OZZYTHAI Cafe Bar Restaurant — Restaurant in Melbourne

Horrendous experience. I walked in & was glared at by the owner Sopa. She demanded to know what I wanted, as if though I wasn't there to dine. She pointed me to the dining area. She then approached and said I needed to order as the kitchen was closing. I explained I was ordering via the QR code. She left & came back to say again I needed to order. I showed her that I had ordered & the app was showing me a blank view. She disappeared for several minutes. She was taking phone calls, talking to staff and then out of view. After several minutes, I called out "hello! hello!" She came back & when I asked if my food was on the way, she bluntly shook her head. I asked why not & she told me that they wouldn't make my food as I had not paid. I was offended by this - she had taken one look at me and decided I couldn't afford the food, hence demanding to know what I wanted when I walked in. I told her I have a $3 million net worth, I can afford to pay for food but there's no payment on the app, as I had shown her, already. She ignored me and disappeared for several minutes again. There was a diner sitting next to me who he interjected that she was probably checking where my order was - eating his meal, happily. I told him that that's fine, I just needed her to communicate with me. At this point he said it was her culture. I said no you can't just blame "her culture" for her refusal to communicate and walking off. At this point he started shrieking & shrieking at me, saying how dare I mention my wealth, swearing the F word at me repeatedly, telling me I need a root - misogyny. Sopa joined in by shouting in my face. I asked her to please stop shouting at me, called her ma'am and explained to her that I had attempted to pay but the app didn't allow it. Meanwhile the male customer kept screaming the F word at me over & over again, calling me disgusting and that I want to be curtsied to for having money. I defended myself again by saying that the context was her suggesting I wasn't prepared to pay. Her husband came out and explained the app was third party. Sopa interrupted he and I speaking to give him a long explanation, defending herself and rolling her eyes at my saying I had "a million", leaving out the fact that she accused me of not paying for my meal. When I tried to explain myself, she insisted I let her keep talking. She continued for another several minutes. When it was my turn to speak, she's stuck her hand right up in my face and yelled over me. Sopa then followed the customer out, giggling with him and thanking him with her hands folded. She's obviously a bully. I told her husband the comment about my wealth was when she accused me of not paying for my meal and that's why they wouldn't cook it, I didn't appreciate a customer being empowered to scream the F word at me and tell me repeatedly that I needed a root. Her husband pulled out his phone and said he was going to watch the camera. I asked him for the camera had audio and he said yes. Obviously what he saw didn't work in their favour because he started asking me how to resolve this. At this point I did not know she was his wife so I said - it will be resolved if your staff member doesn't walk away from me without talking, doesn't imply I can't afford to pay, doesn't follow behind another customer bowing her hands & laughing as he screams the F word at me and tells me I need a root, and doesn't stick a hand to my face and scream. He told me that she was his wife who owned the business, and tried to guilt me for other customers sitting there. I said in that case, it would be resolved if your wife didn't behave that way. He told me he was trying to "resolve it" and I said I was leaving - but it's not resolving it by replying that this is your wife & she owns the business and guilting me for answering his Q. He became very flustered at being held accountable for defending atrocious behaviour and started throwing me out while I was walking out anyway. He made comments about my attitude - because women mustn't defend themselves...

