สักการะพ่อแก่ วัดพระพิเรนทร์
วัดพระพิเรนทร์ เป็นวัดโบราณ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ไม่พบข้อมูลว่าเดิมชื่อวัดอะไร ราว พ.ศ. 2379 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการสร้างและปฏิสังขรณ์วัดทั่วพระนครนั้น พระพิเรนทรเทพ (ขำ ณ ราชสีมา) เจ้ากรมพระตำรวจใหญ่ขวา ได้ปฏิสังขรณ์วัดนี้ และสร้างกุฏิใหม่จำนวน 12 หลัง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และได้รับพระราชทานนามว่า วัดขำเขมการาม ตามชื่อผู้ปฏิสังขรณ์ แต่ทั่วไปมักเรียกลําลองว่า วัดพระพิเรนทร์ ตามบรรดาศักดิ์ ซึ่งเป็นที่รู้จักและเข้าใจมากกว่า ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระพิเรนทรเทพ (ขำ ณ ราชสีมา) ขณะนั้นมีบรรดาศักดิ์ที่ พระยาไชยวิชิต ตำแหน่งผู้รักษากรุงเก่า ไปเป็น พระยานครราชสีมา ตำแหน่งเจ้าเมืองนครราชสีมา (โคราช) พระองค์จึงแปลงนาม วัดขำเขมการาม เป็น วัดขำโคราช ตามชื่อและตำแหน่งซึ่งพระราชทานใหม่ กระทั่งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้เปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการว่า วัดพระพิเรนทร์ ซึ่งเป็นที่รู้จักและเข้าใจมากกว่า วัดพระพิเรนทร์ได้รับการทำนุบำรุงโดยราษฎรในพื้นที่ ในระยะเวลาหนึ่งเกิดการทรุดโทรม ถึงราว พ.ศ. 2434–2435 คุณหญิงสมบัตยาธิบาล (เงิน) ภริยาของพระยาสมบัตยาธิบาล (ปาน) จึงดำเนินการปฏิสังขรณ์วัดเป็นการใหญ่ โดยดำเนินการสร้างอุโบสถหลังใหม่ ศาลา กุฎิ หอระฆัง และถนน กับซ่อมแซมสรรพสิ่งต่างๆ ที่ชำรุดทรุดโทรม เสร็จแล้วจึงจัดงานฉลอง ขอพระราชทานถวายเป็นพระราชกุศล โดยกระทรวงธรรมการได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงอนุโมทนาในการกุศลนี้ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2445 สมัยพระเทพคุณาธาร (ผล ชินปุตฺโต) เป็นเจ้าอาวาส วัดมีความรุ่งเรือง มีพระภิกษุสามเณรและศิษย์วัดจำนวนมาก เป็นแหล่งผลิตบัณฑิต เช่น สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ที่เคยจำพรรษา และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดนี้ วัดแห่งนี้ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2438 กรมศิลปากร ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน หมายเลขทะเบียน 0005526 ตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ.2566
พระอุโบสถ ลักษณะอุโบสถ เป็นฝีมือช่างหลวง โดดเด่นด้วยการผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบตะวันออกกับตะวันตก ซุ้มอาคารด้านหน้าและด้านหลังประดิษฐานพระพุทธรูปยืนด้านละ 1 องค์ ภายในอาคารประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิ เป็นพระประธานประจำอุโบสถ จำนวน 1 องค์ แวดล้อมด้วยพระพุทธรูปนั่งจำนวน 6 องค์ และพระพุทธรูปยืนจำนวน 6 องค์
มณฑปพระเทพคุณาธาร (ผล ชินปุตฺโต) ตั้งอยู่ระหว่างอุโบสถกับวิหาร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2530 ภายในประดิษฐานรูปเหมือนพระเทพคุณาธาร (ผล ชินปุตโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพิเรนทร์ ผู้พัฒนาวัดให้มีความเจริญและมีชื่อเสียง
เก๋งจีน ตั้งอยู่หน้ามณฑปพระเทพคุณาธาร (ผล ชินปุตฺโต) สร้างโดยชาวไทยเชื้อสายจีนซึ่งพำนักอาศัยอยู่บริเวณวัด เมื่อ พ.ศ. 2508 ภายในประดิษฐานพระสังกัจจายน์ และยังเป็นที่ตั้งศูนย์บูชาวัตถุมงคลวัดพระพิเรนทร์
วิหารหลวงพ่อดำ หลวงพ่อเพชร ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้น ปางมารวิชัย ศิลปะช่างพื้นบ้าน พระนามว่า "หลวงพ่อดำ" เป็นพระพุทธรูปโบราณ มีอายุเก่าแก่คู่วัดมาช้านาน ประชาชนนิยมนับถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปโลหะ ปางมารวิชัย ศิลปะเชียงแสน (จำลอง) พระนามว่า "หลวงพ่อเพชร"
