มาตอนกลางคืนวันลอยกระทง(15 พ.ย.2567) และวันที่ 16 พ.ย.2567 มาเก็บตกภาพชัดๆตอนกลางวัน😆😄😃😃 ที่นี่(น่าจะเป็นที่)พบพระจำหลักศิลาแบบมหายานไตรลักษ์สมัยทวารวดี ที่เหมือนกันกับที่พบที่เมืองโบราณซับจำปาและแถวๆ จ.สุรินทร์ จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง ผมบอกไปแล้วที่โพสต์เกี่ยวกับวัดมหาธาตุ ว่าพระสมัยทวารวดีนี้น่าจะนำมาจากเมืองละโว้ เพื่อแสดงว่าเขามีประวัติเก่าแก่ตั้งแต่สมัยทวารวดี ไม่ใช่ว่าที่นี่มีมาแต่สมัยทวารวดีไม่ เนื่องจากองค์ประกอบทางโบราณสถานและโบราณวัตถุโดยทั่วไป ไม่พบว่าอยู่ในสมัยทวารวดีเลย จากสิ่งที่ผมวิเคราะห์ได้ เมืองสุโขทัยน่าจะสร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หลังจากที่สร้างปรางค์แขก และ พระปรางค์ 3 ยอดแล้ว คงจะมีปัญหาขัดแย้งกับทางพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 อย่างหนัก จึงหนีมาสร้างเมืองสุโขทัยนี้ขึ้น แต่ลักษณะพระมหายานไตรลักษ์นี้ก็พบที่เมืองพิมายด้วย(ถ้าจำไม่ผิดนะ😆😁😄) แต่ศิลปะขอม ไม่ใช่ทวารวดี แต่ก็มหายานเหมือนกัน แล้วเมรพรหมทัต ก็น่าจะทวารวดี ซึ่งก็คือ พ่อขุนศรีนาวนำถุม กับพิมายเป็นญาติกัน นั่นก็คือพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ก็เป็นญาติกับพ่อขุนศรีนาวนำถุมนั่นเอง แล้วยังเคยเห็นมีคนว่า ก่อนชัยวรมันที่ 7 จะขึ้นสู่อำนาจ ได้มาอยู่ที่ละโว้ ก่อนที่จะยกทัพไปตีพระนครถึง 2 ครั้ง ถึงจะได้อำนาจครองเมืองพระนคร พอได้อำนาจแล้วก็อาจจะอยากได้อำนาจแบบเบ็จเสร็จอย่างฮ่องเต้จีน แบบเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล จึงกลั่นแกล้งบีบพ่อขุนศรีนาวนำถุมอย่างหนักเพื่อหาเหตุกำจัดเสีย พ่อขุนศรีนาวนำถุมจึงหนีมาสร้างเมืองสุโขทัยนี้ขึ้น สถานที่นี้มีชัยภูมิที่ดีกับการรับการโจมตีจากข้าศึก โดยทิศตะวันตกเป็นทิวเขาค่อนข้างสูง ไม่มีเมืองใหญ่ใดอยู่ใกล้ๆ เป็นกำแพงธรรมชาติอย่างดี ด้านตะวันออกก็เป็นที่ราบลุ่มเหมือนกับภาคกลาง ดินอ่อน หญ้าขึ้นงามหนาแน่นไม่สามารถใช้เกวียนเดินทางผ่านได้ และต้องผ่านแม่น้ำใหญ่ 2 สาย คือแม่น้ำยมกับแม่น้ำน่าน และคลองธรรมชาติอีกมาก จึงเป็นกำแพงธรรมชาติอย่างดีเช่นเดียวกัน ทางใต้ก็เหมือนทางตะวันออก ตรงช่วงเมืองพระบาง การจะเคลื่อนทัพเข้าสุโขทัยที่สะดวกที่สุดก็เห็นจะเป็นโดยอ้อมไปทางศรีสัชนาลัย แล้วลงมายังทุ่งเสลี่ยม ซึ่งอ้อมไกลมาก โอกาศจะลอบโจมตีตัดเสบียงเยอะมาก แต่ชัยภูมิแบบนี้จะไม่ค่อยเป็นผลในสมัยอยุธยา แต่สมัยต้นสุโขทัยยังใช้ได้ดีอยู่ คือ ในที่ลุ่มอย่างอยุธยา เมื่อมีชุมชนหมู่บ้าน มีวัด ตามเส้นทางที่คนเดินสัญจรประจำหญ้าจเตาย ถ้าสังเกตุสวนหย่อมที่ปูหญ้าแล้วมีคนชอบเดินลัดสนามหญ้าบ่อยๆ จะเห็นเป็นทางดินกลางสนามหญ้าเลย ถ้าผิวดินไม่มีอะไรปกคลุมนานๆ จะแห้งและแข็งเป๊กเลยแหละ และเมื่ออยุธยาเจริญขึ้น คนมากขึ้น หมู่บ้านมากขึ้น เส้นทางสัญจรจึงมากขึ้นและไกลขึ้น นี่เป็นเหตุให้สมัยอยุธยาไม่กลัวที่ราบลุ่มชื้นแฉะอีกต่อไป อยุธยาจึงพิชิตสุโขทัยได้ แต่บ้านเมืองไม่ได้ต้องการแค่การศึกสงครามอย่างเดียว ต้องมีเศรษฐกิจการค้าด้วย เมื่อโดนปิดล้อม ปิดเส้นทางค้าขายก็แย่เหมือนกัน จึงมาถึงจุดสำคัญที่เมืองพิษณุโลกนี่ละ ที่ผมค้างหว้ที่โพสต์เกี่ยวกับวัดวิหารทอง ที่พระราชวังจันทน์ พิษณุโลก ไม่รู้จะจบยังไง...
Read moreA small temple but noteworthy for having classic Sukhotai architectural styles in both the shape of the Chedi as well as the images of the Buddha statue. Firstly the spire is constructed in the lotus shaped fashion that is specifically linked to a unique Sukhotai style. The corner of the square base of the lotus bud shaped spire is made up 5 smaller corners built to symbolise the lotus leaves at the base of the bud. This temple also features a walking Buddha statue that has the same facial traits of Buddha images built during the same time period. The most distinctive feature if the Buddha images are the oval shaped faces and sharp aquiline noses. It stands as a good contrast to other temples such as Wat Sa Si that feature a more Sinhalese shaped Chedi that...
Read moreThis is lean and tall lotus stupa which is unique from the sukhotai kingdom.The prayer hall is in ruins but bhumi sparsha buddha touching the earth for support against tempting mara is relevant to the modern generation also.The long wisdom ears,ringed hair style and facial features gives an idea of people who lived here around 14th century.There's another beautiful walking buddha in the complex which is immortal with the message of follow the steps to escape the sorrow of life...
Read more