Wat Boromphuttharam is an abandoned temple located in Rajabhat University ‘ s boundary, beside the Si Sanphet Rd., Tambon Pratu Chai, Amphoe Phra Nakhon Si Ayutthaya, Chang Wat Phra Nakhon Si Ayutthaya, inside city island at Phra Phetracha ( King Phetracha later, Ban Phlu Luang Dynasty ) ‘s home town. During A.D. 1688-1703 ( B.E. 2231-2246 ), this temple was established in the reign of Somdej Phra Phetracha, completely constructed in 2 years and major renovated in the reign of King Boromakot. Surrounded by ancient transportation routes where Chakrai Noi canal in the east and Maha Ratthaya or Patong Rd. In the west, this temple stretch in the north- south position, front side face north. The popularity of this temple was Ubosot, ,Viharn , assembly hall, pagoda arched entrance and sermon hall roofed with yellow glazed tile, so this temple known as “ Wat Krabueang Khlueap “ ( Krabueang means tile and Khlueap means covered ), mural inside Ubosot were destroyed during Ayutthaya fell to Burmese in A.D. 1767 ( B.E. 2310 ). This temple consists of Ubosot or Ordinary Hall which the base is carved like the Chinese junk ‘s abdomen that was popular architecture during the late Ayutthaya period. The sandstone Central Prang Image in a posture of subduing Satan ( Pang Mara Wichai ). Assembly hall or Viharn base and walls the only residue, in front of Ubosot is a square pagoda and 28 indented corner. There are 3 pairs of fine pearl inlays doors, the first pairs are in Ho Phra Monthian Tham ( inside Emeral Buddha Temple ), the second pairs are in Wat Benihana Bophit ( some source referring to Wat Maha That ) and the third pairs are in National Museum in Bangkok.This temple registered as ancient remains in A.D.1941 ( B.E. 2484 ). This place open for visitors every day, no...
Read more✨ รีวิววัดพรมพุทธาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ✨
วัดพรมพุทธาราม เป็นอีกหนึ่งวัดสำคัญในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ไม่เพียงเป็นศาสนสถานสำหรับการทำบุญ แต่ยังสะท้อนประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ควรค่าแก่การศึกษาและเยี่ยมชมอย่างแท้จริง
📖 ประวัติความเป็นมา
วัดพรมพุทธารามมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย โดยได้รับการบูรณะเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ลักษณะสถาปัตยกรรมยังคงกลิ่นอายความเป็นไทยดั้งเดิม ทั้งพระอุโบสถ เจดีย์ และวิหารที่สะท้อนถึงฝีมือช่างโบราณผสมผสานกับการซ่อมแซมในยุคปัจจุบัน
🙏 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด • พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปศิลปะอยุธยา องค์ใหญ่ งดงาม สงบเย็น ให้ความรู้สึกศรัทธาและเลื่อมใส • ภายในยังมี พระพุทธรูปปางต่าง ๆ ที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวมักเข้ามากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล
🏛️ จุดเด่นด้านสถาปัตยกรรม • พระอุโบสถ ก่ออิฐถือปูน ลักษณะเรียบง่ายตามแบบโบราณ ผนังมีการบูรณะใหม่ แต่ยังคงเอกลักษณ์ความเก่าแก่ไว้ • เจดีย์โบราณ หลายองค์ตั้งเรียงรายรอบวัด สะท้อนร่องรอยความรุ่งเรืองในอดีต • บริเวณวัดมีพื้นที่กว้างขวาง เงียบสงบ เหมาะแก่การมาปฏิบัติธรรม
🎎 กิจกรรมที่นิยมทำที่วัด • ทำบุญตักบาตร และถวายสังฆทาน • สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม ในบรรยากาศร่มรื่น • นักเรียน นักศึกษา และผู้สนใจประวัติศาสตร์ มักมาศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมไทยโบราณ
🗺️ การเดินทาง
วัดพรมพุทธารามตั้งอยู่ไม่ไกลจากเกาะเมืองอยุธยา เดินทางสะดวกทั้งรถส่วนตัวและรถโดยสาร หากมาจากตลาดเจ้าพรหมหรือย่านชุมชนเก่า สามารถใช้เวลาเดินทางเพียงไม่กี่นาที
💡 ความประทับใจ
สิ่งที่โดดเด่นของวัดนี้ คือ บรรยากาศที่เรียบง่ายและสงบเงียบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย มานั่งพักใจ ไหว้พระ ทำบุญ พร้อมได้สัมผัสร่องรอยประวัติศาสตร์ที่ยังคงอยู่
✅ สรุป วัดพรมพุทธาราม เป็นวัดที่ผสมผสานทั้งความศักดิ์สิทธิ์และคุณค่าทางประวัติศาสตร์ แม้อาจไม่โด่งดังเท่าวัดใหญ่ ๆ ในอยุธยา...
