly saw this advertisement of 1980++ baht 4-course Infinite dry-aged wagyu tasting. It’s been a long time since I’ve had A5 wagyu, everything looks promising.

In reality, it wasn’t anywhere near perfect like you expected, especially for this price and location.

First two courses I chose Abalone tempura and Goose foie gras. Abalone was fantastically delicious! Perfect amount of chewiness with strong, flavorful crispy batter. Foie gras almost as perfect, very buttery rich but my piece was unfortunately extra small and thin..

As for dry-aged beef. I completely ignored Australian, Argentinian beef. Since A4-5 Japanese wagyu will always be more superior. Normally I can eat loads of A5 wagyu in terms of yakiniku style but as thick steak, it’s much more difficult to eat plenty. A4, A5 wagyu tasted marvelous, fatty rich with strong beefy flavor. Condiments were too basic, only salt and highly acidic ponzu sauce. No wasabi.

Chefs definitely overcooked my first plate of A3-A5 wagyu. They recommend medium temp but end up being almost well-done. So second plate I had to play it safe by requesting medium rare, so wagyu came out almost medium.

Other infinite sides like Beef fat fried rice, Belgian fries were not cooked to order. So everything was lukewarm. Nothing exciting.

At this point I tried my best to eat as much Japanese wagyu as I can. Is it worth the money? Yes but overall, the whole 4-courses experience was kinda bland. Abalone tempura definitely really good though, had to mention it.

Restaurant itself is absolutely gorgeous, no doubt but the execution of food was nowhere...

วันนี้มาชิม #บุฟเฟ่ต์สเต็กเนื้อ ร้าน Chez Miline ร้านที่โด่งดังจากข่าวที่เคยมีนักการเมืองมาประชุมจัดตั้งรัฐบาลกัน ร้านอยู่ที่ถนนสุโขทัยครับ มีที่จอดรถพอสมควรครับ

อันที่จริงก็สนใจร้านนี้มานานแล้ว ครั้งนี้พอดีเห็นทางร้านโฆษณาว่ามีบุฟเฟ่ต์เนื้อ dry aged ราคาเข้าถึงได้ เลยจองมาครับ โชคดีที่จองมาก่อนหลายวัน เพราะวันนี้มาแล้วโต๊ะเต็มครับ

ในการจองเราจะต้องมัดจำคนละ 500 บาทก่อน ซึ่งวันนี้ผมมากินกับคุณแม่ 2 คนเพราะคุณน้ายังเจ็บเหงือกจากการไปทำรากฟันเทียมอยู่ ซึ่งก็จองไม่ยากครับ

ร้านอาหารนี้จะอยู่ในตึกเก่าสมัย ร 6 ภายในตกแต่งสวยงาม พวกเรามาตั้งแต่ 11:30 น ซึ่งเป็นเวลาที่ร้านเปิด การต้อนรับดีเยี่ยมครับ มาถึงแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะถามว่าเราต้องการคอร์สเนื้อออสเตรเลียหรือเป็นคอร์สเนื้อวากิวญี่ปุ่น ซึ่งราคาจะแตกต่างกันอยู่พอสมควร พวกเราเลือกเป็นแบบเนื้อออสเตรเลียครับ ตกสุทธิแล้วประมาณคนละ 1,600 ในราคานี้มีน้ำเปล่าให้ด้วยแล้วครับ

เมื่อเริ่มคอร์สเราจะเลือกอาหารเรียกน้ำย่อย 2 อย่างก่อนครับ สามารถดูได้ตามที่ผมแคปหน้าจอของเพจร้านได้เลย วันนี้พวกเรามากัน 2 คนก็เลือกอย่างละ 1 เพื่อมาลองชิมดู ตั้งแต่เมนูแรกที่เป็นซาซิมิก็อร่อยมากครับ เนื้อปลาสดหวาน น้ำซอสรสชาติเค็มเปรี้ยวกำลังดี เสิร์ฟมาคู่กับสาหร่ายทะเล อร่อยมากครับ

จากนั้นเป็นเมนูเทมปุระหอยเป๋าฮื้อ เสริฟมาคู่กับซอสพิเศษ เทคนิคการทอดเยี่ยมยอดครับ ข้างนอกกรอบ ส่วนเนื้อหอยเป๋าฮื้อยังคงสดเด้งอยู่ข้างใน ตัวซอสที่กินคู่กับเทมปุระก็อร่อยมาก เป็นจานที่ลงตัวดีครับ

เมนูตับห่านคู่กับเต้าหู้ทอด ราดด้วยซอสที่มีไข่ปลาแซลมอน เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เยี่ยมยอดครับ รสชาติของตับห่านหอมหวาน sear ข้างบนได้เกรียมกำลังดี กินคู่กับเต้าหู้ที่ชุบแป้งทอดข้างนอกจนกรอบ เนื้อเต้าหู้เนียนละเอียด ซอสที่ปรุงมากับจานนี้ก็เข้ากันดีกับรสชาติในภาพรวมครับ

เมนูสุดท้ายที่เลือกมาคือ ravioli กับหอยเชลล์ญี่ปุ่น ซอสเป็นลักษณะครีมซอสครับ มีความเข้มข้น ไส้ของ ravioli เป็นไส้ผักโขม ทำได้ดีมากครับ หอยเชลล์ก็ทอดมาได้สุกกำลังดี เนื้อยังสดหวานเด้งอยู่ เรียกว่าทั้ง 4 จานนี้มีลักษณะที่โดดเด่นไม่เหมือนกันเลยครับ