พระเจดีย์ ตั้งอยู่บริเวณทิศใต้ของวิหาร เป็นเจดีย์ทรงลังกา สร้างขึ้นเมื่อใดไม่พบข้อมูล ราวสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ชำรุดเสียหาย ทางวัดจึงดำเนินการบูรณะมีรูปทรงที่ปรากฏในปัจจุบัน
สมาคมสงเคราะห์สหายศิลปิน (ส.ส.ศ.) จัดตั้งโดยกลุ่มศิลปิน เพื่อช่วยเหลือและส่งเสริมศิลปะ ศิลปิน โดยได้รับการอุปถัมภ์จากทางวัดให้ใช้สถานที่ดำเนินการสมาคมและเป็นอาศรมพ่อแก่ บรมครูของศิลปิน ซึ่งประชาชนนิยมมาสักการะบูชา
วัตถุมงคลที่โด่งดังเป็นที่นิยมศรัทธาของวัดนี้ได้แก่ "เหรียญบรมครูพ่อแก่ วัดพระพิเรนทร์ ปี 2513" เป็นเหรียญที่ออกให้บูชาเพื่อเป็นที่ระลึกในพิธีไหว้ครู ณ วัดพระพิเรนทร์ เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2513 จัดสร้างโดยสมาคมสงเคราะห์สหายศิลปิน (ส.ส.ศ) โดยให้บูชาเพียง 20...
Read moreวัดพระพิเรนทร์ เป็นวัดโบราณ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ไม่พบข้อมูลว่าเดิมชื่อวัดอะไร ราว พ.ศ. 2379 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการสร้างและปฏิสังขรณ์วัดทั่วพระนครนั้น พระพิเรนทรเทพ (ขำ ณ ราชสีมา) เจ้ากรมพระตำรวจใหญ่ขวา ได้ปฏิสังขรณ์วัดนี้ และสร้างกุฏิใหม่จำนวน 12 หลัง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และได้รับพระราชทานนามว่า วัดขำเขมการาม ตามชื่อผู้ปฏิสังขรณ์ แต่ทั่วไปมักเรียกลําลองว่า วัดพระพิเรนทร์ ตามบรรดาศักดิ์ ซึ่งเป็นที่รู้จักและเข้าใจมากกว่า ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระพิเรนทรเทพ (ขำ ณ ราชสีมา) ขณะนั้นมีบรรดาศักดิ์ที่ พระยาไชยวิชิต ตำแหน่งผู้รักษากรุงเก่า ไปเป็น พระยานครราชสีมา ตำแหน่งเจ้าเมืองนครราชสีมา (โคราช) พระองค์จึงแปลงนาม วัดขำเขมการาม เป็น วัดขำโคราช ตามชื่อและตำแหน่งซึ่งพระราชทานใหม่ กระทั่งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้เปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการว่า วัดพระพิเรนทร์ ซึ่งเป็นที่รู้จักและเข้าใจมากกว่า.....
วัดพระพิเรนทร์ได้รับการทำนุบำรุงโดยราษฎรในพื้นที่ ในระยะเวลาหนึ่งเกิดการทรุดโทรม ถึงราว พ.ศ. 2434–2435 คุณหญิงสมบัตยาธิบาล (เงิน) ภริยาของพระยาสมบัตยาธิบาล (ปาน) จึงดำเนินการปฏิสังขรณ์วัดเป็นการใหญ่ โดยดำเนินการสร้างอุโบสถหลังใหม่ ศาลา กุฎิ หอระฆัง และถนน กับซ่อมแซมสรรพสิ่งต่างๆ ที่ชำรุดทรุดโทรม เสร็จแล้วจึงจัดงานฉลอง ขอพระราชทานถวายเป็นพระราชกุศล โดยกระทรวงธรรมการได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงอนุโมทนาในการกุศลนี้ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2445 สมัยพระเทพคุณาธาร (ผล ชินปุตฺโต) เป็นเจ้าอาวาส วัดมีความรุ่งเรือง มีพระภิกษุสามเณรและศิษย์วัดจำนวนมาก เป็นแหล่งผลิตบัณฑิต เช่น สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ที่เคยจำพรรษา และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดนี้ วัดแห่งนี้ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2438
พระอุโบสถ ลักษณะอุโบสถ เป็นฝีมือช่างหลวง โดดเด่นด้วยการผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบตะวันออกกับตะวันตก ซุ้มอาคารด้านหน้าและด้านหลังประดิษฐานพระพุทธรูปยืนด้านละ 1 องค์ ภายในอาคารประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิ เป็นพระประธานประจำอุโบสถ จำนวน 1 องค์ แวดล้อมด้วยพระพุทธรูปนั่งจำนวน 6 องค์ และพระพุทธรูปยืนจำนวน 6 องค์
วิหารหลวงพ่อดำ หลวงพ่อเพชร ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้น ปางมารวิชัย ศิลปะช่างพื้นบ้าน พระนามว่า "หลวงพ่อดำ" เป็นพระพุทธรูปโบราณ มีอายุเก่าแก่คู่วัดมาช้านาน ประชาชนนิยมนับถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปโลหะ ปางมารวิชัย ศิลปะเชียงแสน (จำลอง) พระนามว่า...