Read moreวัดบรมพุทธาราม วัดโบราณในเขตเกาะเมืองอยุธยาที่สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายเมื่อราว พ.ศ. 2232 สร้างขึ้นบริเวณนิวาสสถานเดิมของ สมเด็จพระเพทราชา ปฐมกษัตริย์ ราชวงศ์บ้านพลูหลวง เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งเป็นเจ้ากรมพระคชบาล (เจ้ากรมช้าง) โปรดฯ ให้สร้างวัดบรมพุทธรามขึ้น ณ บริเวณพระนิเวศน์เดิมของพระองค์ในบริเวณที่เรียกว่า บ้านหลวง ตำบลป่าตอง ซึ่งอยู่ในเขตกำแพงพระนคร ริมคลองฉะไกรน้อยใกล้กับประตูไชย ใช้ระยะเวลาในการสร้างถึง 3 ปีเศษ นอกจากนี้ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้หมื่นจันทรา ทำกระเบื้องเคลือบสีเหลืองมุงหลังคาพระอุโบสถและพระวิหาร ชาวกรุงศรีอยุธยาจึงนิยมเรียกกันเป็นสามัญว่า วัดกระเบื้องเคลือบ ด้วยเหตุเพราะหลังคาพระอุโบสถมุงกระเบื้องเคลือบสีเหลืองแกมเขียว จึงทำให้วัดบรมพุทธารามมีความสวยงามโดดเด่นกว่าพระอารามอื่น ๆ ในบริเวณเดียวกัน ที่ยังนิยมใช้กระเบื้องดินเผามุงหลังคาอยู่ มีเอกสารกล่าวว่าครั้งหนึ่งวัดนี้เคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์มาก่อน ส่วนภายในพระอุโบสถเคยมีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังที่วิจิตรงดงามแต่ได้เลือนหายไปตามกาลเวลาอีกทั้งถูกพม่าเผาในคราวเสียกรุง ในรัชสมัย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ได้ทำการปฏิสังขรณ์พระอารามครั้งใหญ่โดยโปรดให้ทำบานประตูประดับมุขฝีมือวิจิตร 3 คู่ซึ่งปัจจุบันคู่หนึ่งอยู่ที่ หอพระมณเฑียรธรรม ใน พระบรมมหาราชวัง อีกคู่หนึ่งอยู่ที่ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์ และอีกคู่ได้ผู้มีนำไปทำตู้หนังสือปัจจุบันอยู่ใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ภายในวัดมีพระอุโบสถเก่าแก่เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ฐานแอ่นโค้งเป็นรูปเรือสำเภา ซุ้มประตูหน้าต่างตกตแงด้วยลวดลายปูนปั้นที่งดงาม ภายในประดิษฐานพระประธานเป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูนปางมารวิชัย เป็นวัดที่มีความสวยงามของช่องหน้าต่างและประตูรอบพระอุโบสถมองออกมาตรงช่องจะตรงกับโบสถ์ที่อยู่ด้านนอกพอดี...
Read more