ขอใช้พื้นที่ส่วนตัว เล่าในสิ่งที่ทุกคนไม่เคยรู้ ที่ออกมาโพสเพราะต้องการปกป้องตัวเองและให้เห็นกับความจริงที่เป็น ตลอดระยะ4ปี ที่คบกับคนคนนึงมา ไม่เคยเลิกกันแม้สักครั้งเดียว แต่ฝ่ายหญิงต้องการปกปิดเรื่องยังอาศัยอยู่ที่บ้าน ยังใช้ชีวิตร่วมกันมาตลอด จนได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ ก็ยังคงติดต่อ โทรหากันทุกวัน คอลทิ้งสายไว้ทุกคืน ไม่เคยขาดติดต่อกัน นอกจากวันที่ทะเลาะกัน จนมีวันนึง เริ่มระแคะระคายว่ามีคนอื่น ก็พยายามเงียบไม่พูดไม่ถาม ไม่เคยเช็คอะไรทั้งนั้น แม้กระทั่งฝ่ายหญิงบล็อกทุกช่องทางในโลกโซเชียล เหตุผลที่ให้มาคือไม่อยากให้ใครรู้ว่าคบกันอยู่ ก๋พยายามเข้าใจมาตลอด จนมาถึงวันที่กำหนดกลับมาหาที่ไทย ฝ่ายหญิงได้ขอไปเที่ยวก่อนที่ใต้หวัน ก็แปลกใจว่าทำไมต้องไป ไม่เคยมีแพลนหรือมีญาติที่จะไปหา และไม่บอกล่วงหน้า บอกแค่ก่อนวันบิน1วัน ตลอดระยะเวลาที่ไปใต้หวัน ไม่เคยติดต่อกลับ อ้างนู้นอ้างนี้ ไม่ตอบแชท ไม่รับสาย หาเรื่องทะเลาะเพื่อไม่ต้องคอลสายเหมือนทุกคืน จนมาถึงวันที่กำหนดมาไทย ไปรับที่สนามบินเหมือนเดิมปกติ ใช้เวลาอยู่ด้วยกันทุกวัน ไปเที่ยวทำอะไรด้วยกันเหมือนตอนอยู่ทุกอย่าง แต่ที่แปลกคือ โทรศัพท์จับไม่ได้เลย แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะไม่เคยเช็คโทรศัพท์นางอยู่แล้ว จนคืนสุดท้ายก่อนบินกลับเรียน มือถือเครื่องนั้นถูกวางอยู่ที่โต๊ะกินข้าว เราหวังดีจะเอาขึ้นไปชาร์จให้ แต่ไม่รู้อะไรดนใจให้เปิดดู และสิ่งที่สงสัยมาตลอดก็คือเรื่องจริง ผู้หญิงคนนี้แอบคุยกับผู้ชาย คำพูดไม่ใช่เพื่อน ใช้คำเกินเพื่อนถึงขนาดจะซื้อแมวให้กันแทนความเป็นลูก ตอนนั้นมือชาตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก เรียกมาคุย หลักฐานคาตาก็ไม่ยอมรับ บอกว่าเพื่อน สุดท้ายคาดคั้นก็บอกว่าคุยจริงแต่คุยแค่ขำๆอาทิตย์เดียว

(ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเคยไปนอนด้วยกันมาแล้วตั้งแต่เมลเบรินจนบินไปหาเค้าถึงที่ ที่ใต้หวัน)

ก็เกิดข้อตกลงกันอีกครั้ง เพราะเราทั้งคู่มีพันธสัญญากันว่า เมื่อไหร่ที่ฝ่ายใดผ่ายนึงเกิดการนอกใจกันก่อน ไม่ว่าจะเป็นของไหน เช่น รถ ลูก ค่าใช้จ่ายบัตรเครดิตทุกอย่าง คนที่นอกใจต้องเป็นคนรับผิดชอบ และไม่มีสิทธิได้ครอบครองสิ่งของที่ว่าไปทั้งหมด เรามีแชทที่ตกลงข้อนี้กันมาโดยตลอด จนมาถึงวันที่มาส่งกลับที่สนามบิน ฝ่ายหญิงอ้อนวอนขอโอกาสสัญญาว่าจะไม่ทำอีกและให้สัญญาว่าจะปรับปรุงตัวให้ดีกว่าเดิม จะไม่แอบคุยและนอกใจอีก (มีไฟล์เสียงยืนยัน)

แต่สุดท้ายผ่านไปแค่สองวัน พฤติกรรมหนักกว่าเดิม บล็อกทุกช่องทาง แต่ไม่บล็อกคนที่แอบคุย ซึ่งตลอดระยะเวลารู้ความเคลื่อนไหวมาโดยตลอดว่ายังไม่เลิกแอบทำชั่วๆกัน หนักไปกว่านั้น ยังจับได้คาหนังคาเขา ว่าคบซ้อนผู้หญิงที่เป็นเลสอีกคน อยากรู้ความจริงก็เลยทักไปหาผู้หญิงคนนั้น ซึ่งเค้าไม่รู้ว่ามีแฟนอยู่ที่ประเทศไทย เพราะฝ่ายหญิงบอกเค้าว่าได้เลิกกันแล้ว จนเลสคนนั้นก็ขอจบความสัมพันธ์ลง แต่….ก็ยังแอบคุยกัน นัดไปกินข้าวกัน จนจับได้อีกเป็นครั้งสอง 👏🏻👏🏻