Read moreวัดเก่าแก่ขนาดไม่ใหญ่ แต่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปจากการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพพระภิกษุไร้ญาติทุกวันสงกรานต์ 13 เม.ย.และพิธีไหว้ครูสมาคมสงเคราะห์สหายศิลปิน ทุกวันพฤหัสแรกของเดือนกันยายน ไม่ปรากฏชื่อเดิม เมื่อสมัยรัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯให้มีการสร้างและปฏิสังขรณ์วัดทั่วพระนครนั้น พระพิเรนทรเทพ (ขำ ณ ราชสีมา) เจ้ากรมพระตำรวจใหญ่ขวา (ไม่ใช่พระพิเรนทรเทพสมัยรัชกาลที่ 5 ผู้เป็นที่มาสำนวนเล่นพิเรนทร์) ได้ปฏิสังขรณ์วัดนี้ ได้รับพระราชทานนามว่า วัดขำเขมการาม ตามชื่อผู้ปฏิสังขรณ์ ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 4 ท่านได้เป็นพระยานครราชสีมา พระองค์จึงแปลงนามเป็น วัดขำโคราช ตามชื่อและตำแหน่งซึ่งพระราชทานใหม่ กระทั้งสมัยรัชกาลที่ 5 จึงได้เปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการว่า วัดพระพิเรนทร์ ตั้งอยู่บนถนนวรจักร เยื้องคลองถมเซ็นเตอร์ เมื่อเข้าวัดจะมีลานที่จอดรถเก็บเงิน ทางขวามือจะเห็นพระอุโบสถแบบพระราชนิยมในสมัยรัชการที่สาม หันหน้าไปทางทิศตะวันออกสู่ถนน หน้าจั่วเป็นปูนปั้นลายพฤกษา มีช่อฟ้าใบระกาและหางหงส์เป็นปูนปั้นรูปพญานาค เสารอบอุโบสถก่อเป็นซุ้มยอดแหลม ใบเสมาติดที่กำแพงอุโบสถ มีหลวงพ่อยิ้มพระปางสมาธิเป็นพระประธาน ด้านหน้าและด้านข้างมีพระนั่ง 7 องค์ ด้านหลังมีพระยืน 6 องค์ ถัดเข้าไปเป็นวิหารหลวงพ่อดำ เป็นแบบขนบเดิมมีช่อฟ้าใบระกาหางหงส์ หันหน้าทางทิศตะวันออกเช่นกัน ปัจจุบันกำลังบูรณะแต่เปิดให้เข้าไปไหว้หลวงพ่อดำ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยเก่าแก่คู่วัด ด้านหลังเป็นหลวงพ่อเพชรพระปางมารวิชัยเช่นกัน ข้างวิหารด้านขวามีเจดีย์ทรงลังกาสีทอง ด้านซ้ายตรงกลางระหว่างพระอุโบสถกับวิหารมีอาคารเก๋งจีนเป็นที่บูชาวัตถุมงคลของวัด ด้านหลังเป็นมณฑปพระเทพคุณาธาร (ผล ชินปุตโต) อดีตเจ้าอาวาสผู้พัฒนาวัดให้มีความเจริญ มีพระภิกษุสามเณรและศิษย์วัดจำนวนมาก เป็นแหล่งผลิตบัณฑิต เช่น สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์.ปยุตโต) ที่เคยจำพรรษาและดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดนี้ยังมีชื่อเสียงด้านดนตรี เคยเป็นที่จัดประชันวงปี่พาทย์ ทางด้านหลังวัดมีศาลปู่ฤษีอาคารทรงจตุรมุข เป็นที่ตั้งสมาคมสงเคราะห์สหายศิลปิน เมื่อสัปดาห์ก่อนผมได้มาไหว้พระเก้าวัดแถบสำเพ็งเยาวราช วันนี้ผมมาไหว้พระต่อแถบวรจักรนางเลิ้ง เริ่มจากวัดพระพิเรนทร์...
Read more