4 จานข้างต้นนี้ไม่สามารถสั่งซ้ำได้นะครับ ที่สั่งซ้ำได้จะเป็นหลังจากนี้ไปคือเมนูเนื้อต่างๆครับ รวมถึงเฟรนฟรายและข้าวผัดเนื้อด้วย สามารถสั่งได้เรื่อยๆ

เนื้อที่นี่จะเสิร์ฟมาสำหรับ 1 ท่านครั้งละ 50 กรัมต่อส่วน จะมีอยู่ 3 ส่วนครับคือเนื้ออาร์เจนตินาส่วน striploin เนื้อออสเตรเลียส่วน striploin และส่วน ribeye พวกเราเลยรบกวนพนักงานให้แจ้งเชฟว่าเสิร์ฟมาทั้ง 3 ส่วนรวมกันไปเลยครับ ตอนมาเสิร์ฟจะอยู่ในจานเดียวกัน รู้สึกว่าเชฟจะให้มามากกว่าส่วนละ 100 กรัม (สำหรับ 2 คน) เรียกได้ว่าเต็มจานครับ

คุณภาพของเนื้อโดยรวมผมคิดว่าโอเคอยู่นะครับ ส่วนที่กินจะมีทั้งส่วนที่เป็นเนื้อมีมันแทรกและนุ่มดีมาก แต่ก็พบส่วนของเนื้อที่ติดเอ็นและเหนียวอยู่บ้างครับ ต้องชมวิธีการปรุงของเชฟ ทำได้แบบ medium rare ทุกชิ้น ทำให้เนื้อยังไม่เหนียวและยังคงมีความ juicy ที่นี่จะเสิร์ฟน้ำจิ้มให้กินกับเนื้อสเต็กด้วยครับซึ่งก็แปลกดี เป็นน้ำจิ้มออกรสเปรี้ยวของพอนซึ ซึ่งช่วยได้มากเมื่อกินเนื้อไประยะหนึ่งแล้วรู้สึกเลี่ยนครับ

ระหว่างกินเนื้อจานแรกอยู่ก็จะมีจาน side dish มาเสิร์ฟคือเฟรนฟรายและข้าวผัดเนื้อ เฟรนฟรายทอดได้กรอบอร่อยตามมาตรฐาน ส่วนข้าวผัดเนื้อต้องขอชมครับ ผัดข้าวญี่ปุ่นมาได้ร่วนหอมทุกเม็ด ผมรู้สึกมีกลิ่นความเผ็ดของพริกแทรกอยู่ด้วย อร่อยดีครับ ไม่รู้ว่าเชฟทำอย่างไร น่าจะใส่พริกแห้งอยู่ด้วยครับ สามารถสั่งได้เรื่อยๆนะครับ แต่เนื่องจากพวกเรากินเนื้อแล้วรู้สึกติดใจเลยสั่งเป็นเนื้อมาอีก 1 จานรวมกัน ก็ได้เนื้อมาชิมจนสะใจครับ

ในคอร์สจะปิดท้ายด้วยขนมหวานเป็นชีสเค้กและไอศครีมแมคคาเดเมีย ส่วนตัวผมคิดว่าอร่อยดีนะครับ ชีสเค้กมีความหอมเข้มข้น ตัดกับรสชาติเปรี้ยวจากซอสเบอรี่ที่เสิร์ฟมาด้วย ส่วนไอศครีมแมคคาเดเมียก็มีความเป็นถั่วแมคคาเดเมียที่ชัดเจนดีครับ

โดยภาพรวมวันนี้เป็นมื้อที่พอใจครับ นึกไม่ถึงว่าจะได้กินอาหารบุฟเฟ่ต์คุณภาพดีในร้าน fine dining แบบนี้ ที่สำคัญคืออาหารอร่อย ผมรู้สึกได้เลยครับว่าคอร์สนี้เชฟคิดมาอย่างดีแล้ว และมีการวางแผนให้กินในระยะเวลา 1 ชั่วโมงครึ่งตามที่กำหนดเอาไว้อย่างพอดี เรียกได้ว่าอิ่มแน่นอนครับ แนะนำว่าถ้าไปชิมก็ควรจะสั่งเนื้อหลังจากที่กินเสร็จเลยนะครับ เพราะสเต็กเป็นอาหารที่ทำเร็วมากไม่ได้ครับ ทำเสร็จแล้วต้องมีช่วงพักเนื้อด้วยครับ

การบริการดีมากครับ ลักษณะเดียวกับห้องอาหารดีๆในโรงแรม 5...

The main drive entrance may look modern but the dining arcade is a real grace. Many plus points for good wine and dishes. Fish seems to be their specialty as each dish was cooked to perfection. Crisp on the outside, moist & tender inside and well seasoned even without sauce. We 9 diners tried tartare, fish soup in teapot, caesar salad, white miso salad, small portion and larger portion of snow fish, Hamachi Cama grilled, risotto, racks of lamb accompanied by Chardonnay. Every dish is worth a revving review. Plating is simple elegant showcasing the main ingredient without changing it into an overly decorated plate. The setting is beautiful on the solemn side. There is no bar to drink while waiting to be seated. It seems to be a mixture of French and Japanese cuisine. No real apéritif arrangement. No bread, potato or rice accompanying the main protein. Keto diners can be quite happy here. Service was top and attentive. Highly...