ไม่รู้ว่าจะต้องอึ้งอันไหนก่อน ระหว่างไปหลับนอนกับผช และไปนอนกับ ผญ สุดท้ายก็ปล่อยให้ทุกอย่างมันผ่านไป จนกระทั่งยาวมาถึงเดือนนี้ เดือนเกิดของเธอ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีปัญหากันมาตลอด แต่ก็ไม่เคยไปไหนหรือทำอะไรนอกลู่นอกทาง ฝ่ายหญิงก็ยังคอยเช็คคอยโทรมาเรามีคนใหม่ใช่ไหม นอกใจใช่ไหม พยายามโยนความผิดทุกอย่างมาที่เรา ด่า ว่าเราว่าลืมวันเกิด ทั้งที่รู้ว่าเธอไปกับผชที่แอบคุย (เพื่อน..ที่บอกไม่มีอะไร) ถ่ายรูปโอบเอว เดินกอดกันที่ถนน เรื่องบนเตียงไม่ต้องพูดถึง เราไม่เคยรู้มาโดยตลอด จนมีคนส่งรูปมาให้ ตาสว่างทันที กับทามไลน์ที่สงสัยมาตลอด มันคือเรื่องจริงและคำโกหที่ให้มาตลอดระยะเวลา6เดือน คบซ้อน มีชู้ ผชและผญ หลับนอนไปทั่ว ทั้งที่ยังไม่เคยเลิกกับคนที่อยู่ไทยเลยสักครั้งเดียว วันนี้ที่ออกมาพูด เพราะอยากปกป้องตัวเอง กับสิ่งที่นางไปพูดว่าร้ายให้คนอื่นฟัง 1.เรื่องทำร้ายร่างกาย จริง แต่เหตุผลเพราะอะไรรู้กันอยู่สองคน (นอกใจ) (รับจ้างกินข้าวกับผช) แชทอ่อยผช และอีกมากมายที่ทุกคนไม่เคยรู้ รู้แค่ว่านางถูกทำร้ายร่างกาย 2.มีหนี้ที่ต้องใช้อยู่ จริง มีสินเชื่อที่ขอกู้มา1ก้อน ซึ่งรับผิดชอบมาโดยตลอด รวมทั้งยังต้องมานั่งจ่ายบัตรเครดิตที่นางใช้ 3.รถ เป็นชื่อนาง จริง แต่เงินค่างวดทุกบาท จากการทำงานของตัวเราเอง เข้าบัญชีส่วนตัวนาง เลยต้องให้จ่ายผ่านแอปธนาคารทุกครั้ง ไม่เคยติดค่างวดสักครั้ง 4.ชื่อที่เอามาทำงานแทนในฐานะ ผจก. เพราะตอนคบกันก็อยากให้มีรายได้เข้าบัญชี ในอนาคตจะได้ทำธุรกรรมต่างๆได้ แต่ตอนนี้ได้ลาออกถอดชื่อเป็นที่เรียบร้อย

ทุกอย่างที่ออกมาพูดเพื่อให้ทราบ เพราะสิ่งที่นางเอาไปเล่า ร้ายแรงมาก ใช้คำด่าทอเรายิ่งกว่าสัตว์ ทั้งที่ตัวเองนอกใจตลอดเวลาที่คบกัน หน่ำซ้ำตอนนี้เปิดตัวแฟนลงโซเชียลชัดเจน ซึ่งเป็นคนที่เราจับได้และบอกเป็นแค่เพื่อนกัน ...

This place made our Melbourne trip AMAZING!!!!

So on 20th Feb, on our anniversary day, the plan was to start from Warrnambool and roam around the great ocean road and then eat at a restaurant booked for 8pm. And thank god we missed that as we were super late and didn't know where to go as the time was already 11pm when we were getting ready. One of our friends who was also on a trip to Melbourne suggested us this place which stays open till 12am. So we started from our arbnb at 11.30am and called to ask them if they will serve us or not. They said its okay. So we reached there by 11.50!!! Then we had their AMAZING food with authentic Thai taste which blew our Mind ( I am a big time authentic Thai fan) we were overwhelmed with their service and food and decided to take our friends to give them a treat in this place. So the next day 5 of us smashed thr food and again it was delicious and cooked to perfection 🥰 and thr price is worth every penny!!! Now I am back in Sydney and still can taste their green curry, tomyum fried rice